เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่14: วิกฤติที่คืบคลานเข้ามา?
ตอนที่14 : วิกฤติที่คืบคลานเข้ามา?
“ครานี้ ดูเเหมือนว่าความรุ่งโรจน์ของตระกูลหลินได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว แม้ว่าข้าจะคาดการณ์เอาไว้พอสมควร แต่กลับไม่คิดว่าสกุลหลินจะพบเจอกับโชคถึงสองชั้น!”
“ควรนับว่าเป็นเช่นนั้น ทั้งการปรากฏตัวของอัจฉริยะรุ่นเยาว์และหนทางในการก้าวสู่ดินแดนปราณถัดไปของบรรพชนหลิน”
“อีกเพียงแค่สามปีเท่านั้นสำหรับการเลื่อนขั้นของผู้เฒ่าหลิน เทียบแล้วก็ราวกับว่าเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปแล้วครึ่งก้าว”
“ข้ายังแทบจะเชื่อไม่ลง ปราณม่วงตะวันออกแสนลี้ นี่นับว่าเป็นยอดคนเพียงใดกัน? ช่างน่าหวั่นเกรงเกินไปแล้ว!”
“หากมิใช่เพราะข้าได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ไหนเลยจะเชื่อได้ลงว่าสิ่งนี้คือความจริง”
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เหล่าสหายเฒ่าทั้งหลายล้วนจากไปในทันทีพร้อมกับแรงแค้นในอกที่มีกับตาเฒ่าแซ่หลิน
เป็นเวลาหลายขวบปีที่พวกเขาต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำจากการที่ไม่สามารถจะเอาชนะตาแก่สกุลหลินได้ ในครานี้ พวกเขาล้วนคาดหวังว่าจะได้เอาคืนบ้างแม้เล็กน้อยก็ยังดี อย่าไรเสีย นอกจากโอกาสเอาคืนจะสูญเสียไปแล้ว ในหัวยังมีเพียงความคิดว่าจะต้องเคี่ยวกรำเหล่าลูกหลานอย่างไรเพื่อให้วิ่งตามทันเจ้าปิศาจน้อยตระกูลคนนั้น
ในเวลาเดียวกัน เหล่าผู้นำกองกำลังอื่นๆที่เหลือนอกจากเหล่าตระกูลใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ราวกับว่าอัจฉริยะน้อยสกุลหลินผู้นี้จะมิใช่เพียงอัจฉริยะสามัญ ถึงแม้เหล่ารุ่นเยาว์ที่เยี่ขยมยอดของพวกเขาจะเกิดมาพร้อมกับเหตุการณ์พิเศษบางประการ แต่ก็ไม่เคยมีคนใดถึงขั้นส่งผลให้เหล่าผู้บ่มเพาะรอบกายบ้างเลื่อนขั้น บ้างตัดผ่านคอขวดราวกับได้รับพรเยี่ยงนี้
ผู้นำฝ่ายต่างๆยังคงขบคิดอยู่ในสมองพร้อมความรู้สึกเหมือนตนเองได้พลาดบางอย่างที่สำคัญไป พวกจึงยิ่งต้องเพิ่มความใส่ใจที่มอบให้กับตระกูลหลินให้มากยิ่งขึ้น
……
ราตรีกาลมาเยือน ท้องฟ้าดำราวกับน้ำหมึก และโถงงานเลี้ยงด้านนอกได้รับการจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายในห้อง หลินซวนที่กำลังอยู่ในอ้อมอกของซวนยู่ยังคงบ่มเพาะปราณไม่หยุดหย่อน
หากจะมีใครสักคนลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่าบัดนี้ปราณม่วงรอบตัวของหลินซวนได้ลดความเข้มข้นลงไปบ้างแล้ว และเนื้อตัวของทารกน้อยดูราวกับกลายเป็นร่างโปร่งแสง
‘ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในแดนปรับปรุงกายขั้นแรกแล้ว…นี่มันจะไม่ช้าเกินไปหรือ?’ หลินซวนครุ่นคิดในระหว่างนั้น
แต่ในความเป็นจริง ถ้ามีใครสักคนมาได้ยินความคิดนี้ของเขาเข้า น่ากลัวว่าคนผู้นั้นคงหัวใจวายเป็นแน่แท้
ในวันแรกที่คลอด สติสัมปชัญญะรวมถึงความทรงจำของทารกนั้นย่อมต้องพร่าเลือนไร้สิ้นความชัดเจนเป็นธรรมดา อย่าได้กล่าวถึงการจะสามารถบ่มเพาะปราณใดๆได้เลย
ด้านนอกเสียงพวกคุยกระซิบกระซาบของเหล่าศิษย์หลักตระกูลหลินยังคงสะท้อนแผ่วเบาไปมาตามสายลม
ก่อนหน้านี้ เมื่อหลินซวนเลื่อนขั้น ปราณเลือดของเขาพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้เกิดภาพแปลกประหลาดของเหล่าสัตว์อสูรในตำนานมากมายที่กำลังท้าทายสวรรค์ เหล่าศิษย์หลักที่อยู่บริเวณรอบๆก็ล้วนสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ทำให้ตอนนี้พวกเขาเริ่มตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ
ถึงกระนั้น หลินซวนก็หาได้สนใจไม่ เพราะในตอนนี้จะมีอะไรที่เขาทำได้นอกจากบ่มเพาะอีก? ในเมื่อแม้แต่ขยับเขายังไม่สามารถกระทำได้ด้วยซ้ำ
จากการคำนวณของหลินซวนแล้ว หากเขาดูดซับปราณม่วงและเสียงแห่งเต๋าจนหมดสิ้น คาดว่าเขาจะสามารถเลื่อนขั้นไปได้จนถึงระดับห้าของแดนปรับปรุงกาย
“ข้าสงสัยยิ่งนักว่าจะมีรางวัลภารกิจอื่นในที่นอกเหนือจากการ [หายใจครั้งแรก] และ [ร้องไห้ครั้งแรก] อยู่อีกหรือไม่…”
ในความเงียบงัน หลินซวนยังคงบ่มเพาะปราณอย่างขยันขันแข็ง อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพัก เขากลับรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ สัมผัสวิญญาณของเขาเริ่มถูกกระตุ้นให้ตรวจสอบโดยรอบ แม้ไม่รู้ว่ากำลังค้นหาสิ่งใด หากแต่ช่วงพริบตาต่อมา ประสาทรับรู้ของเขาก็ขมวดตึงขึ้น!
“ท่านแม่?!”
บนเตียง ซวนยู่เริ่มเอนเอียงกายพิงผนัง ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ ลมหายใจติดขัดและอ่อนกำลังลง ใบหน้าที่กำลังขมวดคิ้วแน่และหน้าผากชื้นไปด้วยเหงื่อจำนวนมาก!
เกิดสิ่งใดขึ้น? หากแต่ตอนนี้หลินซวนกลับพบว่าสัมผัสวิญญาณของเขาไม่สามารถสำรวจต่อไปได้แล้วว่ามารดาเขากำลังเป็นอะไรไปกันแน่!
ซวนยู่ที่พละกำลังถดถอยลงไปทุกทีเริ่มเอียงลงมาบนที่นอนอย่างอ่อนล้า
ทั่วทั้งร่างของนางสั่นสะท้านอย่างผิดธรรมชาติ ถึงกระนั้น นางก็ยังคงกอดหลนิซวนไว้ในอ้อมแขนอย่างมั่นคง นี่เป็นเพราะซวนยู่ถูกวางยา? หรือเพราะร่างกายรับภาระหนักหนาเกินไปกันแน่?
หลินซวนเริ่มทำบางอย่างในทันที เขารวบรวมสมาธิเพื่อใช้มันควบคุมกลุ่มของปราณม่วงให้ควบแน่นเป็นทรงกลมแล้วส่งมันไปกระแทกกับด้านข้างของเตียง!
แคร้ง!
โครม!
ถ้วยที่ใช้ใส่น้ำแกงโอสถบำรุงกายร่วงลงกระทบกับพื้น แม้จะไม่ถึงขั้นแตกกระจายแต่เสียงนี้ก็มากพอจะเรียกความสนใจจากผู้คนที่อยู่ภายนอกได้ทันที! ในฐานะเซียนน้อยผู้เป็นความหวังจากตระกูลแล้วย่อมต้องมีองครักษ์มากมายคอยคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา!
เพียงเสียงถ้วยตกถึงพื้นดังขึ้น ร่างของสาวใช้ด้านนอกก็พุ่งเข้ามาในห้องทันที!
“นายหญิง!!”
“เกิดอันใดขึ้น!”
ไม่มีแม้เสียงตอบรับจากในห้องที่เงียบงัน เพียงพริบตาต่อมาเหล่าองครักษ์ที่แฝงตัวในรูปคนสาวใช้สี่คนก็มาปรากฏอยู่ข้างเตียง
“นายหญิง!”
เมื่อองครักษ์ทั้งสี่เห็นซวนยู่ที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง หนึ่งในนั้นรีบเข้ามาเพื่ออุ้มหลินซวนขึ้นแนบอก อีกหนึ่งหยิบโอสถบางอย่าออกมา คนหนึ่งกำลังจับชีพจรให้นาง
และคนสุดท้าย หายออกจากห้องพร้อมวิชาตัวเบาเพื่อไปแจ้งเรื่องนี้แก่หลินเฮ่า!
เพียงไม่กี่ลมหายใจ สายลมหอบหนึ่งก็พัดเข้ามา
ตูม! เสียงราวกับฟ้าพิโรธ!
หลินเฮ่าปรากฏตัวขึ้นในทันใด เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขาผลักเหล่าสาวใช้ข้างเตียงให้พ้นทาง องครักษ์เงาตามมาคุกเข่าอยู่พื้นด้านข้างตัว
“อายู่! ซวนเอ๋อร์!”
เมื่อสาวใช้สองคนตั้งตัวได้ ใบหน้าพวกนางก็เปลี่ยนไปเป็นอักลักษณ์ พวกนางคุกเข่าลงแล้วตอบหลินเฮ่าด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน
“นายท่าน นายน้อยยังคงสบายดี หากแต่นายหญิงอาการน่าเป็นห่วงยิ่ง!”
“ดูเหมือนว่านายหญิงจะได้รับพิษบางอย่างที่ลึกลับและซับซ้อนมาก ยิ่งกว่านั้น คาดว่านางจะโดนใครบางคนวางยามาเป็นระยะเวลานานแล้ว!”
เมื่อพวกเขาได้ยินประโยคนั้น สีหน้าของทุกคนในห้องก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง! หลินซวนที่ได้ยินเช่นกันก็เริ่มทบทวนอย่างรวดเร็วในสมอง
ยาพิษ? เป็นไปได้อย่างไร? ตลาดเวลามานี่ เขานั้นอยู่กับซวนยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ใครจะสามารถวางยามารดาของเขาได้!
ยิ่งกว่านั้น หากกล่าวว่าได้รับพิษมานานแล้ว หรือเป็นไปได้ว่าจะเริ่มมีการวางยานางตั้งแต่ก่อนเขาจะเกิด! เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ นางถึงได้ตั้งครรภ์เขานานถึงหนึ่งร้อยปี!