เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่13: ข้าแก่แล้ว มอบอนาคตให้รุ่นใหม่จัดการเถิด
ตอนที่13 : ข้าแก่แล้ว มอบอนาคตให้รุ่นใหม่จัดการเถิด
เมฆดำทะมึนเต็มท้องฟ้า ประกายแสงแปลกประหลาดสีเลือดสาดส่องไปทั่ว ร่างเงาของสิ่งมีชีวิตหลากชนิดพร่าเลือนเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวลับหาย หากแต่ล้วนกระทำเช่นเดียวกันคือเงยหน้าคำรามท้าทายสวรรค์เบื้องบน!
เพียงพบเห็นเหตุการณ์นี้ มนุษย์ทุกผู้ล้วนสั่นไหวในจิตใจ มารดามันเถิด! นี่มันจะน่าหวั่นเกรงเกินไปแล้ว!
แม้กระทั่งเหล่าอาวุโสสูงวัยที่ผ่านพบประสบการณ์มามากมายด้วยความสุขุมและสงบนิ่ง มาครานี้กลับทำได้เพียงสบถคำหยาบคายออกมาเท่านั้น
แค่แรกเกิดได้หนึ่งวัน เมื่อหายใจกลับกลายเป็นปราณม่วงปรากฏ พอร้องไห้สำเนียงแห่งเต๋าก็สั่นสะท้อนไปทั่ว ไม่เพียงจะส่งเสริมโชคก้อนใหญ่แก่ผู้คนรอบตัว แต่ถึงขั้นทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนบรรลุชั้นปราณที่สูงขึ้นได้! บัดนี้อุปสรรคใหญ่ที่ขวางกั้นพวกเขาได้ถูกปัดเป่าไปแล้ว เหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้นเพื่อที่จะได้เลื่อนขั้นแดนปราณถัดไป!
แต่นี่ เจ้าทารกปิศาจนั่นถึงกับเลื่อนขั้นลมปราณของตัวเองในวันเดียวหลังจากกำเนิดมา! แม้กระทั่งบรรพชนแซ่หลินตอนนี้ก็มิอาจจะทำใจให้สงบอยู่ได้ อย่างไรก็ตาม มองดูปรากฏการณ์ประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นบนผืนฟ้าตอนนี้ เปลือกตาของตาเฒ่าหลินทำได้เพียงกระตุกไปมา เจ้าปิศาจน้อยนี่เป็นอัจฉริยะที่เขาควรหวงแหนไว้อย่างยิ่ง!
…..
บัดนี้ แสงสีเลือดที่ปรากฏก่อนหน้าเริ่มรวมตัวกันกลายเป็นวงแหวน ที่มีอักขระเต๋าลอยวนอยู่รอบๆ
ถึงแม้จะบอกว่าการที่ร่างสีเลือดเงยหน้าท้าสวรรค์นั้นยังนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่ความลึกซึ้งและสิ่งที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุนี้ก็ได้ว่าซับซ้อนยิ่ง! ร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานนับไม่ถ้วนล้วนปรากฏตัวอยู่ในกลุ่มแสงสีเลือดนี้!
เพียงจ้องมอง ราวกับว่าพวกเขากำลังได้กลับไปอยู่ในยุคบรรพกาล กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันฟุ้งกระจายไปทั่ว นี่…เป็นเพราะรุ่นเยาว์แน่หรือ? เพียงขบคิดในใจ ใบหน้าก็ยังคงแสดงความโง่งมออกมาให้เห็น
หากมิใช่ว่าความจริงแล้ว ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาไม่ได้ใหญ่โตนัก และเป็นเพียงการเลื่อนชั้นของแดนปราณขั้นต่ำเท่านั้นล่ะก็ คงมีคนคิดว่านี่เกิดขึ้นจากการเลื่อนขั้นของผู้ที่มีระดับบ่มเพาะของดินแดนปราณขั้นกลางหรือขั้นสูงก็เป็นได้เสียด้วยซ้ำไป
แม้ลำแสงนี้จะอยู่ไม่นานนัก เพียงไม่ถึงสองเค่อก็จางหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ก็นับว่าเป็นการยืนยันให้ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงตระกูลหลินตอนนี้รับรู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างล้วนเป็รเพราะอัจฉริยะน้อยแซ่หลินอย่างแน่นอน!
ทั่วทั้งโถงงานเลี้ยงต่างเงียบงัน ใบหน้าของเหล่าแขกช่างดูอัปลักษณ์ สีหน้าเปลี่ยนไปมาราวกิ้งก่าเปลี่ยนสี
หลังจากความเงียบสงัดที่ปกคลุมอยู่ทั่วงานเลี้ยงดำเนินมาอยู่นาน ในที่สุดก็มีเสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“ช่างน่าเหลือเชื่อจนเกินไปยิ่งนัก ช่างเป็นเหตุการณ์สะเทือนหัวใจ เป็นเพียงรุ่นเยาว์แท้ๆแต่กลับเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้…”
“ตระกูลช่างแข็งแกร่ง”
เพียงได้ยินคำกล่าวนี้ บรรพบุรุษสกุลหลินก็กล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า “แน่นอนว่าเหตุการณ์เมื่อวานนั้นเกิดเพราะเซียนน้อยสกุลหลินของเรา ครานี้คงไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของข้าแล้วกระมัง?”
ทำได้เพียงพยักหน้ารับอย่างช่วยมิได้ เห็นแจ้งกับตาถึงเพียงนี้แล้วยังมีใจกล้าพอไม่เชื่อถืออยู่อีกหรือ? เจ้าเด็กน้อยแซ่หลินคนนั้นถึงกับเลื่อนขั้นให้ดูตอนหน้าต่อตาถึงเพียงนี้…
“ท่านบรรพชนหลิน ข้าขอถามได้หรือไม่? ท่านสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงสองขั้นภายในเวลาแค่สองวันได้หรือ?” นางชีแห่งแดนแสงศักดิ์สิทธิ์กล่าวถามขึ้นมา
“ก็ ราวๆนั้น” ผู้เฒ่าสกุลหลินพยักหน้า มองไปยังอาวุโสรุ่นเดียวกับแล้วยิ้มขึ้นมา
“นับว่ามิได้ยิ่งใหญ่เท่าใดนัก”
บิดาเจ้าเถอะ! สหายเก่าแก่รุ่นราวคราวเดียวกันกับตาแก่แซ่หลินสบถอยู่ในใจ เนิ่นนานที่ผ่านมาตั้งแต่พวกเขาก่อตั้งตระกูลขึ้นนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อตระกูลหลินก็มิใช่ชั่ว แต่มาบัดนี้เพียงเห็นตาแก่หลินกล่าวเช่นนี้ พวกเขาล้วนได้แต่กล้ำกลืนความโกรธในอก หากเทียบในรุ่นเดียวกัน การที่เฒ่าสกุลหลินผู้นี้จะนำหน้าพวกเขาไปบ้างก็แล้วไปเถิด แต่นี่แม้กระทั่งลูกหลานของพวกเขาก็มิสามารถสู้กับทายาทตระกูลหลินได้แล้วหรือ!
เดิมทีตาแก่ทั้งหลายนัดแนะกันว่าจะกล่าวล้อเลียนเจ้าเฒ่าหลินผู้นี้เสียหน่อยสำหรับเรื่องที่ไม่มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์เกิดมาในสกุลหลินตั้งร้อยปีแล้ว แต่บัดนี้ ใครกันจะกล้าพูดสิ่งที่คิดในใจออกมา?
พวกผู้เฒ่าทำได้เพียงสะบัดหนวดเครา มองจ้องไปยังบรรพชนสกุลหลิน สุดท้ายทำได้เพียงหัวเราะกลบเกลื่อน เสียงหัวเราะช่างดูสง่างามและเป็นมิตร ตรงข้ามกับในใจที่แทบจะหยิบกระบี่มาฟันเฒ่าหลินสักคนละแผลสองแผล
“ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ท่านหลิน แปลว่าท่านมิได้เลื่อนขั้นการพ่มเพาะหรอกหรือ?” ตาแก่ชุดดำผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยเสียงกลั้นขำและไหล่ที่สั่นไหวเล็กน้อย
“ก็อย่างที่ก็ได้กล่าวไป เหตการณ์เมื่อวานเกิดจากทายาทตระกูลหลิน เซียนตัวน้อยของเรา จะเป็นเพราะท่านบรรพบุรุษบรรลุขั้นปราณได้เยี่ยงไร? นั่นจะไม่ดูเป็นคำถามที่ย้อนแย้งไปหน่อยหรือ?” ผู้อาวุโสท่าหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ เขาจัดแต่งเสื้อผ้าของตน ยกยิ้ม และจิบชาไปหน่ึงอึก
“ฮี่ๆๆๆๆ”
“ช่างน่าสงสาร น่าสงสาร”
“น่าเห็นใจยิ่ง ข้าเองก็นึกว่าท่านผู้เฒ่าหลินได้ก้าวผ่านการบ่มเพาะขึ้นไปสู้ระดับถัดไปแท้ๆ ช่างน่าผิดหวัง”
ตาแก่สหายของบรรพชนหลินกล่าวขึ้นด้วยสำเนียงแปร่งประหลาด ล้วนหันมองหน้ากัน ยกชาขึ้นจิบและแทะเม็ดแตง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเหล่านี้ ไม่มีผู้ใดดใจกล้าพอจะกล่าวสิ่งใด
“ข้ากลับคิดว่าเจ้าเพียงริษยาเท่านั้น” ตาแก่หลินพูดขึ้นบนเสียงหัวเราะ
“ย่อมมิใช่ ย่อมไม่ใช่แน่นอน พวกข้าเพียงผิดหวังเล็กน้อยเท่านั้นที่มิได้ดื่มสุราฉลองการเลื่อนขั้นของเจ้า ตาเฒ่าหลิน”
ผู้เฒ่าที่สะพานฝักกระบี่ไว้กลางหลังและรอบกายปรากฏปราณกระบี่แหลมคมกล่าวออกมาอย่างสงบ แต่น้ำเสียงกลับมิใช่
“ช่างน่าเห็นใจ” ชายแก่ท่าทางผึ่งผายผู้หนึ่งกล่าวตาม
มองเห็นการแสดงออกเยี่ยงนี้ของเหล่าสหายเก่า บรรพชนเพียงกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะต้องกลับมาที่นี่อีก”
“กลับมาอีก?” ตาเฒ่าทั้งหลายนิ่งค้างไป
อาวุโสผู้ใช้ดาบคนหนึ่งตัวแข็งค้างไป
“แม้ว่าข้าจะยังไม่ได้เลื่อนขั้นในตอนนี้ แต่คอขวดที่ขัดขวางข้ามิให้ก้าวไปสู่ดินแดนถัดไปได้คลายออกแล้ว มิใช่เรื่องยากที่ข้าจะได้เลื่อนขั้น แม้อาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง…ราวสามปีนับจากนี้เห็นจะได้” บรรพบุรุษตระกูลหลินลูบเคราของตนพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมานี่ ข้าเพียงหวังจะเลลี้ยงดูฟูมฟักเหล่าทายาทให้เติบโตขึ้นมาอย่างเหมาะสมเพียงเท่านั้น อีกอย่าง เหล่ารุ่นเยาว์นับว่าเป็นความหวังของทุกตระกูล คนแก่เยี่ยงพวกเราถือว่าเป็นเพียงคลื่นลูกเก่าเท่านั้น”
เมื่อมองไปยังบรรพชนหลินตอนนี้ เหล่าชนชั้นผู้นำของตระกูลใหญ่ต่างๆทำได้เพียงหัวเราะรับคำ พวกเขามิสามารถทำอันใดได้นอกจากค้อมศีรษะให้ ส่วนปิศาจสาวผู้นั้น จู่ๆก็ใช้สายตามองไปรอบๆ
แม้กระทั่งสหายเก่าแก่ที่สนิทสนมกันของตาแก่หลินก็แทบทนไม่ได้ในตอนนี้ มุมปากของพวกเขากระตุกทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนจิบชาเท่านั้น
สามปี? อย่างว่าแต่เวลาน้อยนิดเพียงเท่านั้น ต่อให้เป็นสามร้อยหรือสามพันปีก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใดหากบรรพชนหลินสามารถจะก้าวไปยังจุดนั้นได้จริงๆ สิ่งใดจะเทียบเท่าการได้เลื่อนชนชั้นปราณ!
“ข้านั้นแก่มากแล้ว ฝากอนาคตไว้กับชนรุ่นหลังเถิด” บรรพบุรุษตระกูลหลินกล่าวขึ้นอย่างสงบและเหม่อมองไกลออกไป
แกร๊ก!
ในตอนนี้ สหายเก่าของบรรพชนหลินถึงขั้นบีบจอกในมือจนแตกและมองไปยังเหล่าผู้ติดตามที่พามาด้วยเบื้องหลังตน ผู้ใดกันจะกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเหล่าตาแก่ทั้งหลายในเวลานี้กัน!
‘หลังจากนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้พวกเจ้าที่เหลืออย่างเข้มข้น! ดูเจ้าปิศาจน้อยแซ่หลินผู้นั้นแล้วเทียบกับตนเองสิ!’
เพียงสัมผัสได้ถึงสายตาของบรรพชนฝั่งตระกูลตน เหล่าผู้ติมตามที่นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลทำได้เพียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากและสิ้นหวัง
บรรพบุรุษท่าน อย่ากล่าวโทษแต่ลูกหลานเช่นพวกข้า! มิใช่ว่าท่านเองก็ไม่สามารถจะตามตาแก่แซ่หลินผู้นั้นได้ทันเช่นกันหรอกหรือ!
***************************
* จะใช้คำว่าชั้นหรือขั้นสำหรับ10ขั้นเล็กของแต่ละแดนปราณ
จะใช้คำว่าแดนหรือดินแดนปราณสำหรับการเลื่อนแดนปราณ *