บทที่ 416 ร่วมมือ,ช่วยเหลือ
การต่อสู้ที่ด้านนอกยังคงดำเนินต่อไป บัดนี้ผู้คนที่เข้ามาดูชมการประลองต่างวิ่งหนีอย่างโกลาหนเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้
เพราะในตอนนี้การต่อสู้ของเหล่าจิตวิญญาณอสูรและจักรพรรดิทั้งห้าคนกินวงกว้าง มิได้อยู่ภายใต้การปกป้องของสมาคมการค้าจ้าวสมุทรอีกต่อไป
“ลำบากจริงๆ ข้าน่าจะทิ้งพวกไร้ประโยชน์เอาไว้และหนีไปจากสถานการณ์บ้าๆเช่นนี้” โอหยางสือพึมพำออกมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด
ทว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ได้ย้อนแย้งกับคำพูดที่กล่าวออกมา ถ้ามันไม่ต้องการช่วยเหลือประชาชนของทวีปใต้เรือนหมื่นชีวิต มันอาจจะทำอย่างที่กล่าวและหนีไปแล้วก็เป็นได้
“นั้นคือเหตุผลที่พวกเราต่างเป็นราชายังไงละ” หงหยวนซวนจวิ้นเปิดปาก มันเร่งความเร็วพุ่งตัวไปตามอากาศ มือขวากระชับเคียวปีกโลกันต์แน่น
ได้ยินเช่นนั้น โอหยางสือกล่าวสวน “ไร้สาระ!! อย่าเอาข้าไปนับรวมกับเจ้า เจ้าช่วยเหลือมันด้วยเหตุผลใดข้าไม่รู้ แต่ที่ข้าช่วยเหลือประชาชนของข้า เพราะว่าพวกมันยังมีประโยชน์ในภายหลังยังไงละ”
กล่าวจบโอหยางสือสะบัดปลายดาบดำออกมา เพียงแค่การใช้ออกด้วยพลังเล็กน้อย หน้าอกของมันปรากฎกลุ่มก้อนโลหิตหลั่งไหลออกมาผสมเข้ากับเสื้อผ้าสีดำอย่างน่าหวาดหวั่น
เห็นได้ชัดเลยว่าบาดแผลจากการปะทะกันระหว่างมันและเซียวหลงซานยังคงไม่ได้หายไปและเพียงแค่การใช้กำลังก็ได้ทำให้ปากแผลเปิดออก
บัดนี้ทั้งสองได้ทะยานร่างเข้ามาอยู่ภายใต้อาณาเขตของธารน้ำสีเลือด สายใยโลหิตที่จับตัวกันจนกลายเป็นของแข็งพาดผ่านคล้ายใยแมงมุม มันไม่มีช่องว่างใดๆให้ทั้งสองรอดผ่านไปได้เลย
เห็นสภาพเบื้องหน้าเช่นนั้น ไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้นมา เลือดในกายาของหงหยวนซวนจวิ้นเดือดพล่าน มันพึมพำออกมาเบาๆให้แก่คู่หูจำเป็นได้ยิน
“นี้ใช่ไหม สิ่งที่เจ้าพร่ำบอกว่าถูกช่วงชิงไปตลอดกว่าหนึ่งพันปีที่ผ่านมา”
“หึ มาเสียใจเอาตอนนี้ ไม่ทันแล้วละ ข้าจะเปิดทางให้ ส่วนเจ้าไปช่วยเด็กของเจ้าออกมา และอย่าเข้าใจผิดละ จงจำเอาไว้ หนี้แค้นของเฟย ข้าจะให้ไอ้เด็กนั้นได้ชดใช้คืนในอนาคตอย่างแน่นอน” กล่าวจบโอหยางสือพุ่งร่างนำหน้าหงหยวนซวนจวิ้นไป
สายโลหิตที่จับตัวกันในรูปแบบของแข็งเปลี่นรูปร่างเป็นอสรพิษสีแดง ตวัดเข้าโจมตีผู้บุกรุก
ฟิ้วว ฟิ้ววว
กระนั้นเมื่อสายโลหิตเข้ามาในรัศมี2เซียะ(66 ซม.)รอบตัวของราชาแห่งทักษิณ มันจะถูกเพลงดาบอันก้าวร้าวและรุนแรงตัดขาดจนกลายเป็นสองส่วนทันที
ทั้งสองยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุด เป้าหมายของพวกมันอยู่ห่างเพียง30เซียะ(10เมตร)เท่านั้น แต่ทว่าเส้นทางต่อไปนี้มิได้โรยไปด้วยกีบกุหลายเลย มันเต็มไปด้วยความอันตรายและบ้าคลั่งอย่างไม่สามารถหยั่งถึงได้เลย
พลังอำนาจของสี่สายธารบรรจบเลือด มิยินยอมให้ใครเข้าใกล้ร่างของหนิงเทียนผู้เป็นนายได้ การกระทำของมันคล้ายกับสตรีที่ไม่ยินยอมปล่อยตัวชายที่รักให้แก่ใครด้วย
เหตุนี้ ยิ่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ร่างของหนิงเทียนมากเพียงใด ความบ้าคลั่ง ดุร้ายของมันยิ่งทวีสูงขึ้น
ธารน้ำโลหิตเปิดฉากโจมตีอีกครั้ง เบื้องหน้าของจักรพรรดิทั้งสองปรากฏละอองเลือดกลุ่มใหญ่ เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้รัศมีโจมตีของโอหยางสือ
เลือดเหล่านั้นได้กลายร่างเป็นแรดแดงสูงกว่าสามเมตร ทั่วทั้งร่างกายของมันเป็นสีของโลหิต มองด้วยตาเปล่าแล้วบอกได้เลยว่า แรดตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากการหลอมรวมของโลหิต
นัยน์ตาสีแดงของมันจ้องมองไปยังโอหยางสือและหงหยวนซวนจวิ้นอย่างหิวกระหาย
แรดแดงเปิดปากส่งเสียงร้องราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง แม้ร่างกายของมันจะใหญ่โตแต่เพียงการย้ำเท้าก้าวครั้งเดียว กีบเท้าอาวุธอันทรงพลังของมันได้เข้าปะทะกับหน้าอกของโอหยางสืออย่างแรง
พลังของแรดแดงนั้นเกิดจากอำนาจจิตของสมบัติวิเศษอย่างสี่สายธารโลหิต มันจึงมีความแข็งแกร่งไม่แพ้มัจจุราชสีเลือดหรือมังกรคู่หยินหยางเลย
เห็นเช่นนั้นจักรพรรดิทมิฬหาได้มีความหวั่นเกรงแม้แต่น้อย ใบหน้าของมันเผยรอยยิ้มออกมาเช่นเดียวกับยามที่ได้เผชิญหน้าต่อสู้กับเซียวหลงซาน
โอหยางสือใช้ออกด้วยทักษะกระดูกปีศาจ มันผลักร่างของแรดแดงให้กระเด็นถอยไปถึงสามก้าว
“เจ้าเข้าไป ข้าจะสู้กับมันเอง”โอหยางสือสั่งการออกแก่หงหยวนซวนจวิ้น
เห็นเช่นนั้นจักรพรรดินิรันดร์เปิดปากกล่าวตอบ “ถึงข้าจะไม่อยากฟังคำเจ้าเท่าไร แต่ครั้งนี้จะหยวนๆให้ก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างของหงหยวนซวนจวิ้นทะยานข้ามหัวของโอหยางสือและแรดแดงไปที่ร่างของหนิงเทียนโดยเร็ว
เห็นเช่นนั้นแรดแดงร้องออกด้วยความเดือดดาล มันเปลี่ยนทางพุ่งเข้าหาผู้บกรุกทันที
ตูมม ตูมม ตูมมม!!! กีบเท้าของมันถูกดาบดำของโอหยางสือขวางทางเอาไว้ การปะทะกันของพวกมันทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
แรดแดงกระโจนขึ้นไปบนอากาศอีกครั้ง มันม้วนตัวและใช้กีบเท้าหลังเหยียบไปที่ศีรษะของโอหยางสือ ความเร็วและดุร้ายของแรดแดงเพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้ของมันตกตายลงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่.. คู่ต่อสู้ของมันคือชายผู้ผ่านความตายมานับล้านชีวิต
โอหยางสือตวัดมือซ้ายจับไปยังกีบเท้าของแรดแดง ด้วยแรงอัดกระแทก มันดึงมือซ้ายของโอหยางสือไปด้านหลัง ไหล่ของมันหลุดออกผิดรูปหักไปด้านหลังทันที
เกรงว่าถ้าแรงกว่านี้อีกหน่อย แขนซ้ายของจักรพรรดิทมิฬคงจะหลุดออกจากกันไปแล้ว
ดวงตาของโอหยางสือแสยะยิ้มออกมา แม้แขนซ้ายของมันจะถูกหักทิ้งไป แต่นั้นก็เพียงพอให้มันได้โจมตีไปยังกลางลำตัวของแรดแดงแล้ว
“ดาบมารทมิฬ กระบวนท่าห้วงเวลาแห่งราชัน” ถูกใช้ออกและฟาดฟันไปยังลำตัวของแรดแดงอย่างแรง
โพล้ะ!! ร่างโลหิตแตกกระจายกลายเป็นละอองเลือด ธารโลหิตเบื้องล่างพลันสั่นไหว ความเข้นข้นของมันโอนอ่อนจางลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่กระนั้น เพียงพริบตาต่อมาธารโลหิตได้สร้างแรดแดงขึ้นมาใหม่อีกห้าตัวล้อมรอบร่างของโอหยางสือเอาไว้
เห็นว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู โอหยางสือเอียงคอเล็กน้อยและกล่าวออก
“สนุกดีจริงๆ”จากนั้นมันพุ่งตรงเข้าฟาดฟันกับศัตรูเบื้องหน้าอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้กับความแข็งแกร่งคือสิ่งที่ตัวมันโหยหามาตลอด
...
ในเวลาเดียวกัน ร่างของหงหยวนซวนจวิ้น พุ่งตรงด้วยความเร็วสูง อีกเพียงอึดใจเดียวมันจะดึงร่างของราชบุตรเขยออกมาจากใจกลางธารน้ำโลหิตได้แล้ว
ขณะที่สองมือของมันกำลังเอื้อมคว้าจับไปที่คอเสื้อของหนิงเทียน สิ่งที่อันตรายและร้ายกาจที่สุดกำลังเคลื่อนไหวและตรงมาที่ตัวของมัน
ปังงง!!! ลำแสงสีทองที่เปล่งออกมาจากตะวันทั้งแปดดวงได้สาดทอไปยังร่างของหงหยวนซวนจวิ้น พลังความร้อนอันรุนแรงระเบิดขึ้นที่กลางหลังของจักรพรรดินิรันดร์ส่งให้ร่างของราชาแห่งประจิมรอยละลิ้วลงสู่ธารน้ำโลหิตทันที
หงหยวนซวนจวิ้นเร่งเร้าพลังออกมา มันม้วนตัวกลางอากาศก่อนที่อวัยวะส่วนใดของมันจะทันสัมผัสธารน้ำสีเลือด
จากนั้นหงหยวนซวนจวิ้นแหงนหน้ามองไปยังผู้โจมตี ทันทีที่เห็นแหล่งของพลังงาน ดวงตาของหงหยวนซวนจวิ้นเบิกกว้าง ตัวมันที่ฝึกฝนพลังธาตุหยางมาแต่กำเนิดรู้ดีว่า ความร้อนที่รุนแรงที่สุด คือไฟที่กำเนิดจากพลังของดวงตะวัน
เมื่อพลังงานหยางของตะวันทั้งแปดส่องประกาย มันกลบพลังอำนาจเพลิงของเคียวปีกโลกันต์ไปจนหมดสิ้น
“ของวิเศษเหล่านี้มีแหล่งกำเนิดมาจากที่ใดกันแน่?” หงหยวนซวนจวิ้นได้แต่พึมพำออกมา หนทางเดียวที่มันจะสามารถเอาชนะภาพตะวันแปดดาราได้ มีแต่ต้องใช้พลังลมปราณที่ฝึกฝนมานับพันๆปีเข้าเสริมส่งพลังหยางในตัว
ทว่าภายใต้เงื่อนไขที่สามารถทำได้ตอนนี้ ไม่มีหนทางเลยที่มันจะสามารถเอาชนะตะวันทั้งแปดที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาจัดการกับมันได้
ทันทีที่ตะวันทั้งแปดดวงเคลื่อนลงมาจากฟ้า มันกลายสภาพคล้ายลูกแก้วขนาดเท่ากำปั้นแปดลูกที่บินฉวัดเฉวียนสร้างแนวป้องกันด่านสุดท้าย มิให้หงหยวนซวนจวิ้น ขยับเข้าใกล้ร่างของนายมันได้เลย
เห็นเช่นนั้น หงหยวนซวนจวิ้นกระโดดขึ้นไปบนอากาศ มันใช้ออกด้วยกระบวนท่าเคียวปีกโลกันต์ในการฟาดฟันกับตะวันทั้งแปดดวง
เพื่อเปิดทาง ทุกๆครั้งที่จักรพรรดินิรันดร์ก้าวเท้าไปด้านหน้าครึ่งก้าว ผิวหนังของมันจะถูกไอความร้อนแผดเผาจนเกิดเป็นแผลไฟไหม้ขึ้นหลายแห่ง
แม้ว่าร่างกายของมันจะเต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวดแต่กระนั้นทุกครั้งที่มันฟาดฟันอาวุธคู่กายออกไป มันได้ผลักดันพลังของตะวันทั้งแปดให้ถ่อยร่นออกไปและก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างของหนิงเทียนมากขึ้น
....
ภายในมิติอนันตเวคิน หนิงเทียนปิดเปลือกตาทำสมาธิ ในตอนนี้มันเข้าใจแล้วว่า ภาพที่สองอย่างตะวันแปดดาราและ ภาพที่สามอย่างสี่สายธารบรรจบเลือดนั้น ยอมรับตัวมันเป็นเจ้านาย
ด้วยเหตุนี้พลังทั้งสองจึงขัดขวางทุกชีวิตที่เข้ามาใกล้มัน ต่างจากภาพที่หนึ่งอย่างพยัคฆ์ทมิฬ ที่มีความคิดสติปัญญาเป็นของตัวเอง จึงยากแก่การควบคุม ไม่ต้องไปกล่าวถึงภาพที่4และ5 หนิงเทียนไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจพวกมันได้ด้วยซ้ำ
“ถ้าจิตวิญญาณของข้าสามารถเชื่อมต่อกับร่างกายได้ การจะควบคุมสี่สารธารโลหิตและตะวันทั้งแปดยังพอมีหนทาง แต่กระนั้นความเสียหายของร่างกายนั้นมากเกินไป”
หนิงเทียนพยายามที่จะฝืนชะตาของตัวเอง มันต้องพยายามฟื้นสติได้โดยเร็วที่สุด ทว่าในตอนนี้มันไม่สามารถพึงพาตัวเองได้ สิ่งที่เป็นความหวังของมันคือได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนด้านนอก
หนิงเทียนพยายามที่จะออกคำสั่งแก่ตะวันแปดดาราอีกครั้ง เพื่อจะให้มันเปิดทางแก่จักรพรรดินิรันดร์ แต่กระนั้นมันกลับไม่มีผลใดๆเลย
“มีหนทางใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือพวกเขาได้บ้าง?? คิดสิหนิงเทียน คิดสิ” มันพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความว่างเปล่า
“เพราะทั้งสองเป็นของวิเศษมันจึงยากที่จะรับรู้ความต้องการของข้าได้ สิ่งเดียวที่มันทำคือปกป้องมิให้ผู้ใดเข้ามาแตะต้องทำอันตราย” หนิงเทียนทบทวนความคิด จากนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้
“ตั้งแต่ที่ข้าได้พลังของม้วนภาพเทพยุทธ์มาเจ้าคือสหายคนแรก และในตอนนี้เจ้าคือความหวังเดียวที่จะช่วยเหลือข้าได้ ได้โปรดจงฟังเสียงของข้า ข้าต้องการความช่วยเหลือของเจ้า สหาย...”
หนิงเทียนพึมพำออกมาในใจ พร้อมกันนั้นมันได้ตั้งสมาธิบังคับให้ตัวเองอยู่ในสภาวะนิพพานที่แท้จริง
...
..
ที่ด้านนอก การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้น โอหยางสือสามารถหยุดยั้งสายธารสีเลือดเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับ ไป๋ต้าเทียนที่หยุดความเสียหายจากมังกรคู่หยินหยางลงได้
จักรพรรดิทั้งห้าคนหยุดยั้งการสูญเสียชีวิตของผู้คนโดยดึงการโจมตีของจิตวิญญาณทั้งห้ามาไว้ที่ตัวของพวกมัน
ฟู่!! หงหยวนซวนจวิ้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในตอนนี้มันได้ใช้ออกด้วยกระบวนท่าของเคียวปีกโลกันต์ไปมากกว่า50กระบวนท่าเพื่อที่จะหยุดยั้งการโจมตีของตะวันทั้งแปดดวง
เคล้งง เคล้งง เคล้งงง!! ทุกย่างก้าวของจักรพรรดินิรันดร์ผลักดันพลังของตะวันทั้งแปดให้ถอยร่นไป บัดนี้ระยะห่างจากตัวมันเหลืออีกเพียงแค่สามก้าวเท่านั้น
“เจ้าตัวปัญหา รอข้าประเดี๋ยว ข้าจะรีบช่วยออกมาเอง” กล่าวจบหงหยวนซวนจวิ้น ยกเคียวปีกโลกันต์ขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นมันตวัดลงไปที่ด้านหน้า จิตวิญญาณของศาสตราวุธสร้างร่างของอีกาเพลิงขึ้นมา
“เคียวปักโลกันต์ กระบวนท่า สยาย”
ตะวันแปดดาราเปล่งแสงสว่างออกมาเพื่อตั้งรับการโจมตี มันปลดปล่อยธาตุแห่งแสงออกมา พลังธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้บ้าคลั่ง และโหมกระนำเข้าขัดขวางพลังของเคียวปีกโลกันต์
พลังทั้งสองสายบดขยี้ซึ่งกันและกันอย่างแรงและเมื่อพลังทั้งสองมิสามารถหาถึงผู้ชนะได้ มันจึงระเบิดออกกลางอากาศทันที
ตูมมม!!! ทันทีที่เสียงกัมปนาทกึกก้องดังไปทั่วฟ้า รอยแตกร้าวนับสิบๆเกิดขึ้นตามก้อนหินและผนังภูผา ขณะนั้นเองฝูงชมที่กำลังวิ่งวุ่นหาที่หลบยังต้องเหลียวหน้าจ้องมองไปบนท้องฟ้าที่เกิดการระเบิดขึ้นมา ฝุ่นควันตลบอบอวนไปทั่วพื้น
ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสีแดงพวยพุ่งออกมาท่ามกลางกลุ่มควัน มันเป็นร่างของจักรพรรดินิรันดร์ที่ในสองมือโอบอุ้มร่างหนิงเทียนที่ไร้สติออกมาจากใจกลางสารธารโลหิตและวงล้อมของตะวันแปดดาราได้อย่างปลอดภัย
เมื่อของวิเศษทั้งสองเห็นภาพผู้เป็นนายถูกแย่งชิงไป เหล่าแรดแดงที่เวลานี้เพิ่มจำนวนขึ้นถึง10ตัวพลันหันทิศเปลี่ยนทางการโจมตีจากโอหยางสือไปยังแผ่นหลังของหงหยวนซวนจวิ้นทันที
เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น โอหยางสือหยุดมือ มันมิได้คิดจะเข้าขัดขวางแต่อย่างใด
“โทษทีนะ ข้อตกลงของพวกเรา คือการนำเจ้าเด็กนั้นออกมารักษาเท่านั้น เราไม่ได้ตกลงกันว่าจะปกป้องซึ่งกันและกัน.. ลาก่อนซวนจวิ้น”
พร้อมๆกับเสียงพึมพำของโอหยางสือ พลังของสี่สายธารและแปดตะวันดารา โจมตีเข้าไปยังแผ่นหลังของจักรพรรดินิรันดร์อย่างแรง
ด้วยสภาพที่ไร้ซึ่งลมปราณอีกทั้งยังต้องปกป้องหนิงเทียนเอาไว้ มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ราชาแห่งทวีปตะวันตกสิ้นชื่อลง ณ ที่แห่งนี้
สายโลหิตสีแดงและลำแสงสีทอง พุ่งตรงเข้าหาแผ่นหลังของหงหยวนซวนจวิ้น ในตอนนี้อาวุธคู่กายนั้นหลุดออกจากมืออีกทั้งยังไม่สามารถวางเด็กหนุ่มลงได้
มันทำได้เพียงอย่างเดียวคือการใช้พลังทั่วร่างที่มีเข้ารับการโจมตีครั้งนี้
แต่กระนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดได้บังเกิดขึ้น เงาร่างสีดำทะยานเข้าแทรกกลางระหว่างพลังโจมตีและตัวของหงหยวนซวนจวิ้น
มันเผยให้เห็นร่างของพยัคฆ์ทมิฬที่กำลังร้องคำรามด้วยความดุร้าย ทุกสายตาต่างคิดว่านี้คือจุดจบของราชาแห่งประจิม ทว่าทิศทางที่พยัคฆ์ทมิฬหันหน้าเข้าใส่มิใช่แผ่นหลังของหงหยวนซวนจวิ้นแต่เป็นการโจมตีของ สี่สายธารและแปดตะวัน
โคร่กกก!!! มันอ้าปากกว้าง ปลดปล่อยพลังหยุดยั้งการโจมตีทั้งสองสายที่กำลังทำอันตรายต่อตัวของจักรพรรดินิรันดร์ทันที...