การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 91 ไขข้อสงสัยก่อนเริ่มการประมูล
ตอนที่ 91 ไขข้อสงสัยก่อนเริ่มการประมูล
“เรื่องนั้น… ข้าคิดว่าเป็นเรื่องของลำดับชั้นคะ ขุนนางตั้งแต่ที่เกิดมาก็มีคนรับใช้แล้วบ่มเพาะได้ตั้งแต่ยังเด็กๆ แถมยังมีทรัพยากรจำนวนมากในการบ่มเพาะอีก ส่วนสามัญชน! ถ้าบ้านเป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยข้าคิดว่ามันก็พอมีโอกาสอยู่หรอก แต่ว่า พวกนั้นไม่มีทางเอาตัวเองมาต่อสู้ โดยมาสมัครเป็นทหารตระกูลของเราแน่นอน”
“อืม! พูดออกมาได้ดี แต่!! น้องไม่คิดหรือไงว่าปัญหามันอยู่ที่สองจุดเท่านั้น 1.เรื่องของเวลา 2.เรื่องของทรัพยากรในการบ่มเพาะ พี่เข้าใจถูกใช่ไหม”
นี่แหละความเหลื่อมล้ำของระบบชนชั้น ในอนาคตมันอาจจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่ว่า ในเมื่อเป็นโลกยุคกลางเช่นนี้ ระบบชนชั้นก็เป็นตัวกดคนจนให้จน คนรวยให้รวย การบ่มเพาะที่ผมกำลังพูดถึงกันอยู่ก็เหมือนกัน ขุนนางเกิดมาก็พร้อมทุกอย่าง โอสถ! คนรับใช้! อาหารการกิน! เพราะงั้นเหล่าขุนนางจึงบ่มเพาะได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร ส่วนสามัญชนก็ไม่ต้องไปพูดถึงให้เสียเวลา ถ้าคนคนนั้นไม่ได้เกิดในตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวย ก็แทบไม่ได้รับอะไรแบบขุนนางได้รับกันเลย
“ใช่คะ ถึงจะมีเพียงสองข้อแต่ก็มีช่องว่างใหญ่มากเกินไป ต่อให้ท่านพี่ทุ่มทรัพยากรขนาดไหนไปกับสามัญชนตอนนี้ก็เถอะ ถ้าเทียบกับทุ่มให้เหล่าขุนนางผลมันก็ต่างกันอยู่ดี ถ้าให้ข้าคิดง่ายๆ สามัญชนได้รับโอสถ 100 เม็ด พลังบ่มเพาะอาจเพิ่มจาร ระดับก่อเกิดลมปราณ อาจจะเป็น ระดับลมปราณแท้จริง”
“กลับกัน หากท่านพี่ให้โอสถ 100 เม็ด กับพวกขุนนางพลังบ่มเพาะจาก ระดับราชาแท้จริง อาจจะขึ้นเป็น ระดับจักรพรรดิ เนื่องจากว่าทั้งสองมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน เพราะงั้นการให้โอสถกับพะ-”
“ท่านกำลังเข้าใจผิดแล้วครับ ท่านอลิส!!”
ไคเซอร์ คงทนฟังไม่ไหวจนเริ่มพูดออกมา เรื่องที่ อลิส อธิบายออกมาถ้ามองในมุมปกติหรือมุมขุนนางมันก็ถูกต้องนั่นแหละ แต่ว่า หากได้สัมผัสกับพวกสามัญชนจริงๆ ความคิดของเธอต้องเปลี่ยนไปแน่นอน และจากที่ ไคเซอร์ ขัดออกมาแบบนั้น หมอนั่นเองก็คงเข้าใจเกี่ยวกับสามัญชนเหล่านั้นแล้วแน่ๆ
“เจ้าหมายความว่ายังไง ไคเซอร์ ข้าพูดอะไรผิด”
อลิส ขึ้นเสียงแบบไม่พอใจ
“การทุ่มเททรัพยากรก็ต้องทุ่มเทให้กับเหล่าอัศวิน หรือเหล่าทหารที่มีประโยชน์ หากไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากเอาโอสถไปผลาญเล่นหรอก”
“ระ-”
ผมใช้มือชูขึ้นเพื่อหยุด ไคเซอร์ เอาไว้ จากนั้นก็พูดออกไปเองว่า
“น้องคงยังไม่เข้าใจเพราะไม่รู้วิธีที่พี่ใช้ทดสอบพวกนั้น วิธีที่พี่ทดสอบให้คนเข้ามาเป็นทหารและอัศวินมีเพียงขึ้นตอนเดียว นั่นคือความเร็วในการบ่มเพาะ!”
“ยังไงคะ? ท่านกำลังจะบอกว่าคนเหล่านั้นมีความเร็วบ่มเพาะที่เร็วมากงั้นเหรอ???”
“หึหึ! พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคำว่าเร็วมากในหัวของน้องมันจะเป็นการข้ามระดับในวันเดียวหรือเปล่า แต่บอกเอาไว้ก่อนเลยว่าคนปกติทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ว่า สามัญชนเหล่านั้นมีความเร็วบ่มเพาะที่เร็วมากอย่างแน่นอน”
มาตรฐานของ อลิส มันอยู่สูงเกินไป ถึงจะเป็นคนที่บ่มเพาะเร็วมากก็ยังช้ามากๆ เมื่อเทียบกับเธออยู่ดี แต่! สามัญชนที่ได้รับติดยศอัศวินฝึกหัดแบบที่ ไคเซอร์ บอกออกมาเมื่อครู่ คนเหล่านั้นคือคนที่มีความเร็วบ่มเพราะประมาณยัยร่านกันทั้งนั้น และคนแบบยัยร่านที่เป็นชนชั้นสูงที่มีความเร็วบ่มเพาะจนเข้าสู้ ระดับราชาแท้จริง ก่อนอายุ 20 ปี มันก็มีเพียงยี่สิบคนทั่วทวีปนี้เท่านั้น
แล้วพวกสามัญชนที่ได้รับการทดสอบทั้งหมด ผมก็ใช่มาตรฐานแบบพวกนั้นในการทดสอบทั้งหมด และพวกที่โดน ไคเซอร์ ติดยศอัศวินให้ก็เป็นพวกที่มีความเร็วในการบ่มเพาะระดับยัยร่าน หรือบางทีอาจจะเหนือกว่าเลยด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้พลังบ่มเพาะของพวกนั้นจะยังไม่สูงมากก็ตาม แต่ถ้าผ่านบททดสอบที่ผมวางเอาไว้ได้เช่นนั้น คนเหล่านั้นก็คืออัจฉริยะอย่างแท้จริง
พูดง่ายๆ ในตอนนี้ทั่วทวีปรู้ว่ามีอัจฉริยะอยู่เพียง 20 คน กันเท่านั้น และอัจฉริยะเหล่านั้นก็โดนยกย่องว่าสุดยอดในด้านการบ่มเพาะพลัง ทว่า ตอนนี้ผมกลับมาอัจฉริยะแบบนั้นอยู่ในมือหลายร้อยคน หึหึ! ถ้าพวกนั้นได้รับทรัพยากรจำนวนมาก บวกเคล็ดวิชาต่างๆ ที่ผมมีติดตัวละก็…. ไม่อยากคิดเลยว่าพวกนั้นจะสร้างพายุลูกใหญ่ให้ทวีปแห่งนี้ขนาดไหน
แต่ถึงพูดไปตอนนี้ อลิส ก็คงยังไม่เข้าใจเรื่องนั้นอยู่ดี เพราะงั้นตัดจบไปก็ก่อนแล้วกัน ให้เธอไปเจอด้วยตัวเองดีกว่า ถ้าเห็นด้วยตัวเองเธอก็จะรู้เองนั่นแหละว่าพวกสามัญชนที่ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง กับพวกขุนนางที่เกิดมาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง จะแตกต่างกันขนาดไหน
คิดได้แบบนั้น ผมก็ชี้นิ้วไปที่เวทีประมูลด้านหน้า
“การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว เรื่องนี้เอาไว้คุยหลังน้องเดินทางไปที่เส้นทะเลลมปราณก็แล้วกัน ตอนนี้มาดูการประมูลกันก่อนดีกว่า”
“ชิ! ท่านพี่แค่ไม่อยากอธิบายอะไรที่มันปวดหัวใช่ไหมล่ะ”
ผมยิ้มให้กับเธอเป็นคำตอบ
“นั่นไงยิ้มแบบนั้นใช่เลย แต่ก็ช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้สนใจบัญชาการกองทัพพิเศษอะไรนั่นอยู่แล้ว”
“หึหึ! พี่จะรอฟังคำพูดนี้อีกครั้งก็แล้วกัน ตอนนี้สนใจการประมูลด้านหน้ากันก่อน”
“ค่า~”
อลิส ตอบเสียงลากยาวและหันไปที่เวทีประมูล
ส่วนผมหลังจากคุยกับ อลิส เรียบร้อย ผมก็มองไปยังเวทีประมูลด้านหน้าเช่นกัน คนที่กำลังยืนอยู่บนเวทีประมูลตอนนี้ก็เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกสะจาก ซาอุส เดอุส หมอนั่นกำลังอยู่ในชุดคลุมสีทองออกไปทางน้ำตาลหน่อยๆ ถึงสีน้ำตาลที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้ความสวยงามของชุดดูดรอปลงไปบ้าง ทว่า ถ้าเกิดไม่ทำแบบนั้น หมอนั่นก็จะมีความผิดโทษฐานแต่งตัวเรียนแบบองค์ จักรพรรดิ หรือ เรียนแบบราชวงศ์
ในจักรวรรดิแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนของกรมทั้ง 5 ก็ตาม คนเหล่านั้นก็ยังไม่มีใครกล้าสวมผ้าคลุมสีทองกันเลยสักคน 1.กรมทหาร ชุดคลุมสีแดง 2.กรมบริหาร ชุดคลุมสีน้ำเงิน 3. กรมครัวเรือน ชุดคลุมน้ำตาล 4.กรมยุติธรรม ชุดคลุมสีเทา 5. กรมพิธีการ ชุดคลุมสีเขียว ขนาดพวกนี้ยังไม่กล้าใช้กันเลย ไม่ต้องมาพูดถึงคนธรรมดา และพ่อค้าในจักรวรรดิกันหรอก
“เอาละครับ ข้าในฐานะตัวแทนของโรงประมูลวอเลียแห่งนี้ ต้องขอบคุณทุกท่านมากที่ตอบรับคำเชิญของข้า และเดินทางกันมาเข้าร่วมงานประมูลกันเช่นนี้”
ซาอุส ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย
“ถ้างั้นข้าจะมาอธิบายของที่ทางเราจะเอามาลงประมูลในวันนี้กันก่อน เนื่องจากว่า อาวุธจากแร่เหล็กสวรรค์ผลิตออกมายากกว่าอาวุธธรรมดาหลายเท่ายิ่งนัก ทำให้ท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ สามารถเอาพวกมันมาลงประมูลเพียง 3 ชิ้น ในงานประมูลครั้งนี้เท่านั้น!! และข้าต้องขอโทษทุกท่านจริงๆ ที่ไม่ได้มีใบสินค้าแจกให้ดู ก่อนที่งานประมูลเริ่มขึ้นเช่นนี้”
รอบนี้ ซาอุส ก้มหน้าลงมากกว่าเดิมนิดหน่อยเพื่อแสดงความจริงใจในการขอโทษ ส่วนใบสินค้าก็เป็นสิ่งที่ต้องมีไม่ว่าที่ไหนจะเริ่มการประมูล ใบแสดงสินค้า! ใบนั่น มันจะทำหน้าที่แนะนำสินค้าที่จะเอามาลงประมูลแต่ละครั้งว่ามีสินค้าชนิดใดบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนที่ประมูลสามารถเก็บเงินหรือไม่ไปสู้ราคากับคนอื่นๆ จนเกินตัว เพื่อรอของที่อยากได้ แต่ว่า ที่ใบสินค้าไม่มีแบบนั้นมันคือแผนของผมเองนั่นแหละ
อาวุธจากแร่เหล็กสวรรค์ ของพวกนี้ยังเป็นของใหม่ที่ใครๆ ต่างก็สนใจกันทั้งนั้น ต่อให้ไม่มีใบสินค้าให้ดูก่อนก็คงไม่มีใครไม่พอใจ แล้วเดินออกจากโรงประมูลไปหรอก หึหึ! นี่แหละที่เรียกว่าอำนาจทางการค้า ถ้าเรามีสิ่งหนึ่งที่คนอื่นๆ ต้องการมันมากๆ เราจะทำยังไงก็ได้เพราะยังไงสะ เราก็ขายมันได้อยู่ดี และการทำให้ลึกลับเช่นนี้ก็จะเป็นตัวกระตุ้นราคาของมันด้วยเช่นกัน
“ไม่ต้องขอโทษให้มันเสียเวลาหรอก รีบบอกรายการสินค้ามาได้แล้ว!!!”
“ใช่!!! ข้าเดินทางมาที่นี่ไม่ได้เดินทางมาเพื่อฟังเจ้าขอโทษ!!!”
“ข้าอยากเห็นแล้วว่าดาบเหล็กสวรรค์มันมีรูปร่างเป็นยังไง!!! เอาออกมาได้แล้ว!!!”
ผู้เข้าประมูลพากันตะโกนออกมาหลังจากที่ ซาอุส พูดจบ เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในโรงประมูลตอนนี้คงไม่ได้มาเพื่อซื้อมันหรอก แต่พวกนั้นมาเพื่อดูต่างหาก และการที่ ซาอุส มาพูดให้เสียเวลาแบบนี้ ก็คงทำให้พวกที่ใจร้อนอารมณ์เสียเป็นธรรมดา ทว่า ถึงจะโดนตะโกนใส่แบบนั้น ซาอุส กลับยิ้มบางๆ แล้วกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนที่จะมองไปทางด้านข้างเวที แล้วหยักหน้าขึ้นลงเพื่อเป็นสัญญาณ