เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่12: ช่างมัน ข้าจะไม่ทำอันใดอีกแล้ว ที่นี่บ้านของข้านะโว้ย!
* ขออภัยทุกท่านที่ติดตาม มีธุระด่วนกระทันหัน ทำให้ลงนิยายช้า จากนี้จะพยายามลงให้ได้วันละตอนเป็นอย่างน้อยครับ *
-----------------------------------------------------------------------------
ตอนที่12: ช่างมัน ข้าจะไม่ทำอันใดอีกแล้ว ที่นี่บ้านของข้านะโว้ย!
“เทพเซียนน้อย?”
เพียงได้ยินคำเรียกของบรรพบุรุษสกุลหลิน แขกผู้มีเกียรติทั้งหลายต่างก็นิ่งค้างไปกันหมด
“ถูกต้องแล้ว เซียนน้อยแซ่หลินของพวกเรา” อดีตผู้นำตระกูลหลินพยักหน้าแล้วกล่าวด้วยความใจเย็น เขาเป็นถึงบรรพบุรุษของตระกูลที่เผชิญหน้าฟ่าฟันมาแล้วทุกอุปสรรค ชายชราผู้นี้ในที่สุดก้เริ่มอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ล้วนเป็นเพราะเซียนน้อยแห่งสกุลหลินของข้า”
หากแต่ให้กล่าวความจริงทั้งหมดว่าเป็นเพราะหลินซวนที่เป็นเพียงทารกแรกเกิดอายุแค่หนึ่งวันเท่านั้น ตาเฒ่าแซ่หวินผู้นี้กลับกล่าวได้ไม่เต็มปาก อันที่จริงต่อให้เขาอาจจะหลุดพูดออกไปบ้าง แต่หากมีแขกคนใดถามก็มั่นใจได้เลยว่าสกุลหลินทั้งหมดอาจจะรีบกลับคำทันที
การคลอดของหลินซวนนับได้ว่าถือเป็นความลับระดับสูงเรื่องหนึ่งของตระกูลหลิน ผู้คนทั้งตระกูลล้วนแต่ได้รับคำสั่งจากบรรพบุรุษให้ปิดปากเงียบเสีย และมีหน้าที่ต้องปกป้องทารกน้อยคนนี้อย่างถึงที่สุด
นั่นเพราะหลินซวนยังคงเด็กมากเกินไป และสำคัญกว่านั้น ความสามารถของเขามันสูงส่งจนอาจะกล่าวได้ว่าราวกับเป็นสัตว์ประหลาด!
อันที่จริง อัจฉริยะคนอื่นๆที่เกิดมาก็ใช่ว่าจะไม่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์พิศดาลต่างๆ หากแต่เมื่อนับรวมทั้งชีวิตของบรรพบุรุษแซ่หลินผู้นี้ ไม่เคยมียอดคนผู้ใดที่เกิดมาแล้วถึงขั้นทำให้ผู้คนรอบตัวสามารถเลื่อนขั้นลมปราณได้มาก่อน!
ลมหายใจของหลินซวนที่เต็มไปด้วยปราณม่วง เสียงร้องไห้ที่แฝงสำเนียงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ เจ้าเด็กคนนี้เรียกได้ว่าเก่งกาจจนเกินไป ล้ำค่าจนเกินไป!
ไม่ว่าสิ่งนี้จะเกิดมาจากสายเลือดของหลินซวนที่มาจากสองสกุลใหญ่ หรือเป็นเพราะพลังของสกุลหลินนั้นพัฒนาไปไกลเกินคาดคิดก็ตาม นับว่าดีที่สุดหากจะไม่เผยแพร่เรื่องของเขาออกไปในตอนนี้ การซ่อนหลินซวนจากปากเหยี่ยวปากกาทั้งหลาย รอคอยจนเขาเติบโตมาพอนับได้ว่าเป็นการกป้องที่ดีที่สุดในปัจจุบันแล้วก็ว่าได้
ทั้งหมดที่ท่านบรรพบุรุษหลินกระทำนั้น จุดมุ่งหมายคือความหวังดีอย่างถึงที่สุดต่อตัวหลินซวนเท่านั้น หาได้มีความคิดใดๆเกี่ยวกับตนเองแม้แต่น้อย หากจะแนะนำเจ้าทารกน้อยคนนี้ให้ผู้อื่นได้รู้จัก คงต้องรอถึงตอนที่เขาสามารถจะจัดงานฉลองครบเดือนเสียก่อน
……
คำอธิบายของบรรพบุรุษแซ่หลินในครานี้ ทำให้มุมปากของผู้บ่มเพาะท่านอื่นที่มางานเลี้ยงในครั้งนี้ถึงกับสั่นกระตุกกันไปทั้งหมด
มิใช่ว่า….เป็นเพราะท่านอาวุโสหลินผู้นี้ตัดผ่านชั้นปราณในเมื่อวันที่ผ่านมา หากแต่เกิดจากอัจฉริยะน้อยแซ่หลินสักคนในตระกูล? สิ่งนี้ยังนับว่าเป็นไปได้ด้วยหรือ!
“บรรพชนสกุลหลิน ท่านกล่าวล้อเล่นแล้ว? เหตุการณ์สะท้านฟ้าสะเทือนดินเขย่าขวัญผู้คนเช่นนี้ ท่านกล่าวว่าเป็นเพราะเด็กน้อยคนหนึ่งเพียงเท่านั้น?” ผู้นำตระกูลหวังถามขึ้นมาด้วยความรู้สึกแห้งผากไปทั้งลำคอ
เพียงแค่การเลื่อนขั้นของรุ่นเยาว์สกุลหลินจะสามารถก่อให้ปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่มากถึงเพียงนี้ได้เชียวหรือ? นี่นับว่าไม่ถูกต้อง! ปราณม่วงจากทิศตะวันออกไกลแสนลี้ สิ่งนี้เกิดเพียงเพราะเจ้าปิศาจน้อยแซ่หลิน? นี่ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้!
แน่นอนว่าความรู้สึกแรกหลังจากได้ยินข่าวนี้จากปากตาเฒ่าแซ่หลินผู้นี้ล้วนไม่มีใครเชื่อถือ! ไม่ว่าจะเป็นปราณม่วง หรือเสียงแห่งเต๋าเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รุ่นเยาว์ธรรมดาย่อมมิสามารถทำให้เกิดสิ่งนี้ได้แน่นอน! แม้กระทั่งเหล่าบุคคลระดับตำนานสร้างสิ่งมหัศจรรย์ลือลั่นไปทั่วยังไม่เคยมีผู้ใดทำให้เกิดปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ได้จากการเลื่อนขั้นปราณเพียงเท่านั้น! ต่อให้เป็นการตัดผ่านคอขวดทะลุทะลวงระดับขั้นลมปราณระดับสูงเพียงใด ใครเล่าจะสามารถสร้างเหตุการณ์สะเทือนความคิดผู้คนได้เช่นนี้!
…..
ในทันทีทันใด ผู้ทรงอำนาจทั้งหลายที่มางานเลี้ยงร่วมกันในวันนี้ก็เริ่มจินตนาการถึงเซียนน้อยแซ่หลินว่าจะเป็นรุ่นเยาว์แบบใดกันแน่ ในเมื่อผู้เฒ่าหลินคนนั้นกล่าวเพียงว่ามีอัจฉริยะน้อยปรากฏตัวขึ้น ใครเลยจะคิดไปได้ไกลถึงความจริงที่ว่าเจ้าปิศาจเด็กที่กำลังคิดถึงอยู่จะเป็นเพียงทารกน้อยแรกเกิดเท่านั้น หากเป็นทารกยังทำให้เหตุการณ์ปั่นป่วนได้ถึยงเพียงนี้ล่ะก็ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าขำเกินไปแล้ว!
และนี่ล้วนเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษตระกูลย่อมต้องการให้แขกในงานคิดไปในทางนี้เช่นกัน จงคาดเดาไปให้พอเถิดพวกเจ้า ยิ่งความฟุ้งซ่านไปเองเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับพวกข้าเท่านั้น
กว่าจะถึงวันที่หลินซวนน้อยอายุครบเดือนและได้จัดงานฉลอง ตอนนั้นระดับลมปราณของท่านผู้เฒ่าหลินผู้นี้ควรจะเสถียรและมั่นคงมากพอแล้ว และนั่นจะมิใช่ปัญหาอีกต่อไปในการปกป้องเจ้าทารกตัวน้อยของเขา นี่ยังไม่นับว่าสายเกินไปนักในการเปิดตัวหลินซวน!
…..
เมื่อมองไปยังแขกทั้งหลาย บรรพชนแซ่ก็เริ่มจดจ้องมาทางหลินเฮ่า หลินเฮ่าที่เห็นดังนั้นก็ก้าวเท้าออกมาด้านหน้าและกล่าวด้วยเสียงล้ำลึกสายหนึ่ง
“เมื่อวานนี้ มีสิ่งไม่ปกติเกิดขึ้นมากมาย ทั้งปราณม่วงจากตะวันออกรวมถึงสำเนียงแห่งเต๋าที่กังวาลไปทั่ว ล้วนเกิดจากอัจฉริยะน้อยแซ่หลินของข้าแน่นอน ข้าล้วนกล่าวตามความจริงมิได้โกหกแม้เพียงครึ่งคำ และข้าเองก็ได้ผ่านไปบริเวณที่เจ้าตัวน้อยนั่นกำลังบ่มเพาะปราณอยู่ด้วยเช่นกัน สถานที่นั้นคือจุดศูนย์กลางของเหตุการณือย่างแน่นอน” ใช่ หลินเฮ่ามิได้โกหกแม้เพียงครึ่งคำ เขาแค่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดก็แค่นั้น ใครเล่าจะจับได้ จริงไหม?
แล้วเขาก็เริ่มอธิบายต่อ “รุ่นเยาว์ผู้นี้นับว่าเป็นศิษย์หลักของข้าเช่นกัน” ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว บุตรของเขาทั้งคน จะไปเป็นศิษย์หลักของผู้อื่นได้เยี่ยงไรกัน?
แม้หลินเฮ่ากล่าวอธิบายความเป็นจริงนั้นด้วยตัวเองพร้อมยืนยันหนักแน่น แต่ใครเล่าจะเชื่อน้ำคำเขาได้ลง สิ่งนี้ล้วนอัศจรรย์เกินไป เหล่าแขกล้วนแแต่สัมผัสได้ว่าบรรพบุรุษตระกูลหลินนั้นได้เลื่อนขั้นลมปราณแล้วอย่างแน่นอน มิเช่นนั้น เหตุใดเขาจึงดูเต็มไปด้วยพลังงานอันเปี่ยมล้นถึงเพียงนี้!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ แม้แต่ท่านบรรพชนแซ่หลินก็ไร้คำจะกล่าวเช่นกัน ขณะที่กำลังเร่งขบคิดว่าจะอธิบายเรื่องต่างๆให้เหล่าแขกทำความเข้าใจได้อย่างไรดีนั้น….
“ซูม!”
ในจวนสกุลหลินด้านหลังที่จัดงาน จู่ๆเสาพลังงานสีแดงเลือดก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
แม้เสาที่เกิดขึ้นนี้จะยังดูเล็กและอ่อนแอ ความสูงอยู่ที่เพียงสามสิบถึงสี่สิบจั้งเท่านั้น แต่พลังงานของปราณเลือดที่น่าหวาดหวั่นกำลังกระจายออกมาอย่างเข้มข้นจากสิ่งนี้!
เสียงแตกของอากาศดังขึ้น ลมพายุเริ่มก่อตัวอย่างรุนแรงไปทั่วบริเวณ!
ภายใต้สายตาตื่นตกใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในขณะนี้ ฟ้าดินแลดูเลือนลางเพราะการปรากฏขึ้นของลำแสงสีเลือดนี้! และพริบตาต่อมา การระเบิดที่สั่นสะเทือนไปทั้งสวรรค์และปฐพีก็ปะทุขึ้น!
รูปลักษณ์ของบางสิ่งที่ดูเก่าแก่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า นำพากลิ่นอายชวนขวัญผวาให้เกิดขึ้น!
ปราณเลือดจำนวนมหาศาลราวกับไร้จุดสิ้นสุดนี้ก่อเกิดเป็นอสูรหมาป่า อีกาสามขา เทวาปีกหัก และมังกรหกเขา!
ทั้งหมดล้วนทำท่าทางคล้ายกำลังคำรามลั่นและมองไปยังผืนฟ้าเบื้องบน ราวกับบอกว่าข้าคือผู้ที่ต่อต้านประกาศิตจากสวรรค์! ช่างอหังการ์ยิ่งนัก!
“นี่….หรือจะมีใครบางคนบรรลุระดับปราณขั้นถัดไปเกิดขึ้นอีกแล้ว?” ดวงตาของปิศาจสาวแห่งนิกายปิศาจกำลังเต็มไปด้วยประกายแสงสั่นไหวอยู่ข้างใน แม้ตายังจ้องมองที่ร่างแสง แต่ใบหน้ากลับปรากฏความตกตะลึงออกมา
“นี่…แม้ดูเหมือนว่าพลังงานที่ก่อให้เกิดสิ่งนี้จะไม่ยิ่งใหญ่นัก หากแต่รูปลักษณ์ของมันก็ชวนให้คนตกใจได้เช่นกัน” สกุลหวังที่กำลังเงยหน้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นได้แต่กล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย
“นี่ ควรนับว่าเป็นเพียงการเลื่อนขั้นเล็กน้อยเท่านั้น มิใช่การตัดผ่านไปยังดินแดนปราณระดับสูงกว่าเดิม” นางชีเหยาจีกล่าวขึ้น นัยน์ตาเปล่งประกายแล้วหันกลับมายังบรรพชนแซ่หลิน
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอกล่าวถามได้หรือไม่ สิ่งนี้เกิดจากการตัดผ่านปราณของอัจฉริยะวัยเยาว์แซ่หลิน?”
เพียงมองเห็นปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ตาเฒ่าหลินทำได้เพียงคิดในใจ
‘หรือว่าเราจะมีรุ่นเยาว์ผู้เก่งกาจอยู่ในตระกูลจริงๆ? เรื่องโกหก…..เรื่องความจริงที่พูดไม่หมดของข้ากลับกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?’
ไม่ใช่แค่บรรพบุรุษตระกูลหลินที่กำลังสับสน อาวุโสอื่นๆที่อยู่รอบๆตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกต่างกัน ใครกันที่เลื่อนขั้นลมปราณในเวลานี้? เหตุกาณ์นี้….ไม่นับว่ายิ่งใหญ่เท่าใดนัก แต่ก็กล่าวได้ว่าแปลกประหลาดอย่างแท้จริง! เหตุใดพวกเขาจึงไม่สามารถนึกถึงรุ่นเยาว์ที่สามารถเลื่อนขั้นได้เลยสักคนเดียว?
ในเวลานี้ มีเพียงหลินเฮ่าที่กำลังยืนอยู่ข้างๆเหล่าอาวุโสและมองสิ่งต่างๆอยู่เท่านั้นที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาเริ่มรู้สึกตกตะลึง ปากเริ่มอ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆ
มิใช่ว่า….พิกัดที่เจ้าเสาแสงนี่พุ่งขึ้นมามันคุ้นๆหรอกหรือ? มันช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก!
มุมปากหลินเฮ่าเริ่มกระตุกไม่หยุด เพียงช่วงพริบตาที่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็กล่าวเรียก
“ท่านบรรพชน…”
“สถานที่ซึ่งเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น….”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นจวนของข้า”
จวนของเจ้า? ตาแก่หลินนิ่งค้างไป ก่อนจิตใตสำนึกลึกๆจะสั่งให้หันไปหาหลินเฮ่า
“ซวนเอ๋อกำลัง….บ่มเพาะอยู่ด้วยทักษะลมหายใจปราณปฐมกาล ตั้งแต่ตอนที่เขาเกิดมา” หลินเฮ่ากระซิบเสียงบางเบา
ซวนเอ๋อ? หลินซวน? ผู้เฒ่าหลินรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด
อาวุโสท่านอื่นที่อยู่รอบๆทำได้เพียงมองหน้ากันไปมาด้วยสีหน้าโง่งมยิ่งนัก…