การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 97 จุดเริ่มต้น แห่งการสร้างกองทัพหน้าไม้
ตอนที่ 97 จุดเริ่มต้น แห่งการสร้างกองทัพหน้าไม้
ณ สนามฝึกทหารของเหล่าขุนนาง กลางเมืองหลวงจักรวรรดิ
“ท่านแกรนด์ดยุก ท่านมีธุระอะไรกับที่แบบนี้งั้นเหรอครับ ตอนนี้ที่เส้นทะเลลมปราณก็มีนักธนูมากมายที่เดินทางมาจากอาณาเขตทางเหนือ ในด้านประสบการณ์และความสามารถ ถึงข้าไม่อยากจะพูดแบบนั้น แต่ข้าก็สามารถให้การยืนยันได้แน่นอนว่าพวกนั้นเหนือกว่าคนเหล่านี้แน่”
ไคเซอร์ พูดออกมาตามความคิดของตัวของเมื่อพวกเราสองคนเดินทางมาถึงที่นี่ หลังจากจัดการเรื่องที่โรงประมูลเรียบร้อยผมก็ให้ อลิสและอัศวินจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปคฤหาสน์ทันที ถึง อลิส จะขอตามมาด้วยก็ตามแต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากทำเรื่องง่ายให้มันเป็นเรื่องยาก อีกอย่าง ที่แบบนี้มันไม่มีอะไรเป็นประโยชน์กับเธอมากนัก ให้ไปฝึกบ่มเพาะคงเป็นประโยชน์มากกว่า
ส่วนเรื่องที่ ไคเซอร์ พูดออกมามันก็เป็นเรื่องจริง ด้านหน้าของพวกเราทั้งสองตอนนี้เป็นโรงฝึกขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าเขียนเอาไว้ว่า [ โรงฝึกพลธนูขุนนาง ]
สถานที่แห่งนี้ก็ตรงตามชื่อของมัน ซึ่งพวกที่เข้ามาฝึกในนี้ได้มีเพียงแต่ขุนนางเท่านั้น และครูฝึกส่วนมากก็เป็นขุนนางยศสูงยศต่ำที่แทบไม่เคยเข้าสนามรบจริงๆ กันเลยสักครั้ง ไม่แปลกที่ ไคเซอร์ จะพูดว่าทหารจากทางเหนือมีฝีมือเหนือกว่าของที่นี่
แล้วก็เพราะเรื่องแบบนี้แหละที่ทำให้จักรวรรดิอ่อนแอลงทุกวัน แต่ว่า ในที่แห่งนี้มีชายคนนั้นอยู่ นายพลที่ฝึกพลธนูที่แก่งที่สุดในทวีปของมนุษย์ ถ้าย้อนเวลาตามสิ่งที่หมอนั่นเล่าให้ฟัง ตอนนี้หมอนั่นคงเป็นแค่ครูฝึกสถานะต่ำต้อยในที่แกห่งนี้เพียงเท่านั้น
ในช่วงยุคสมัยสงบสุขเช่นนี้ ต่อให้มีความสามารถหรือเก่งขนาดไหนก็คงไม่ได้เลื่อนขั้น หรือเลื่อนยศได้ง่ายๆ กันหรอก กว่าหมอนั่นจะแสดงฝีมือได้ก็คงประมาณ 2 -3 ปี ต่อจากนี้ เป็นสงครามที่จักรวรรดิส่งกำลังทหารลงไปโจมตีกลุ่มประเทศทางตอนใต้เพื่อขยายอาณาเขต แต่ตอนนี้ไม่ใช่! ชายคนนั้นยังเป็นเพียงขุนนางยศบารอน ที่เป็นเพียงครูฝึกในโรงฝึกแห่งนี้เท่านั้น หึหึ!
“สิ่งที่เจ้าว่ามามันก็ถูกนั่นแหละที่พวกนี้มีแต่พวกลูกขุนนางอ่อนแอ หรือครูฝึกที่แทบไม่เคยไปสนามรบกันเลยสักครั้ง แล้วได้เป็นครูฝึกด้วยเส้นสายตระกูลพวกในเมืองหลวง แต่ว่า ที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีแต่ขยะแบบที่เจ้าคิดหรอก”
“ครับ?”
“อธิบายอะไรตอนนี้เจ้าก็คงไม่เข้าใจ แต่ที่นี่มันไม่ได้มีแต่พวกขุนนางไร้ความสามารถ ตอนนี้ข้าบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้”
พูดจบผมก็ออกเดินต่อเพื่อเข้าไปยังโรงฝึก ส่วนทาง ไคเซอร์ ก็ตามผมมาแบบสีหน้าไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น อธิบายเรื่องชายคนนั้นให้หมอนี่ฟังก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรหรอก การอธิบายที่สุดคือการแสดงความสามารถ วิธีแบบนั้นแหละที่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการอธิบาย
“เชิญครับ”
เมื่อมาถึงทหารเฝ้าประตูก็ให้ผมเข้าทันที เดิมที่แล้วที่แห่งนี้ต้องเป็นนักธนูของจักรวรรดิ หรือขุนนางที่ลงทะเบียนเรียนเท่านั้นถึงสามารถเข้าได้ แต่ตำแหน่งแกรนด์ดยุกของผมก็ไม่มีเอาไว้ประดับเฉยๆ เพราะงั้นผมจึงสามารถเข้าได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทะเบียนอะไรทั้งนั้น
ฟุบ!
ฟุบ!
ฟุบ!
เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาเสียงยิงธนูก็ดังเข้ามาในหูทันที อืม~ เสียงแบบนี้ไม่ได้ยินมานานพอสมควรแล้วสินะ สมัยก่อนต้องได้เสียงของพวกมันทุกวันแล้วก็ต้องเห็นทหาร หรืออัศวินตายทุกครั้งที่ได้ยินมัน แต่ว่า ตอนนี้มันเป็นเพียงการฝึกยิงเท่านั้น เหอๆ เหมือนกับว่าตัวเองกำลังฝันว่าอยู่ในโลกที่แสงสงบสุขอยู่เลย
“แฮกะ! แฮกะ! แฮกะ!”
ระหว่างกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองอยู่นั้น ด้านข้างของผมก็เกิดเสียงเหมือนคนกำลังหอบดังขึ้นมา ซึ่งคนที่กำลังตรงมาทางนี้คือ ไขมันเดินได้! อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกเพราะร่างกายหมอนั้นเต็มไปด้วยไขมัน แต่เมื่อดูจากการแต่งตัวแล้ววิ่งมาหาผมแบบนั้น คงเป็นคนใหญ่คนโตในโรงฝึกแห่งนี้นั่นแหละ เมื่อวิ่งมาได้สักพักก้อนไขมันเดินได้ก็มาถึงจุดที่ผมยืนอยู่ แล้วก้อนไขมันก็ไม่รอช้า
“ทะ ท่านแกรนด์ดยุก ขะ ข้าเป็นผู้คุ้มโรงฝึกแห่งนี้ครับ”
“อืม! ไม่ต้องรีบพูดขนาดนั้นก็ได้ หยุดหายใจก่อนเถอะ”
“คะ ครับ”
หลังผมบอกออกไปแบบนั้น ก้อนไขมันเดินได้ก็หันหน้าไปทางอื่นแล้วสูดหายใจเข้าออกด้วยความรุนแรงหลายครั้ง จากนั้นไม่นานนัก ก็หันกลับมาหาผมอีกครั้งด้วยใบหน้าปั้นยิ้มแบบพวกขุนนางชอบประจบ
“ท่านมาที่นี่ทำไมงั้นเหรอครับ หรือมีใครในโรงฝึกแห่งนี้ทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ ท่านบอกข้ามาได้เลยข้าจะไปเรียกมันคนนั้นมาให้ท่านจัดการแน่!!”
“ก่อนอื่น …ข้ามาหาคนที่นี่ ส่วนเรื่องที่ใครทำให้ข้าไม่ใจอะไรแบบนั้นมันไม่มี”
จากที่หมอนี่พูดออกมามันต้องเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดแน่ๆ ถ้าไม่งั้นคงไม่พูดจาใหญ่โตแบบนั้นออกมา แต่แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน ตัวใหญ่มาหาเองแบบนี้จะได้หาตัวชายคนนั้นได้เร็วขึ้น
“ถะ ถ้างั้นท่านต้องการหาใครครับ ท่านเชิญบอกข้ามาได้เลย”
“…แฟนทอม! ข้าต้องการเจอเจ้าหมอนั่น”
“นะ นั่น…”
การตอบรับของผู้คุมโรงฝึกเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะชายคนนั้นไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังคนอื่นเท่าไหร่ แต่ด้วยฝีมือการยิ่งธนูที่เหนือชั้นและแผนต่างๆ ที่หมอนั่นคิดขึ้นมา ทำให้โรงฝึกแห่งนี้ไม่กล้าไล่ชายคนนั้นออกเพราะกลัวว่าตัวเองไม่มีผลงาน เหตุผลที่ผู้คุมโรงฝึกแสดงท่าทางเป็นกังวลแบบนี้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่า แฟนทอม จะไม่เชื่อฟังผมหรอก แต่ว่า หมอนี่กำลังกลัวจะเสียไก่ที่ทำหน้าที่ผลิตไข่ทองคำให้ตัวเองต่างหาก
“ข้าคิดว่าท่านอย่าไปพบเจ้านั่นเลยดีกว่าครับ เพราะต่อให้เป็นทะ-”
“ข้าให้เจ้าแสดงความคิดได้ตอนไหน?”
ผมพูดเสียงเย็นชาออกไปทันทีก่อนที่มันจะได้พูดจบ สิ่งที่มันพยามจะพูดออกมามันเดาไม่ยากหรอก เพราะถ้าเป็นผมเอง ก็คงไม่มีทางพาคนอื่นไปเจอกับไก่ที่ผลิตไข่ทองคำให้ตัวเองแน่ เหอ! เพราะมีคนแบบมันนี่แหละถึงทำให้คนที่มีความสามารถจริงๆ ไม่ได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมา
“คือ…”
ผู้คุมโรงฝึก แสดงใบหน้าหนักใจอย่างชัดเจน
“ข้าบอกว่าให้พาไป ข้าจะไม่พูดซ้ำครั้งที่สาม!!”
“….คะ ครับ!”
หลังจากโดนขู่อีกครั้งมันก็ยอมจนได้ ก็จริงอยู่ที่ไม่อยากให้ผมเจอ แต่มันก็ยังมีสมองอยู่นั่นแหละถ้าเกิดทำให้แกรนด์ดยุกไม่พอใจ ต่อให้มีตำแหน่ง ผู้คุมโรงฝึก ก็คงไม่สามารถปกป้องมันจากโทษที่จะตามมาหรอก หึหึ! แล้วชื่อเสียงของผมก็ดังในเหล่าขุนนางซะด้วย
……
“อยู่ตรงนั้นครับ…”
ผู้คุมโรงฝึก พูดออกมา ขณะชี้นิ้วไปยังชายด้านหน้าที่อยู่กลางลานยิงธนู ไม่ผิดตัว! ตอนแรกคิดว่าเจ้าไขมันเดินได้จะเล่นแง่กับผมแล้วพามาพบคนอื่นซะอีก และถ้าเป็นแบบนั้นผมคงให้ ไคเซอร์ ตัดแขนของมันออกสักข้างเพื่อเป็นการย้ำเตือนแต่ในเมื่อพามาเจอกันดีๆ ผมก็คงไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว
“เรียบร้อยแล้วก็ไปให้พ้นหน้าข้า”
“แต่ท่านแกรนด์ดยุก ชะ-”
“ต้องให้ข้าย้ำอีกครั้งใช่ไหม”
แก๊ก!
ระหว่างการพูดของผมเพื่อย้ำอีกครั้ง เสียงกระทบกันของดาบและปลอกดาบก็ดังขึ้นมาจากทาง ไคเซอร์ ด้านหลังพวกเรา ใบหน้ากำลังหนักใจของก้อนไขมันหายไปทันทีเมื่อเสียงดังขึ้น สีหน้าของมันเปลี่ยนมาเป็นหวาดกลัวแทน จนในที่สุด
“ครับ! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
มันรีบวิ่งไปทันทีหลังตอบออกมา ส่วนผมก็หันไปทาง แฟนทอม ที่อยู่กลางลานประลองอีกครั้ง ตอนนี้หมอนั่นกำลังสอนพวกลูกขุนนางยิงธนูกันอยู่ แฟนทอม ! ชายคนนั้นมีอายุมากกว่าผมประมาณ 10 ปี อายุของหมอนั้นเวลานี้ก็คงประมาณ 28 – 30 ปี เป็นขุนนางยศบารอนที่มีฝีมือการยิงธนูอย่างมาก แต่ว่า ไม่มีสนามรบหรือเวทีให้แสดงความสามารถ ก็เลยไม่สามารถฉายแสงของตัวเองออกมาได้ ร่วมถึงโดนคนอย่างก้อนไขมันเดินได้กดชื่อเสียงเอาไว้อีก …ต่อให้เก่งขนาดไหน แต่โดนขนาดนั้นก็คงไม่แปลกที่ไม่มีใครมองเห็นความสามารถ
ยิ่งไปกว่านั้น หมอนั่นยังเป็นคนที่คิดระบบกองทัพธนูให้ผมเอาไปใช้ต่อสู้กับพวกเผ่าเทพ และเผ่าปีศาจแบบสูสีอีกด้วย มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ
ในยุคก่อนที่ แฟนทอม จะเสนอแผนกองทัพธนูที่คิดค้นให้กับกองทัพเผ่ามนุษย์ ในช่วงสงครามก่อนหน้านั้น พลธนู 100 คน ของพวกฝ่ายศัตรูอย่างเผ่าเทพหรือเผ่าปีศาจ มนุษย์ต้องใช้พลธนูถึง 300 คน ถึงจะสามารถรับมือได้ ทว่า หลังจากระบบที่หมอนั่นเสนอออกมาโดนเอาไปใช้ อัตราส่วนก็อยู่ที่ 1:1 ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกในสงคราม แล้วเพราะผลงานขนาดนั้น ก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าหมอนั้นมีความสำคัญขนาดไหนกับสงครามที่กำลังจะมาถึง หึหึ!
ยืนมองสักพัก ไคเซอร์ จากทางด้านหลังของผมก็พูดขึ้น
“ท่านหมายถึงชายคนนั้นงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง!”
ไคเซอร์ เริ่มเพ่งสายตามองไปอีกครั้งเพื่อสำรวจชัดๆ แต่ใบหน้าที่หมอนั่นกำลังแสดงออกมา ก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่า ไคเซอร์ คงไม่เห็นความสามารถอะไรจากชายด้านหน้าเลย
“เจ้าคิดว่าหมอนั่นไม่มีวันเป็นแม่ทัพ หรือผู้บัญชาการได้สินะ”
“ครับ!”
“หึหึ! งั้นเจ้าลองบอกมาหน่อยว่าความหมายคำของคำว่า แม่ทัพและผู้บัญชาการของเจ้ามันมีอะไรอยู่บ้าง”
“นั่น…”
ไคเซอร์ ก้มหน้าลงไปคิดเล็กน้อย จากนั้นไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมา
“แข็งแกร่ง! ถ้าไม่แข็งแกร่งก็เข้าไปในสนามรบไม่ได้ เพราะคนระดับนั้นต้องคุมทหารและนำทหารเข้าสู้ กล้าหาญ! ถ้าใจเสาะต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็สู้กับพวกศัตรูที่ใจถึงไม่ได้ ….ข้าว่าต้องมีสองอย่างนี้ครับ แต่ว่า ชายคนนั้นอายุก็น่าจะมากกว่าท่านนับสิบปี ระดับพลังบ่มเพาะยังอยู่เพียง ราชาแท้จริง ขั้นที่ 1 – 3 แบบนั้นข้าไม่คิดว่าเหมาะกับตำแหน่งแม่ทัพ หรือผู้บัญชาการหรอก”
“หึหึ! ที่เจ้าพูดออกมามันก็ถูก แข็งแกร่ง! กล้าหาญ! แต่ว่า ถ้าแม่ทัพหรือผู้บัญชาการมีเพียงของแค่นั้นจะสามารถคุมกองทัพได้ไหม? จะสามารถวางแผนเอาชนะศัตรูได้ไหม? และที่สำคัญจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เสียเปรียบในสนามรบได้ไหม?”
แม่ทัพ! สิ่งนี้สำหรับคนธรรมดาอาจจะต้องเพียงสองอย่างก็จริง แต่ว่า แม่ทัพสำหรับผมนั่นมันต่างออกไป เพราะในยุคสงครามหายนะแห่งมวลมนุษย์ ถ้าคนไหนไม่มีความสามารถทั้งสี่เท่ากับที่ผมกำหนดเอาไว้ละก็ พวกนั้นก็จะไม่ได้เป็นแม่ทัพหรือผู้บัญชาการในสนามรบแน่นอน พวกลูกท่านหลานเธอก็เช่นกัน ถ้ารู้ว่าใครพยามใช้อำนาจเพื่อให้ได้ตำแหน่งขึ้นมา สิ่งที่รอพวกมันอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น
ส่วนความสามารถทั้งสี่ที่ผมกำหนดไว้ให้แม่ทัพ และผู้บัญชาการทุกคนในยุคสงครามหายนะแห่งมวลมนุษย์ต้องมี มันก็คือ….