WS บทที่ 385 ไคลส์กับเด็กอัศจรรย์
“นี่คือประตูแห่งปาฏิหาริย์งั้นเหรอ? ในตำนานเล่าขานไว้ว่ามีเพียงเด็กอัศจรรย์เท่านั้นที่สามารถฝึกฝนประตูแห่งปาฏิหาริย์ได้สำเร็จ!”
เมื่อเห็นประตูที่เป็นพลังปีศาจแพนโดร่าบานใหญ่นี้ นักเวทย์หลายคนก็จ้องมองตาของพวกเขาอย่างหลงใหล ประตูแห่งปาฏิหาริย์เป็นพลังปีศาจแพนโดร่าแต่มันไม่ใช่แบบพิเศษ มันถูกกึ่งกลางระหว่างพลังแบบพิเศษกับแบบที่หลอมรวมกับคาถาได้
โดยทั่วไปแล้ว พลังปีศาจแพนโดร่ามีอยู่สามประเภท แบบธรรมดา แบบหลอมรวมและแบบพิเศษซึ่งแบบพิเศษเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุด! อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีนักเวทย์มากมายในโลกนี้ มักจะมีนักเวทย์อัจฉริยะหรือพ่อมดที่ทรงพลังที่สามารถสร้างพลังปีศาจแพนโดร่าที่ไม่อยู่ในขอบเขตของพลังทั้งสามนี้ ประตูแห่งปาฏิหาริย์ก็เป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั่น
ประตูแห่งปาฏิหาริย์ไม่จำเป็นต้องรวมเข้ากับคาถาแต่พลังของมันอ่อนแอกว่าพลังแบบพิเศษเพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะด้อยกว่าเล็กน้อยแต่เมื่อเปรียบเทียบกับการฝึกฝนแล้ว ประตูแห่งปาฏิหาริย์ฝึกฝนนั้นง่ายกว่าพลังแบบพิเศษ
โดยทั่วไป พลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษจะมีเจ็ดรูปแบบ เช่น ดวงตาแห่งความมืดและใบมีดมิติ บางอันก็มีถึงเก้ารูปแบบ
สำหรับประตูแห่งปาฏิหาริย์ มีเพียงหกรูปแบบเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับพลังปีศาจแพนโดร่าอื่น ๆ ที่มีสถานะเท่ากัน ประตูแห่งปาฏิหาริย์จะด้อยกว่าแบบพิเศษเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านยุครุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ไปแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องยากมากที่จะหาพลังปีศาจแพนโดร่าแบบพิเศษได้และใครเล่าจะสามารถฝึกฝนมันให้อยู่ในรูปแบบที่เจ็ดได้?
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีเพียงหกรูปแบบแต่ประตูแห่งปาฏิหาริย์ก็มีพลังมากอยู่แล้ว นี่เป็นการพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเด็กอัศจรรย์ เหตุผลที่เขาสามารถฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดได้เพราะเขามีประตูแห่งปาฏิหาริย์
"โอ้? นี่น่ะเหรอประตูแห่งปาฏิหาริย์?”
ไคลส์มองไปที่ประตูด้านหน้าเด็กอัศจรรย์ ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาชี้ไปที่ประตูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกขึ้นที่เขาชี้จะมีความผันผวนทางมิติที่มองไม่เห็นซึ่งพุ่งตรงไปยังประตูแห่งปาฏิหาริย์
*ตูม ตูม ตูม!*
ประตูแห่งปาฏิหาริย์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทว่าในขณะที่แสงสีขาวปกคลุมและส่องแสงระยิบระยับ เมื่อการโจมตีจบลงประตูแห่งปาฏิหาริย์ก็ยังอยู่สภาพเดิม
การโจมตีชุดใหญ่ของไคลส์ไม่ได้เอาชนะประตูแห่งปาฏิหาริย์ของเด็กอัศจรรย์ได้!
อย่างไรก็ตาม ไคลส์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และกำหมัดของเขาเบา ๆ เขาหันไปตามทิศทางของเด็กอัศจรรย์และพูดว่า “ใบมีดมิติ จงโกลาหล!”
นี่เป็นรูปแบบที่สองของใบมีดมิติ พลังแห่งความโกลาหลปะทุจากทุกทิศทุกทาง ประตูแห่งปาฏิหาริย์ดูเหมือนจะถูกดึงและกระแทกอย่างต่อเนื่องโดยพลังที่มองไม่เป็นที่มาจากทุกทิศทุกทาง
ประตูแห่งปาฏิหาริย์ดูเหมือนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ
สีหน้าของเด็กอัศจรรย์เริ่มเคร่งขรึมและแสงสีขาวก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา แสงสีขาวนี้สว่างขึ้นและสว่างขึ้นและจากนั้นก็ถูกฉีดเข้าไปในประตูแห่งปาฏิหาริย์โดยตรง
“ประตูแห่งปาฏิหาริย์ รูปแบบที่สาม จงพิทักษ์!”
เมื่อเด็กอัศจรรย์เรียกประตูแห่งปาฏิหาริย์ ประตูที่ดูเหมือนจะถูกฉีกออกจากกันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม มันไม่ได้รับผลกระทบเลยทั้ง ๆ ที่ถูกระดมโจมตีอย่าต่อเนื่อง
สายตาของไคลส์เริ่มเกรี้ยวกราดมากขึ้น เขาได้แสดงรูปแบบที่สองของใบมีดมิติแล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถทำร้ายเด็กอัศจรรย์ได้
“ไคลส์ ถึงตาฉันแล้ว! ประตูแห่งปาฏิหาริย์ พายุแห่งปาฏิหาริย์!”
เด็กอัศจรรย์ต้านทานการโจมตีสองครั้งของไคลส์ได้และในที่สุดเขาก็ตีโต้กลับ ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยพลังธาตุลมที่รุนแรง จากนั้นเขาก็ส่งพลังอันท่วมท้นเข้าไปในประตูแห่งปาฏิหาริย์
ประตูแห่งปาฏิหาริย์เป็นพลังที่มีความพิเศษมาก มันสามารถหลอมรวมกับเวทมนตร์อันหลากหลายได้
คาถาใด ๆ ที่ปล่อยออกมาจากประตูแห่งปาฏิหาริย์ พลังของมันจะเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าอุปกรณ์เวทมนต์แบบเสริมพลัง
ก่อนหน้านี้ เด็กอัศจรรย์ได้ร่ายคาถาธาตุลมระดับสามเท่านั้น แต่เมื่อมันถูกปล่อยออกมาทางประตูแห่งปาฏิหาริย์ พลังของมันจึงกลายเป็นที่จุดสูงสุดของระดับหกทันทีและยังทะลุจุดสูงสุดของระดับหกไปยังระดับเจ็ดได้ด้วย!
นี่คือสิ่งที่ประตูแห่งปาฏิหาริย์สามารถทำได้ มันสมกับชื่อของมันเพราะมันสามารถสร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ ได้ทุกประเภท!
พายุที่ส่งเสียงหวีดแหลมหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง แรงกดอันทรงพลังของมันจะทำให้ใคร ๆ ก็ต้องเสียเหงื่อ ดวงตาของไคลส์กระตุกเล็กน้อย เขากางนิ้วทั้งห้ายื่นออกมาข้างหน้า เขาพึมพำด้วยเสียงลึก ๆ
“จงโกลาหล!”
พลังธาตุมิติปรากฏขึ้นรอบ ๆ พวกมันระดมทำลายพายุที่น่าสะพรึงกลัวทันที ในไม่ช้า พายุอันทรงพลังสลายหายไปก่อนที่จะไปถึงหน้าไคลส์
"อืม? งั้นอีกที! ประตูแห่งปาฏิหาริย์ พายุลูกเห็บ!”
เมื่อเห็นว่าไคลส์รับมือการโจมตีได้อย่างง่ายดาย สายตาของเด็กอัศจรรย์ก็ยิ่งดุดันขึ้น เขาร่ายคาถาผ่านประตูแห่งปาฏิหาริย์อีกครั้ง
คราวนี้เขาร่ายคาถาสองธาตุ ธาตุลมกับน้ำแข็งตามลำดับ เวทมนตร์ทั้งสองนี้สามารถรวมกันเป็นอันเดียวกันได้ซึ่งช่วยเพิ่มพลังของพวกมันอย่างมาก
พายุโหมกระหน่ำด้วยน้ำแข็งและหิมะพุ่งเข้าหาไคลส์โดยตรง พลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้จะทำให้แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
ด้วยประตูแห่งปาฏิหาริย์ มันสามารถรวมคาถาหลายประเภทเพื่อเพิ่มพลังและสร้างปาฏิหาริย์จากภายใน! แม้ว่าคาถาที่ผสานกันนี้จะเทียบไม่ได้กับการรวมคาถาของจอมเวทย์แต่มันก็ทรงพลังไม่แพ้กัน คาถาที่ปล่อยออกมาจากประตูแห่งปาฏิหาริย์จะผสมผสานเข้าด้วยกันและเสริมซึ่งกันและกัน ยกระดับพลังของพวกมันขึ้นหลายเท่า
เช่นเดียวกับตอนนี้ การผสมผสานของคาถาธาตุลมกับน้ำแข็งทำให้เกิดพลังที่น่าสะพรึงกลัว แน่นอนว่าสิ่งนี้ดูเหมือนจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเด็กอัศจรรย์
สำหรับประตูแห่งปาฏิหาริย์ ยิ่งใช้เวทมนตร์รวมกันได้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความต้องการใช้เวทมนตร์มากขึ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับเด็กอัศจรรย์ตอนนี้ เขาสามารถรวมคาถาสองประเภทเท่านั้น ถ้าเขาต้องการรวมสามหรือสี่คาถา เขาคงจะต้านทานแรงกดดันไม่ไหว ถ้าเขาทำอย่างนั้น ราคาที่เขาต้องจ่ายมันจะสูงเกินกว่าที่เขาจะรับได้
พายุลูกเห็บและหิมะหมุนวนไม่หยุด ปล่อยวีดแหลมออกมาซึ่งทำให้ผู้คนต้องเสียวฟันเมื่อได้ยิน
ในที่สุดมันก็ทำให้การแสดงออกของไคลส์เคร่มขรึม หลังจากนั้น เขาก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอื้อมมือออกไป เขายกมันขึ้นสูงแล้วกระแทกมันลงอย่างแรง
“จงฟาดฟัน!”
นี่เป็นรูปแบบที่สามของใบมีดมิติ ใบมีดที่ไม่มีรูปร่างนับไม่ถ้วน พวกมันฟาดฟันพายุและหิมะโดยตรง
หลังจากนั้นพายุก็สงบลง ลูกเห็บและหิมะถูกตัดเป็นชิ้นน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน ตกลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง คาถาของเด็กอัศจรรย์สลายหายไป พลังมิติที่ยังเหลืออยู่ พวกมันได้หันไปฟันประตูแห่งปาฏิหาริย์
*เคร้ง!”*
เสียงแหลมราวกับดาบตัดผ่านโลหะ รอยฟันนับไม่ถ้วนปรากฏบนประตูแห่งปาฏิหาริย์ รอยฟันเหล่านี้ลึกมากและแรงฟันอันทรงพลังยังทำให้เด็กอัศจรรย์รู้สึกต้านไม่ไหว
ดูเหมือนว่าถ้ามันยังคงอยู่ต่อไปอีกสักหน่อย ประตูแห่งปาฏิหาริย์ก็จะพังทลายลง
แสงสีขาวของประตูแห่งปาฏิหาริย์กระพริบตลอดเวลา มันพยายามที่จะต้านทานการโจมตีของไคลส์อย่างอุตสาหะ คาถาธาตุมิตินั้นทรงพลังมากเสมอมา ความแข็งแกร่งที่นั้นลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ทำให้ยากต่อการป้องกัน นอกจากนี้ ไคลส์ยังมีพลังปีศาจแพนโดร่า ใบมีดมิติ นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็นนักเวทย์ระดับสี่แล้ว ไคลส์ยังแข็งแกร่งกว่าเด็กอัศจรรย์มากในแง่ของคาถา
ผู้ชนะการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้รับการตัดสินแล้ว เด็กอัศจรรย์นั้นด้อยกว่าเขาเล็กน้อย เด็กที่เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าคนนี้ซึ่งเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ในหมู่นักเวทย์รุ่นเยาว์ของโลกแห่งนักเวทย์ทางใต้ก็ต้องก้มศีรษะที่เต็มไปด้วยอัตตาของเขาและยอมรับอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันไม่ได้คาดหวังว่าฉันจะพ่ายแพ้ให้แก่คุณ! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คุณเป็นนักเวทย์ระดับสี่แล้ว ฉันจะต่อสู้กับคุณอีกครั้งหลังจากกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ด้วยตัวเอง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของฉัน!”
เด็กอัศจรรย์ไม่ประมาท เขามีความภาคภูมิใจในตัวเอง แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ต่อไคลส์แต่เขาก็ยังคงเชิดหน้าชูตา เขายังไม่ได้เป็นนักเวทย์ระดับสี่เลย แม้ว่าไคลส์จะมีพลังปีศาจแพนโดร่าแต่เด็กอัศจรรย์ก็ไม่กลัวเลย เมื่อเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเกินการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน นั่นคือช่วงเวลาที่เขาสามารถต่อสู้กับไคลส์ได้อย่างเท่าเทียม!
*หวู่ม*
ลมกระโชกแรงพัดมาจากอีกด้านหนึ่งของประตูแห่งปาฏิหาริย์ซึ่งอยู่หน้าเด็กอัศจรรย์ มันล้อมรอบเด็กอัศจรรย์และนักเวทย์ทั้งหมดของนครปาฏิหาริย์ มันกระแทกไปข้างหน้าอย่างแรง ทำลายทางออกจากห้องโถงและพุ่งออกไปด้านนอก แม้แต่ไคลส์ก็ไม่สามารถหยุดมันได้
แม้ว่าไคลส์จะพิสูจน์ตัวเองว่าเหนือกว่าเด็กอัศจรรย์แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดเด็กอัศจรรย์ได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายประตูแห่งปาฏิหาริย์ มันจะใช้เวลานานเกินไป
*ครืน!*
ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องโถงก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นี่คือการเคลื่อนไหวอันเป็นผลมาจากคาถาของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
ในท้องฟ้าอันเงียบสงบ มีร่างสี่ร่างลอยอยู่ในอากาศ ร่างนั้นดูแปลกประหลาดมาก คนหนึ่งมีสีดำและสีขาวบนใบหน้าที่เท่ากันทุกประการ ส่วนอีกร่างหนึ่งมีสีดำสวมชุดดำ เขามีรูปร่างคล้ายอีกคน แท้จริงแล้วทั้งสองคือจอมเวทย์ขาวดำ
ตรงข้ามกับจอมเวทย์ขาวดำมีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกสองคน คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีเปลวเพลิงล้อมรอบร่างกายทั้งหมด อีกคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำและมีพลังชีวิตที่ว่องไวแต่ชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างกายของเขา เขาเป็นจอมเวทย์อีกคนหนึ่งของป้อมปราการทรายดำ
มีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เพียงสองคนในป้อมปราการทรายดำแต่ตอนนี้ จอมเวทย์ทั้งสองปรากฏตัวออกมาแล้ว ทว่าพวกเขายังคงไม่สามารถจัดการจอมเวทย์ขาวดำของออสมูได้ จอมเวทย์ขาวดำแห่งออซมูเป็นที่รู้จักตั้งแต่แปดร้อยปีก่อน เขาเคยรับมือจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่พร้อมกันทั้งสี่คนซึ่งพวกเขามาจากองค์กรขนาดใหญ่ได้
แม้ว่าจอมเวทย์ขาวดำได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในท้ายที่สุดแต่ด้วยบันทึกการต่อสู้ของจอมเวทย์ทั้งสี่คนทำให้ชื่อจอมเวทย์ขาวดำเป็นที่รู้จักกว้างขวาง
เหตุผลที่จอมเวทย์ขาวดำสามารถปราบจอมเวย์ได้มากมาย เพราะเขาคือจอมเวทย์ที่ศึกษาการเล่นแร่แปรธาตุอย่างลึกซึ้ง เขาได้ฝึกฝนร่างโคลนจากการเล่นแร่แปรธาตุซึ่งมีความแข็งแกร่งเกือบเท่ากับเขา สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากร่างต้นคือเสื้อคลุมของพวกเขา
โดยทั่วไปแล้ว ต้นฉบับจะแต่งกายในชุดคลุมสีขาวที่เรียกว่าพ่อมดเสื้อคลุมขาวและร่างโคลนการเล่นแร่แปรธาตุสวมชุดคลุมสีดำที่รู้จักกันในชื่อพ่อมดเสื้อคลุมดำ ด้วยกองกำลังพิเศษนี้ จอมเวทย์ขาวดำจึงกลายเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง
บางทีความแข็งแกร่งของจอมเวทย์ขาวดำก็ยังห่างไกลจากความแข็งแกร่งของจอมเวทย์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการยื้อการต่อสู้กับพวกนักเวทย์ จอมเวทย์ขาวดำได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในด้านนี้ ดังนั้นทางออสมูจึงส่งเพียงจอมเวทย์ขาวดำมาที่นี่เพียงลำพังก็เพียงพอแล้ว
“อัตโต้ จอมเวทย์ขาวดำผู้นี้สร้างความรำคาญมาก หากเรายังยื้อต่อไป ฉันเกรงว่าป้อมปราการทรายดำของเราจะเหลือแต่ซาก เราต้องรีบเปิดใช้งานวิญญาณผู้พิทักษ์ปราการศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นความโกลาหลในป้อมปราการทรายดำ จอมเวทย์ทูเมน เป็นหนึ่งในสองจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งป้อมปราการทรายดำ เขารู้ว่าพ่อมดแห่งออซมูได้แทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการทรายดำเรียบร้อยแล้ว พวกเขาต้องเริ่มฆ่าองค์กรนักเวทย์ต่าง ๆ ที่ได้รับเชิญมาที่ป้อมปราการทรายดำด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา หากปล่อยให้เวลายิ่งผ่านไป โลกของนักเวทย์ทางใต้ทั้งหมดจะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ย่างแน่นอน
ดังนั้น สิ่งเดียวที่ต้องทำคือเปิดใช้งานไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของป้อมปราการทรายดำ!