36 - คุณอยากซื้อนาฬิกาสักเรือนไหม
36 - คุณอยากซื้อนาฬิกาสักเรือนไหม
ชายตาเดียวนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล สีหน้าไม่แยแส เขาไม่พูดอะไร เขาหันศีรษะและมองไปด้านข้าง หัวใจของเขาไม่มีความแปรปรวน แม้แต่ความคิด
เขายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
อัมพาตชั่วคราวที่ขาขวา
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ตาของคุณกลับมาเป็นปกติหรือยัง”
หลินฟ่านมีความเชื่อมั่นต่อผู้เฒ่าจางมาก เมื่อเห็นชายตาเดียวกลับมา เขาก็ถามถึงสถานการณ์ในทันที ผู้เฒ่าจางก็ไม่สบายใจเช่นกัน เขากลัวว่าการรักษาครั้งที่ 2 ของเขาจะล้มเหลว
แต่ชายตาเดียวไม่สนใจพวกเขา
เขาเข้าใจแล้วว่าสองคนนี้ป่วยทางจิตจริงๆ และเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากผู้ป่วยทางจิตพวกนี้
ตอนนี้ผลลัพธ์ก็ชัดเจน เขาอยู่ในอาการโคม่าสองครั้งและทำให้ขาขวาเป็นอัมพาตชั่วคราว
เรื่องนี้มีผลต่อจิตใจของเขามาก
ไม่ว่าสองคนนี้จะถามอะไร เขาจะไม่พูดอะไรอีก
เมืองเอี๋ยนไห่มีสิ่งชั่วร้ายซ่อนเร้นอยู่ และมีหลายสิ่งหลายอย่าง เขาไม่มีเวลาให้เสียไปกับไอ้โรคทางจิตทั้งสองนี้ เขายังโทษว่าตัวเองโง่อีกด้วยที่เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ที่นี่
“เขาคงจะตื่นเต้นมาก” หลินฟ่านกล่าว
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ผู้เฒ่าจางเชื่อตามคำพูดของหลินฟ่าน
"ในที่สุดมันก็ประสบผลสำเร็จ"
หลินฟ่านกระซิบกับผู้เฒ่าจาง
จางหงหมินรู้สึกประหม่ามาก สัตว์ประหลาดตาเดียวผู้ป่วยทางจิตอีกคนหนึ่งนั้นจริงจังและน่ากลัวเกินไป ถ้าเขาคุ้มคลั่งขึ้นมาลูกสาวตัวเล็กๆของเขาอาจได้รับอันตรายก็ได้?
ไม่... ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหน ฉันจะปกป้องลูกสาวของฉันอย่างสุดชีวิต
หากชายตาเดียวรู้ว่าจางหงหมินกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธอย่างแน่นอน
คุณสิเป็นผู้ป่วยทางจิต บิดาคนนี้ถูกหลอกโดยไอ้บ้าทั้งสองคนจนต้องมาติดอยู่ที่นี่ บิดาคนนี้ไม่ใช่คนที่คุณจะมาดูหมิ่นได้!
ณ ขณะนี้.
หลินฟ่านชี้ไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและพูดว่า
"ตอนนี้เธอเจ็บปวด ฉันรู้สึกได้"
“เธอต้องการให้ฉันฝังเข็มให้ไหม” ผู้เฒ่าจางถาม
"คุณไม่สามารถฝังเข็มให้เธอ เธอเป็นนางฟ้าตัวน้อย นางฟ้าตัวน้อยไม่อาจแตะต้อง" หลินฟ่านกล่าว
“อ้าว แล้วเธอต้องดื่มนมถั่วเหลืองไหม” ผู้เฒ่าจางถาม
ทั้งสองนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและสื่อสารกัน
จางหงหมินตัวสั่นจิตใจหนาวเหน็บ เขาอยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจอย่างมาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าการอยู่ในวอร์ดของผู้ป่วยทางจิตนั้นมีอันตรายร้ายแรงมากแค่ไหน
เขายืนอยู่ข้างหน้าลูกสาวของเขา เหมือนกับสิงโตโกรธและแสร้งทำเป็นดุร้าย
เขาจ้องไปที่หลินฟ่านและผู้เฒ่าจาง โดยส่งสัญญาณว่าจะไม่อนุญาตให้พวกเขาทำอันตรายต่อเด็กหญิงได้อย่างเด็ดขาด
ในเวลานี้คุณหมอผมขาวก็เดินเข้ามาที่วอร์ด
จางหงหมินที่มองเห็นหมอก็วิ่งเข้าไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ลูกสาวของเขามาหาหมอ หมอคนนี้เก่งมาก เมื่อรู้ว่าครอบครัวของเขาประสบปัญหาคุณหมอก็ยังให้ลูกสาวของเขาพักรักษาตัวอยู่ที่นี่โดยยังไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อทำการรักษาได้อย่างไร
“หมอครับ มีความหวังไหม มีไขกระดูกที่เข้าคู่กันไหม”
เขามองหมออย่างมีความหวัง
ลูกสาวของเขารอมาหลายเดือนแล้วและได้เตรียมการหลายอย่างเพื่อจะปลูกถ่ายไขกระดูก
หมอมองไปที่พ่อด้วยสายตาเศร้าโศกและส่ายหน้า
ความหวังของจางหงหมินถูกทำลายในทันที เขาชะงัก รู้สึกไม่มั่นคงเล็กน้อย มือของเขาคว้าไปที่เตียงพยาบาลเพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลงในขณะที่ปากของเขาพึมพำเบาๆ
“เป็นไปได้ยังไง”
คุณหมอชราพยายามปลอบโยน: "เรายังคงไม่เลิกค้นหา เมื่อได้ความคืบหน้าอะไรพวกเราจะแจ้งให้คุณทราบอีกครั้ง"
จางหงหมินทรุดตัวลงกับพื้น เขาจับศีรษะของตัวเองแล้วพูดเสียงแหบ
“แต่ลูกสาวของผมไม่สามารถรออีกได้แล้ว เราไม่มีเงิน”
หมอถอนหายใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
“ผมเคยเห็นข่าวในทีวีแล้ว พวกเราบริจาคได้หรือเปล่า”
หลินฟ่านชี้ไปที่ตัวเอง ชี้ไปที่ผู้เฒ่าจางแล้วชี้ไปที่ชายตาเดียว
“จะบริจาคอะไร” ผู้เฒ่าจางงงงวยมากและกอดกล่องเข็มเงินแน่น
"บริจาคอะไรก็ได้ยกเว้นเข็มเงิน"
"บริจาคสเต็มเซลล์"
"นั่นคืออะไร?"
“ไม่รู้สิ ผมเคยเห็นมันในทีวี”
ถ้าจะบอกว่าใครมีสติมากที่สุดในห้องก็ต้องเป็นคนตาเดียว
เขาไม่ต้องการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยทางจิตสองคนนี้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาพร้อมที่จะจากไปในทันที แม้ว่าขาของเขาจะใช้การไม่ได้ชั่วคราวแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
ตอนนี้ผู้ป่วยทางจิตบอกว่าต้องการบริจาคสเต็มเซลล์โดยไม่ถามความเห็นของเขา เขาจะยอมได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยทางจิตทั้งสองต่างก็เต็มใจที่จะทำสิ่งนั้น ถ้าเขาปฏิเสธไม่ได้แปลว่าเขาเห็นแก่ตัวมากกว่าผู้ป่วยทางจิตอีกหรือ?
ไอ้สาระเลวพวกนี้!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมอก็มองไปที่หลินฟ่านและคนอื่นๆ จู่ๆเขาก็ตื่นขึ้นและเกือบลืมไปเลยว่ามีผู้ป่วยทางจิตสองคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นประจำ เพียงแต่ว่าพวกเขาเป็นผู้ป่วยทางจิตหมอเลยลืมตัวตนของพวกเขาไป
"คุณแน่ใจไหม?" หมอผมขาวถาม
"แน่ใจมาก" หลินฟ่านกล่าวอย่างใจเย็น
“ผมก็เหมือนกัน ผมสามารถบริจาคทุกอย่างที่เขาบริจาคแต่ผมต้องได้รับค่าตอบแทนเป็นสไปรท์” ผู้เฒ่าจางต้องการดื่มสไปรท์ มันไม่สำคัญว่าเขาบริจาคอะไร แค่ให้ฉันดื่มสไปรท์เป็นพอแล้ว
“ส่วนผมอยากได้โค้ก”
ชายตาเดียวไม่มีความใจดีแบบนั้น แต่เขาไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับคนป่วยทางจิต เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
จางหงหมินอ้าปากค้างและมองไปที่ผู้ป่วยทางจิตที่เขาระวังด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่คาดคิดว่าคนพวกนี้จะเต็มใจบริจาค แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเซลล์ที่บริจาคมาจะตรงกันหรือไม่ แต่มันก็ทำให้เขาซึ้งใจเป็นอย่างมาก
เขาเดินไปที่เตียงของหลินฟ่าแต่หลินฟ่านรู้ดีว่าชายวัยกลางคนต้องการทำอะไร เขาจึงดึงชายวัยกลางคนขึ้นเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามคุกเข่า
“ขอบคุณ...”
ดวงตาของชายวัยกลางคนแดงก่ำ และเขาละอายใจอย่างมากกับพฤติกรรมก่อนหน้านี้
หลินฟ่านผลักชายวัยกลางคนออกไปเบาๆและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง เขามองดูเด็กหญิงตัวเล็กๆและทำหน้าล้อเลียนเธอ
แต่รอยยิ้มนั้นทำให้หมอผมขาวตัวสั่น
การเห็นรอยยิ้มนี้อาจทำให้เขาฝันร้ายในตอนกลางคืน มันช่างหนาวเหน็บเกินไป มันเป็นความมืดมนอย่างถึงที่สุด
เด็กหญิงตัวเล็กๆนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลโดยทนกับความเจ็บปวดเพื่อแสดงรอยยิ้มออกมา
เธอชอบรอยยิ้มของพี่ใหญ่มาก
รอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นก็เหมือนกับในการ์ตูน
ฉากนั้นอบอุ่นมาก นั่นคือสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถรู้สึกได้
ต่อจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ง่ายมาก
เป็นการเจาะเลือดเพื่อทำการจับคู่
หลินฟ่านและผู้เฒ่าจางเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงพยาบาลแห่งนี้ พวกเขาทำการตรวจร่างกายเมื่อนานมาแล้วและมีข้อมูลอยู่ที่นั่น
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรื่องนี้อีก
ผู้เฒ่าจางกระซิบกับหลินฟ่าน
"ดูเหมือนว่าเขาจะขาดเงิน"
“คุณรวยไหม” หลินฟ่านถาม
"ไม่."
"ผมก็ไม่มีเหมือนกัน"
ผู้เฒ่าจางเกาหัว เปิดแขนเสื้อและลูบนาฬิกาข้อมือด้วยความรัก จากนั้นจึงลุกจากเตียง เอนตัวลงบนเตียงแล้วถามเสียงต่ำที่ข้างหูของชายตาเดียว
“คุณอยากซื้อนาฬิกาสักเรือนไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าจางชายตาเดียวก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
"ของโรเล็กซ์ สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง! ตราบใดที่คุณซื้อมัน ผมจะฝังเข็มให้คุณอีกครั้ง คุณคิดว่ายังไง?”