MDB ตอนที่ 22 ระดับสาม
ณ กลางคืนที่เงียบสงัด มีชายสองสามคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเข้มกระโดดจากหลังคาหนึ่งไปอีกหลังคาหนึ่ง พวกเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหลินจิน
ด้านหลังของพวกเขามีสัตว์วิเศษตามหลังตามมา
ตัวแรกเป็นค้างคาวตัวใหญ่ ตัวที่สองเป็นแมงมุมสีดำและตัวที่ตามเป็นลิงที่ดูน่ากลัว
เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย พวกเขาก็หยุดอย่างเงียบเชียบ แม้ว่าชายเหล่านี้จะสวมชุดดำและปิดหน้าแต่หนึ่งในนั้นก็ไม่สามารถซ่อนร่างอ้วนท้วมของเขาได้ ชายคนนั้นพูดว่า
“พวกเจ้าทุกคนเป็นล้วนเข้าใจงานของตัวเองดี ดังนั้นข้าจะไม่พูดอะไรมาก ข้าต้องการให้พวกเจ้าสั่งสอนคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น ถ้าทุบตีเขาจนไม่มีใครจำเขาได้ก็ยิ่งดี ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ได้เอาชีวิตของเขา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี”
เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นพูดด้วยความเคียดแค้นอย่างสุดซึ้ง
คน ๆ นั้นคือดงเฮอ ผู้จัดการแผนกพลาธิการที่ถูกหลินจินเล่นงานเมื่อวันก่อน
เหตุการณ์ที่หลินจินทุบหินวิญญาณในที่สาธารณะถูกจารึกไว้ในจิตใจของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาได้เสียหน้าต่อหน้าเจียเฉียนอันเป็นที่รักของเขาและนำผลึกวิญญาณอัคคีอันล้ำค่าออกไป
ด้วยความขุ่นเคืองในใจ ดงเฮอตัดสินใจจ้างคนให้ทุบตีหลินจินอย่างไร้ความปราณีก่อนที่จะขโมยผลึกวิญญาณอัคคีไปด้วย
ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขาพยักหน้า “อย่าได้กังวลไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำเช่นนี้ ท่านสามารถนั่งชมการแสดงที่ดีได้”
“ได้แต่ข้ามีคำขออื่น เมื่อพวกเจ้าทุบตีเขาเสร็จ ให้จับเขาแก้ผ้าด้วย ข้าอยากเห็นเจ้านั่นร้องไห้หาแม่ของเขา” ดงเฮอสั่งการอย่างไร้หัวใจ
"ไม่มีปัญหา เราจะเข้าไปข้างในก่อน ท่านค่อยเข้ามาหลังจากที่ท่านได้ยินสัญญาณของเรา” นักฆ่าตอบรับกับคำขอของดงเฮอ
ขอเพียงแค่ได้เงิน ไม่ว่าจะเป็นคำขอแบบไหน พวกเขายินดีปฏิบัติตามคำขอของลูกค้า
...
บริเวณลานเล็ก ๆ หน้าบ้านหลินจิน
“นั้นแหละ เป้าหมายอยู่ในนั้น” ดงเฮอสามารถตามหาบ้านที่หลินจินเคยอาศัยอยู่ได้โดยใช้เวลาไม่นาน
นักฆ่าพยักหน้า โดยไม่มีการสักถามใด ๆ พวกเขาเข้าไปข้างในโดยไม่คิดมากเพราะดงเฮอแจ้งพวกเขาว่าเป้าหมายที่อ่อนแอ เขามีสัตว์วิเศษระดับหนึ่งเท่านั้น เหตุใดพวกเขาจึงต้องรัดกุม บุกเข้าไปตรง ๆ นี่แหละ
หลังจากที่นักฆ่าบุกเข้าไป ดงเฮอก็รออยู่อย่างใจจดใจจ่อ
ภายในบ้าน การวิวัฒนาการของเสี่ยวฮั่วยังคงดำเนินต่อไป หลินจินลูบมือของเขาด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาดื่มด่ำกับภาพนี้
ขนชุดใหม่ของเสี่ยวฮั่วส่องแสงสีแดงเข้มดุจแพรไหม ร่างกายของมันมีความร้อนอันแผดเผาอันรุนแรง รูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและร่างกายของมันก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น
ในตอนแรก มันโตขึ้นจนมีขนาดเท่ากับหมาป่าทั่วไปและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่เอ่อล้น แม้มันจะเพิ่มระดับสำเร็จแล้วแต่เขาต้องประหลาดใจ เพราะการวิวัฒนาการยังคงดำเนินต่อไป
ขนชุดเก่าถูกเผาเป็นเท่าถ่านและแทนทีด้วยมีขนชุดใหม่ที่ทะลุผิวหนังของมันขึ้นมา กรงเล็บ ฟัน เนื้อและกระดูกที่แหลมคมของมันร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมันพละกำลังที่แข็งแกร่งและกรงเล็บที่แหลมคมมากขึ้น ทำให้หลินจินถอยห่างออกไป เขาไม่คาดคิดว่าเม็ดยาที่ให้เสี่ยวฮั่วไป มันจะส่งผลมากมยขนาดนี้
ขณะที่เสี่ยวฮั่วยังคงลุกเป็นไฟ หลินจินพบปัญหาบางอย่าง
กรงเล็บของเสี่ยวฮั่วไม่เพียงแต่ข่วนทำลายพื้น แต่หลังคาของหลินจินกำลังจะลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ!
ทันใดนั้น ประตูบ้านไม้หลังนี้ก็เปิดออก ลิงตัวหนึ่งได้พุ่งเข้ามา ตามมาด้วยค้างคาวตัวใหญ่และแมงมุมสีดำ ด้านหลังจากพวกมัน มีผู้ชายสองสามคนที่ยิ้มร้ายก็โผล่ออกมา
หลินจินถูกบุกโจมตีโดยกลุ่มชายชุดดำและสัตว์เลี้ยงของพวกเขาที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่เมื่อพวกเขามองไปที่เสี่ยวฮั่ว เหล่าสัตว์เลี้ยงที่ดุร้ายในตอนแรกก็สั่นเทาทันที
มีบางครั้งที่ความรู้สึกของสัตว์เลี้ยงเฉียบแหลมกว่าของมนุษย์ แม้ว่าการวิวัฒนาการของเสี่ยวฮั่วจะยังไม่สมบูรณ์ แต่รัศมีของมันก็น่ากลัวพอสมควร มันล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน เสี่ยวฮั่วกวาดตามองพวกมันและสัตว์วิเศษก็วิ่งหนีหางจุกตูดออกจากบ้านของหลินจินทันที
‘ออร่าของสัตว์วิเศษมีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดความกลัวในสัตว์เลี้ยงตัวอื่น มันไม่สามารถควบคุมด้วยพันธสัญญาโลหิตได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ’
ข้อมูลนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของหลินจิน ขณะที่เขามองดูฉากตรงหน้าเขา
ในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษ หลินจินพบว่าสัตว์เลี้ยงระดับสูงมีอำนาจที่จะคุกคามสัตว์วิเศษที่มีระดับต่ำกว่า ดังนั้น ฝ่ายที่ระดับต่ำกว่าจึงจะไม่มีทางสู้กลับ
‘สัตว์เลี้ยงของพวกเขาหนีไปหมดแล้ว พวกเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?’
พวกนักฆ่าเพิ่งเข้ามาและยังไม่ทำอะไรเลยแต่ฉากตรงหน้าทำให้พวกเขากลัวจนไม่กล้าส่งเสียง
‘มันเกิดอะไรขึ้น?’
‘การต่อสู้ยังไม่ทันเริ่มเลยแต่พวกเราแพ้แล้ว’
พวกเขาไม่ใช่คนโง่ หมาป่าตัวนี้ขนาดเท่าวัวตัวผู้ถูกไฟห่อหุ้มอยู่ สถานการณ์ดังกล่าวอยู่นอกขอบเขตของงานแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหันหลังและเตรียมวิ่งหนี
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ในที่สุด หลินจินก็ตั้งสติได้ กลุ่มชายชุดเหล่านี้ที่บุกเข้าไปในบ้านของเขาตอนกลางดึกเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี หลินจินจะปล่อยพวกเขาโดยไม่สอบปากคำได้อย่างไร?
กลุ่มชายชุดดำตัวแข็ง พวกเขาสามารถทำอะไรได้อีก? สัตว์วิเศษของหลินจินน่ากลัวมาก แม้ว่าพวกเขาจะวิ่งหนี พวกเขาก็ไม่สามารถไปได้ไกล คนขี้ขลาดของกลุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาล้มลงคุกเข่าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แม้หลินจินจะไม่ได้สั่งให้คุกเข้าแต่เขาก็ทำโดยสมัครใจ
“...มีคนจ้างพวกเจ้ามาทุบตีข้างั้นเหรอ? แล้วเขาอยากให้พวกเจ้าจับข้าแก้ผ้าก่อนจะทุบตี ช่างโหดร้ายจริง ๆ”
ความโกรธซึมเข้าสู่จิตใจของหลินจิน เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ เขาถามว่าลูกค้าของพวกเขาเป็นใคร พวกเขาก็ตอบตามตรง
“เขาเป็นผู้ชายอ้วน ข้ารู้จักเขา เขามาจากสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ สกุล 'ดง' ข้าไม่แน่ใจว่าชื่อเต็มของเขาคืออะไรเพราะเขาไม่เคยบอกเรา”
“ดงเฮฮงั้นเหรอ?” หลินจินเดาได้ทันที มันต้องเป็นเขา พวกเขามีความขัดแย้งในวันนี้และชายอ้วนคนนั้นก็อยู่ในสมาคม ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา
หลินจินเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ใครทำอะไรไว้ เขาจะจำไว้ขึ้นใจ เขาหันถามพวกผู้ชายในขณะที่ชี้นิ้วไปที่เสี่ยวฮั่ว “พวกเจ้าอยากอยู่หรือว่าตาย?”
"พวกเราต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ ลูกพี่พวกเราผิดเอง ได้โปรดเมตตาและปล่อยพวกเราไป พวกเรายินดีรับใช้ท่าน แค่ท่านพูดออกมา พวกเราจะทำตามทุกอย่าง!”
คนเหล่านี้อยู่ในสังคมใต้ดินจึงอ่านสถานการณ์อย่างรวดเร็วและรู้ว่าอีกฝายต้องการอะไร
หลินจินพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น กลับไปข้างนอก กลับไปหาลูกค้าของพวกเจ้า แล้วไปทุบตีเขา จำไว้ว่าอย่าหยุดจนกว่าเขาจะร้องไห้”
กลุ่มชายชุดดำพยักหน้าขณะฟัง คนหนึ่งเป็นคนอ้วนเตี้ยในขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มกับสัตว์วิเศษที่ทรงพลัง พวกเขาจำเป็นต้องไตร่ตรองอีกหรือไม่? นอกจากนี้ เจ้าอ้วนนั่นยังโกหกพวกเขา โดยบอกว่าชายหนุ่มคนนี้ดูอ่อนแอและหมาป่าตัวนั้นดูเหมือนสัตว์วิเศษระดับหนึ่งงั้นหรือ?
‘หนอย! ไอ้หมูตอน!’ หากพวกเขาไม่ได้คุกเข่าอย่างรวดเร็วในพริบตาพวกเขาก็คงจะตายในทันที ถึงจะไม่มีคำสั่งของหลินจิน พวกเขาก็ตั้งใจที่มอบบทเรียนให้กับดงเฮออยู่แล้ว
ในช่วงเวลานั้น เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ห่างไกลจากการควบคุมหรือดับลง การเติบโตของร่างกายของเสี่ยวฮั่วไม่มีทีท่าจะหยุด หากมันขยายต่อไปเรื่อย ๆ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะน่ากลัวมากแค่ไหน
ขณะที่คลื่นความร้อนที่แผดเผาถึงพวกเขา กลุ่มชายชุดดำก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ หลินจินพยายามหอบหนังสือและเสื้อผ้าก่อนที่จะหลบหนี ทันทีที่เขาออกไปข้างนอกบ้านของเขาก็พังทลาย
ดงเฮอที่ได้ยินเสียงดังก็วิ่งออกมาและอุทานว่า “พวกเจ้าเผาบ้านเขาทำไม? แต่นี่ก็ดีเหมือนกัน มันจะได้สำนึกที่บังอาจมายั่วยุข้า...”
ก่อนที่เขาจะพูดอะไรอีก เขาก็ถูกกระแทกให้ลงกับพื้น
จากนั้นพายุหมัดก็ตกลงมาที่เขาและดงเฮอมองเห็นแต่ดาว เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเสื้อผ้าของเขาถูกถอดออกทีละชิ้น เขาต้องการที่จะต่อสู้กลับแต่สัตว์เลี้ยงของเขาไม่อยู่ที่นี่
ร่างกายของเขาฟกช้ำไปทั้งตัว เสื้อผ้าของเขากระจัดกระจายอยู่บนพื้น การโจมตีแบบฉับพลันทำให้ ดงเฮอตัวสั่นเกินกว่าจะอับอายแต่เขาไม่ได้ร้องไห้ เขากลับส่งเสียงแหลมเหมือนหมูในโรงฆ่าสัตว์
เสียงร้องของเขาทิ่มแทงผิวหนังของหลินจิน เขาโบกมือให้นักฆ่าส่งสัญญาณให้ลากดงเฮอออกไป
กลุ่มชายชุดดำทำตามคำสั่งโดยไม่รีรอ พวกเขาจับดงเฮอมัดด้วยเสื้อผ้าของเขาและลากเขาออกไปอย่างเร่งรีบ เสียงกรีดร้องดังอย่างบ้าคลั่งค่อย ๆ จางหายตามระยะทาง...
ในตรอกอันไกลโพ้น เมื่อพวกเขาลากดงเฮอไป นักฆ่าคนหนึ่งก็กระซิบว่า “ทำไมเราไม่ลองหยุดพักก่อนล่ะ?”
ชายอีกคนส่ายหัว “คน ๆ นั้นไม่ใช่คนที่เราควรจะยุ่งด้วย อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า ทุบตีเขาต่อไปจนกว่าเขาจะร้องไห้”
“ช่างเป็นวันที่โชคร้ายอะไรเช่นนี้!” นักฆ่าอีกคนถอนหายใจ
พวกเขาตัดสินใจหนีออกจากเมืองคืนนี้ เนื่องด้วนคนอ้วนคนนี้คนธรรมดา แถมตอนนี้พวกเขาแหกกฎด้วยการตีลูกค้า พวกเขาต้องหลบหนีไปกบดาน
สำหรับผู้ชายที่มีสัตว์วิเศษที่น่าสะพรึงกลัวคนนั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะยั่วยุเขาอีกเลย การจ้องเขม็งของหมาป่าตัวนั้นเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในสมองของพวกเขา
ดงเฮอผู้อ่อนแอต่อการถูกเฆี่ยนตี เขาไม่ได้ร้องไห้แต่เป็นลมแทน
“เขาเป็นลมแล้ว! เราควรทำอย่างไรต่อไปดี?” นักฆ่าคนหนึ่งเริ่มร้อนรน
“เราจะทำอะไรได้อีก? วิ่ง!”
นักฆ่ารีบหนีออกไป ปล่อยให้ดงเฮอนอนเปลือยกายอยู่ในตรอกอย่างสมเพช
...
ตัดภาพมาที่หลินจิน เขากำลังมองดูซากปรักหักพังที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของเขา จากนั้นจึงหันไปหาเสี่ยวฮั่วที่หดตัวกลับเป็นขนาดปกติ เขาก้มลงไปลูบศีรษะมัน
“หมาป่าอัคคี ระดับสาม!” หลินจินกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
เขารู้สึกว่าต่อให้เสียบ้านไปนับสิบหลัง แต่แลกมาด้วยสัตว์วิเศษระดับสาม แค่นี้ก็คือว่าคุ้มค่ามาก!