WS บทที่ 388 การต่อสู้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ PART 3
"จงโกลาหล!"
พลังมิติที่มองไม่เห็นเริ่มฉีกเมอร์ลินจากทุกทิศทุกทาง ในที่สุด เมอร์ลินก็ตระหนักได้ว่านักเวทย์คนอื่น ๆ เจ็บปวดเพียงใดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังมิติของไคลส์
เมอร์ลินยังได้รับการปกป้องจากเกราะสัมบูรณ์แต่ภายใต้พลังที่มองไม่เห็นนี้ ดูเหมือนเกราะสัมบูรณ์จะเปราะบางมาก แม้ว่าจะมีการเสริมพลังจากผสานผืนพิภพแต่ก็ยังต้านเอาไว้ไม่ได้
*แคร่ก*
ทันทีที่เกราะสัมบูรณ์ถูกทำลาย กระดูกของเมอร์ลินและแม้แต่อวัยวะภายในก็เริ่มสั่นสะท้าน พลังมิติได้โจมตีเมอร์ลินจากทุกทิศทุกทาง
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของเมอร์ลินแข็งแกร่งกว่าคนปกติมากเมื่อเทียบกับนักเวทย์ทั่วไปซึ่งแม้แต่นักดาบธาตุระดับสูงก็ไม่สามารถเทียบได้ เขาคงถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เช่นเดียวกับนักเวทย์คนอื่น ๆ ไปแล้ว
เมอร์ลินรู้ว่าไคลส์ที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่ไกลจากสิ่งที่เขาสามารถเอาชนะได้ในตอนนี้ เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เมอร์ลินก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้การต่อสู้ระหว่างพวกเขาไปแล้ว…
“ยังไม่ตาย? ร่างกายค่อนข้างแข็งแกร่งแต่ก็ไร้ประโยชน์ จงฟาดฟัน!”
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินไม่ยอมแพ้หลังจากที่เวทมนตร์ป้องกันของเขาถูกทำลาย เมอร์ลินก็ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถยืนหยัดได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย ดังนั้น ไคลส์จึงเยาะเย้ยแล้วโบกมืออีกครั้ง
พลังมิติที่มองไม่เห็นได้ฟันไปที่เมอร์ลินโดยตรง แม้ว่าจะไม่มองเห็นพลังมิติที่ลึกลับแต่สัมผัสที่เฉียบแหลมของเมอร์ลินก็รู้สึกถึงพลังอันขนาดมหึมาและอันตรายขึ้นมาทันที
มันคือพลังแห่งความตาย คำว่า ‘ความตาย’ ได้ห่างไกลจากเมอร์ลิน นับตั้งแต่เมอร์ลินสร้างคาถาหกธาตุและมีพลังปีศาจแพนโดร่า เขาไม่เคยพบกับช่วงเวลาที่น่ากลัวเช่นนี้อีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความตาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่ากำลังจะตาย!
พลังของไคลส์แข็งแกร่งเกินไป มันแข็งแกร่งมากจนไม่แม้แต่จะอยู่ในระดับเดียวกับเมอร์ลิน แม้แต่เด็กอัศจรรย์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไคลส์ เขาเป็นนักเวทย์หกธาตุ เชี่ยวชาญด้านอักษรรูน ปรุงยา การเล่นแร่แปรธาตุและยังมีพลังปีศาจแพนโดร่า ใบมีดมิติ
นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเวทย์ระดับสี่ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับนักเวทย์ระดับสาม
ตอนนี้ไคลส์มีค่าพอที่จะเดินไปสู่หมู่นักเวทย์ที่ทรงพลัง!
“ดวงตาแห่งความมืด จงทำลาย!”
เมอร์ลินไม่มีแรงต้านทานแม้แต่น้อยในการเผชิญหน้ากับคมดาบของพลังมิติของไคลส์ ความตายอยู่ใกล้เขาอย่างไม่น่าเชื่อ ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
จากห้องชั้นใน นักเวทยร่างผอมและบอบบางซึ่งดูเหมือนถุงกระดูกก้าวไปข้างหน้าอย่างดุเดือด ใบหน้าของเขาเหี่ยวย่นราวกับเปลือกไม้ซึ่งดูน่ากลัวมาก นั่นคือพ่อมดลีโอ
*ชิ ชิ ชิ*
พ่อมดลีโอแสดงรูปแบบที่สามของดวงตาแห่งความมืดโดยตรง! ในขณะเดียวกันใบมีดมิติของไคลส์ในตอนนี้ก็เป็นรูปแบบที่สามเช่นกัน!
ไม่ว่าจะเป็นดวงตาแห่งความมืดหรือใบมีดมิติ ทั้งสองมีเจ็ดรูปแบบซึ่งทั้งหมดนี้เป็นพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษที่สร้างขึ้นโดยมหาจอมเวทย์ การปะทะกันของสองพลังปีศาจแพนโดร่าอันยิ่งใหญ่ ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าที่รุนแรง
การปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นโดยอ้อมแต่กลับส่งผลกระทบ ความโกลาหลของพลังมิติกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง แม้แต่เมอร์ลินที่เพิ่งขาดสติไปชั่วขณะ ก็ถูกตัดฝ่ามือครึ่งหนึ่ง บาดแผลก็ปรากฏขึ้นที่ขาของเขาเช่นกัน เช่นเดียวกับที่หน้าท้องของเขาและบริเวณอื่นๆ อีกมากมาย รอยบากจำนวนมากดูเหมือนถูกตัดด้วยใบมีดนับพัน
เมอร์ลินรู้ว่านี่เป็นเพียงผลสะท้อนกลับแต่หากโดนเข้าเต็ม ๆ แค่คิดก็สยองแล้ว หากพวกเขาไม่ได้การช่วยเหลือของดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโอ เขาคงไม่รอดแน่นอน
*หวู่ม*
เมอร์ลินรีบถอยหนึ่งก้าวแล้วร่ายสายลมแสงวาบถอยกลับไปข้างหลังพ่อมดลีโออย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของเขาถูกตัดออกเพียงครึ่งเดียวแต่ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนั้นทำให้ใบหน้าของเมอร์ลินซีดเผือด
สำหรับนักเวทย์ธรรมดา เมื่อผ่าฝ่ามือถูกตัดไปครึ่งหนึ่ง มันจะไม่ฟื้นอีกเลยตลอดชีวิต คน ๆ นั้นอาจถึงกับเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่เหมือนคนพวกนั้น แม้ว่าแขนของพ่อมดลีโอที่ถูกตัดออกจะไม่สามารถงอกใหม่ได้แต่เมอร์ลินทำได้
ตอนนี้เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าในขณะที่ฝ่ามือกำลังเจ็บ มีอาการชาอยู่เนือง ๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขารู้สึกเมื่อฝึกกระบวนท่าของรูปปั้นทองคำซึ่งทำให้บาดแผลหายอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การรักษาครั้งนี้ก็น่ากลัวมากเช่นกัน มันเกือบจะหายเป็นปกติด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การฟื้นฟูครึ่งฝ่ามืออาจซับซ้อนเกินไปและมันต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ด้วยความเร็วราว ๆ นี้ มันจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการงอกใหม่ขึ้นมา
การฟื้นตัวที่น่าอัศจรรย์แบบนี้ทำให้เมอร์ลินตกใจ สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเขาแล้วและเกินความรู้ของนักเวทย์ส่วนใหญ่ไปด้วย คาถาหรือยาทั่วไปไม่สามารถบรรลุผลลัพธ์นี้ได้
เมอร์ลินคาดเดาได้อย่างกล้าหาญว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาก็จะไม่เป็นไร แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็ยังสามารถฟื้นตัวได้โดยอาศัยพลังการฟื้นตัวอันน่าสะพรึงกลัวของกระบวนท่าของรูปปั้นทองคำ
เมอร์ลินได้สลัดความคิดในใจของเขาทันที เขาหันมองไปทางไคลส์และพ่อมดลีโออีกครั้ง
ไคลส์ที่มีใบหน้าที่สงบตลอดมา ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดจางลง หยาดเหงื่อก็ปรากฏบนหน้าผากของเขาเช่นกัน
ท่าทีของผิดไปจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ไคลส์คิดว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ในขณะนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับพ่อมดลีโอ ไคลส์ก็เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
“ไคลส์ที่เจ้าซ่อนตัวอยู่ในดินแดนมนต์ดำเพียงเพื่อที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอักษรูนหรือไม่?”
พ่อมดลีโอพูดพร้อมขยับเข้าใกล้ไคลส์ทีละก้าว ดวงตาสีเลือดในแนวตั้งที่หน้าผากของเขาเรืองแสงด้วยแสงสีแดงเลือด ด้วยแสงสีแดงเลือดมันสามารถทำลายการโจมตีของไคลส์ได้
ถึงแม้พลังมิติจะทรงพลังและแปลกประหลาดมาก แต่ภายใต้การโจมตีของดวงตาแห่งความมืด แม้แต่พลังลึกลับก็ไม่สามารถซ่อนจากมันได้ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของดวงตาแห่งความมืด
ดังนั้น พ่อมดลีโอจึงไม่กังวลว่าไคลส์จะโจมตีแบบลับ ๆ หากพวกเขาต้องปะทะกันโดยตรง ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ถือว่าปกติมาก ในฐานะนักเวทย์ระดับหก พ่อมดลีโอยังคงมีดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขายังไม่ได้แสดง เขาแข็งแกร่งกว่าไคลส์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะสามารถปราบปรามไคลส์ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อมดลีโอ แววตาของไคลส์ก็มีแววประหลาดใจ “เยี่ยมมากพ่อมดลีโอ เพียงแค่ชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว คุณก็จะสามารถเข้าใจแรงจูงใจของฉันในการเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำwfh ใช่แล้ว ตอนนั้นฉันแอบสร้างคาถาธาตุมิติแต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบมากนัก คาถาธาตุมิติมีความต้องการพิเศษจากร่างกายของนักเวทย์ ถ้าฉันฝืนสร้างมันขึ้นมา โครงสร้างคาถาก็จะพังทลายลงในที่สุด”
“ดังนั้นฉันจึงพบวิธีที่จะแก้ไขข้อบกพร่องสุดอันตรายได้อย่างสมบูรณ์ด้วยวงเวทย์รูนที่พิเศษและทรงพลัง ด้วยเหตุผลนี้ ฉันจึงอยู่ในดินแดนมนต์ดำ มาหลายสิบปีและศึกษาเกี่ยวกับอักษรรูน และในที่สุดฉันก็ได้รับวงแหวนเวทย์มนต์ดำมาครอบครอง!”
ในที่สุด ไคลส์ก็เปิดเผยความลับของเขาในการเข้าร่วมดินแดนมนต์ดำ ปรากฎว่าเขามุ่งเป้าไปที่วงแหวนเวทย์อันล้ำค่าในดินแดนมนต์ดำมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงสามารถชดเชยข้อบกพร่องของเขาในการสร้างคาถาธาตุมิติ
ในฐานะที่เป็นองค์กรของนักเวทย์มนตร์ที่เชี่ยวชาญด้านอักษรรูน ดินแดนมนต์ดำจึงมีวงแหวนเวทย์ที่พิเศษและทรงพลังอยู่บ้าง พวกมันเป็นความลับที่ลึกที่สุดของดินแดนมนต์ดำแต่ในท้ายที่สุด พวกมันก็ถูกค้นพบโดยไคลส์ซึ่งซ่อนตัวอยู่ที่นั่นมานานหลายทศวรรษ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดินแดนมนต์ดำจะเคียดแค้นต่อการทรยศของไคลส์ ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น วงแหวนเวทย์อันล้ำค่าที่สุดของดินแดนมนต์ดำสูญหายและไคลส์นำออกไป นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของดินแดนมนต์ดำ
แสงสีแดงเลือดของดวงตาแนวตั้งที่ยิงด้วยเลือดที่หน้าผากของลีโอนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และพลังธาตุมืดที่บรรจุอยู่ในนั้นก็เริ่มหลอกหลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเกือบจะทำให้ไคลส์ไม่สามารถรับมือกับมันได้
ถ้าลีโอไม่ใส่ใจถึงผลข้างคียงและแสดงดวงตาแห่งความมืดรูปแบบที่สี่ออกมาโดยตรง สถานการณ์ของไคลส์อาจเป็นอันตรายอย่างมาก
“ไคลส์ เจ้านี่มันสมควรตายจริง ๆ! เจ้าไม่เพียงแต่ทรยศต่อดินแดนมนต์ดำเท่านั้น แต่เจ้ายังมอบวงแหวนเวทย์ให้กับออสมูอีกด้วย!”
เห็นได้ชัดว่าพ่อมดลีโอรู้ข้อมูลวงในบางอย่าง หลังจากได้ยินว่าไคลส์ยอมรับการทรยศของเขาเป็นการส่วนตัว เจตนาฆ่าพ่อมดลีโอก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
*แคร่ก*
ผลสะท้อนของการต่อสู้ระหว่างไคลส์และพ่อมดลีโอกระทบเสาหินในห้องโถงโดยตรงซึ่งทำให้มันเริ่มบริแตก
*หวู่ม*
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ไคลส์ก็ถอยกลับทันที จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ดาบสีเงิน ฮิวลีเออร์เปิดประตูหลัก ไคลส์จ้องเขม็งไปที่พ่อมดลีโอและพูดว่า
“ดวงตาแห่งความมืดนั้นทรงพลังจริง ๆ มันเป็นพลังปีศาจแพนโดร่าที่เทียบเท่าใบมีดมิติได้! อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการต่อสู้แบบเต็มกำลัง เราจะพบกันอีกแน่นอน…”
หลังจากที่เขาพูดจบ ไคลส์ก็บินออกจากห้องโถงพร้อมกับฮิวลีเออร์และคนอื่น ๆ
เมอร์ลินหันไปมองพ่อมดลีโออย่างประหลาดที่พ่อมดลีโอยังคงยืนนิ่งและไม่ได้ตั้งใจจะไล่ตามพวกเขาเลย เขาจึงรีบถาม “พ่อมดลีโอ เกิดอะไรขึ้นในห้องชั้นในกันแน่”
พ่อมดลีโอชำเลืองมองไปที่ห้องด้านในและจากนั้นก็มีออร่าที่น่าเกรงขามฉายบนร่างกายของเขา “พวกเราพ่ายแพ้ย่อยยับ! พ่อมดจากออสมูได้เตรียมการมาอย่างดี บรรดาคนที่บุกเข้าไปในห้องชั้นในล้วนอยู่เหนือระดับเจ็ด แถมยังมีนักเวทย์ระดับเก้าอีกด้วย! ฮิวเซียส, พ่อมดเนเตอร์และพ่อมดมิลส์ ทุกคนตายกันหมดแล้ว!”
"อะไรนะ? พวกเขาตายหมดแล้ว?”
เมอร์ลินไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ ทั้งสามคนล้วนเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ด โดยปกติพวกเขาดำรงตำแหน่งสูงในองค์กร ดังนั้นแม้แต่ความตายของหนึ่งในนั้นก็ทำให้เกิดความตกใจอย่างมากในดินแดนมนต์ดำ นับประสาความตายของทั้งสามในคราวเดียว
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว!”
พ่อมดลีโอเหลือบมองที่ด้านบนของห้องโถง เห็นได้ชัดว่ากำลังจะพังทลาย ดังนั้นเขาจึงนำนักเวทย์ที่เหลือจากดินแดนมนต์ดำออกไปทันที เขาเปิดเส้นทางด้วยดวงตาแห่งความมืดและพวกเขาก็รีบออกจากห้องโถงทันที
*ปัง!*
พ่อมดทั้งหมดรีบออกจากห้องโถง ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนฝุ่นจนหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่ทักทายสายตาของพวกเขาคือภาพที่น่าตกใจ บนพื้นดิน มี ‘แมงมุม’ ขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อหมอบอยู่บนป้อมทรายดำ ร่างกายของมันสั่นเล็กน้อยซึ่งทำให้ป้อมปราการทรายดำสั่นสะเทือนด้วยเสียงก้อง
“นี่มัน...”
พ่อมดเอนเวียได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างแต่ในขณะนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นกัน เขาไม่เคยเห็นฉากที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน ‘แมงมุม’ ยักษ์ ซึ่งใหญ่พอ ๆ กับภูเขา มีเขาแหลมคมสองเขาอยู่บนหัวของมัน อันที่จริงมันดูค่อนข้างอันตรายและแปลกประหลาด
ดวงตาแนวตั้งที่เปื้อนเลือดที่หน้าผากของลีโอกะพริบเล็กน้อย เขาเองก็เห็นแมงมุมยักษ์ด้วย พ่อมดลีโอมีใบหน้าที่ค่อนข้างซับซ้อนในขณะที่เขากระซิบว่า
“นี่คือวิญญาณผู้พิทักษ์ปราการศักดิ์สิทธิ์แห่งป้อมปราการทรายดำ เป็นอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุที่เปรียบได้กับจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกหลังจากหลายปีมาแล้วที่ป้อมปราการทรายดำได้เปิดใช้งานมัน!”
เมอร์ลินพยักหน้าอย่างครุ่นคิด เขาเดามานานแล้วว่ามันเป็นอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ อย่างไรก็ตาม ความแวววาวของโลหะบนแมงมุมยักษ์นั้นก็เด่นชัดมาก
อย่างไรก็ตาม มันเป็นครั้งแรกที่เมอร์ลินได้เห็นอูปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุขนาดใหญ่แถมยังมีพลังเทียบเท่าจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงนึกไม่ออกว่าใครจะเป็นคนสร้างอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุที่น่ากลัวเช่นนี้ได้