การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 87 บทลงโทษจากตระกูล วอเตอร์
ตอนที่ 87 บทลงโทษจากตระกูล วอเตอร์
หลายวันต่อมา
ณ ลานกว้างของจักรวรรดิ
ใจกลางเมืองหลวงของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ลานกว้าง’ ที่ผู้คนรู้จักกันดี ลานกว้างแห่งนี้มันไม่ได้กว้างสมกับชื่อของมัน เพราะตรงบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยป้ายประกาศต่างๆ ทั่วเมืองหลวง ป้ายรับสมัครงาน! ป้ายรับสมัครทหาร! ป้ายแจ้งเปิดร้านและป้ายอื่นๆ อีกมากมาย พากันตั้งตระหง่านอยู่ตามจุดต่างๆ และในตอนนี้ บนแผ่นฝ้ายไม้หนึ่งแผ่นก็กำลังได้รับความสนใจอย่างจากผู้คนโดยรอบ
บนป้ายแผนนั้นมีอักษรเขียนเอาไว้ว่า [ โรงประมูลวอเลีย ] แถมบนป้ายนั้นยังมีตราขนาดใหญ่ของตระกูลแกรนด์ดยุกแห่งจักรวรรดิ ตระกูล วอเตอร์ ประทับเอาไว้อย่างชัดเจน เวลานี้ อะไรที่มีตระกูล วอเตอร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้คนจะให้ความสนใจกับมันกันในทันทีป้ายประกาศขนาดใหญ่ตอนนี้ก็เช่นกัน
“นี่มันตระกูล วอเตอร์ เอาอีกแล้วเหรอ ช่วงนี้ข้าตื่นนอนมาก็ได้ยินชื่อนี้ตลอด”
“ฮาฮา เจ้าไม่รู้อะไรสินะ เขาว่ากันว่าแกรนด์ดยุก วอเตอร์ หลังจากโดนองค์หญิง เนร่า หักอกก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย แถมยังสามารถสร้างตระกูลจากกำลังล่มสลายให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีก ได้ยินคนพูดกันมันก็เรื่องปกติอยู่แล้ว”
“ใช่! ถ้าได้ทำงานให้ตระกูล วอเตอร์ อนาคตของข้าต้องสดใสแน่นอน!!”
เสียงผู้คนที่กำลังพูดอยู่คือเหล่าคนที่กำลังยืนมองป้ายด้านหน้า ถึงชื่อเสียงของตระกูล วอเตอร์ จะไม่ค่อยดีมาเป็นเวลานานแต่ผู้คนก็สามารถลืมเรื่องพวกนั้นไปได้ทั้งหมด เมื่อมาเห็นตระกูล วอเตอร์ เวลานี้ และในระหว่างที่ผู้คนกำลังกล่าวชมตระกูล วอเตอร์ กันอยู่นั่น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“นี่ตระกูล วอเตอร์ กำลังจะก่อสงครามหรือยังไง???”
ทุกคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมองไปยังชายที่กล่าวออกมาทันที เมื่อทุกหันไปมอง ชายคนนั้นก็ชี้นิ้วไปด้านหน้าที่ช่วงล่างของป้ายประกาศ ตัวหนังสือเปิดร้านมีลักษณะใหญ่อย่างชัดเจนทุกคนเลยสามารถมองเห็นกันได้ทันที ทว่า จุดที่ชายคนนั้นกำลังชี้มันเป็นตัวหนังสือขนาดเล็ก เล็กสะจนถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเขียนอะไรเอาไว้
“ตระกูลห้ามเข้าโรงประมูล!!!”
เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น เขาตะโกนออกมาด้วยสีหน้าตกใจแบบสุดๆ
“อะไร!! แค่ตระกูลห้ามเข้าโรงประมูลมันก็ต้องมีอยู่แล้ว เจ้าจะตกใจอะไรขนาดนั้น”
มีคนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์เล็กน้อย
โรงประมูล! และ ตระกูลห้ามเข้าโรงประมูล! เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะโรงประมูลส่วนใหญ่ในจักรวรรดิหรือประเทศต่างๆ บนทวีป ส่วนมากมันก็เป็นของพวกขุนนางประเทศนั่นๆ แล้วถึงแม้ว่าขุนนางจะอยู่ประเทศเดียวกันก็ใช้ว่าจะถูกกันทุกคน เพราะแบบนั้น ตระกูลห้ามเข้าโรงประมูลถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคนบนโลกนี้ ทว่า ชายที่ตะโกนออกมาเมื่อครู่ก็ยังคงทำสีหน้าตกใจ แล้วชี้ไปยังชื่อตระกูลบนสุด
ทุกคนพากันหันไปทางมันทันที
…วูบ….
ใบหน้าของพวกที่ปกติเมื่อครู่อยู่ในอาการตกใจแทบจะพร้อมกับ
[ตระกูล เจสเปอร์] และ [ตระกูล ลาเชีย]
สองตระกูล แกรนด์ดยุก มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อนที่ตระกูล แกรนด์ดยุก แห่งจักรวรรดิ จะโดนสั่งห้ามเข้าโรงประมูลเช่นนี้ เรื่องนี้จึงสร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนโดยรอบเป็นอย่างมาก การที่ตระกูล วอเตอร์ เขียนอะไรแบบนี้ออกมาต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดในกลุ่มคนที่ยืนมองป้ายอยู่ตอนนี้ ก็ยังสามารถบอกได้ทันทีว่าสิ่งนี้ต้องกลายเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ทหารที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ก็สังเกตเห็นเรื่องนี้เช่นกัน
“เจ้า!!!”
“ครับท่านหัวหน้าทหาร”
“เอาข่าวเรื่องนี้ไปแจ้งที่พระราชวัง บอกให้พวกนั้นไปบอกองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้ทราบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
หัวหน้าทหาร สามารถเข้าใจถึงปัญหาที่จะตามมาหลังจากนี้ได้ทันที หัวหน้าทหาร คนนี้ทำงานเฝ้าลานกว้านมาแล้ว 30 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาได้ 3 ตระกูลแกรนด์ดยุก! ถ้าพวกนี้เกิดทำสงครามอาณาเขตกันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าสภาพจักรวรรดิมันจะเป็นยังไง เพราะงั้น เมื่อรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นคำสั่งแรกของเขาคือแจ้งเรื่องไปให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้ทราบโดยเร็วที่สุด
…….
ณ ห้องอาหารตระกูล วอเตอร์
งับ!
หลังจากจัดการเรื่องการฝึกตอนเช้าเรียบร้อย ผมก็มาร่วมโต๊ะทานอาหารกับ อลิส แบบที่ทำทุกวัน หลังจากเรื่องงานวันเกิดของเธอก็ผ่านมาหลายวันแล้ว และตอนนี้พลังบ่มเพาะของผมก็เข้าสู้ ระดับราชาแท้จริง ขั้นที่ 2 เรียบร้อย การพัฒนาเร็วแบบนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับระบบนั่นแหละที่ให้ โอสถกระดูกมังกร มาเป็นรางวัลในครั้งนี้ หึหึ!
แต่ว่า คงพูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าตัวเองมีความสามารถ เพราะในตอนนี้ อลิส ก็ทะลวงขั้นขึ้นมาอีกขั้นแล้ว ตั้งแต่งานวันเกิดของเธอผมก็เจอกับเธอแค่วันละครั้งเท่านั้นคือช่วงทานอาหารเช้าแบบนี้ นอกจากนั้นเหมือนว่าเธอจะใช้เวลาในการฝึกและดูดซับโอสถจำนวนมากที่ผมให้คนของตระกูล วอเตอร์ ไปกว้านซื้อมา
“ที่พี่ข้ามีเรื่องอยากถามอะไรท่าหน่อยคะ”
“ว่ามาได้เลย”
ผมว่าช้อนซ้อมลงเพื่อตั้งใจฟังคำถามของเธอ
“เรื่องดาบเหล็กสวรรค์ที่ท่านให้ข้าเป็นของขวัญวันเกิดนะคะ”
“หืม~ นี้น้องจะบอกว่าไม่พอใจดาบนั่นแล้วงั้นเหรอ ถ้างั้นครั้งหน้าน้องก็ออกแบบเองแล้วพะ-”
“ไม่ใช่แบบนั้นคะ เรื่องดาบที่ท่านมอบให้ข้าชอบมันมากๆ คงไม่มีทางเบื่อมันแน่นอน แต่ว่า ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่ท่านพูดเอาไว้ในงานวันเกิดของข้านะคะ …เกี่ยวกับเรื่องเอาไปใช้ในการต่อสู้จริง…”
เสียงช่วงท้ายของ อลิส ที่พูดออกมามันเป็นน้ำเสียงอ่อนๆ เหมือนกับว่าไม่อยากถามออกมา แต่เรื่องที่เธอถามมามันก็สมควรนั่นแหละเพราะในงานวันเกิดของเธอเกี่ยวกับการต่อสู้เอาไว้ด้วย เธอคงเก็บเอาไปคิดหลายวันแล้วนั่นแหละถึงได้ทนไม่ไหวแล้วถามออกมาแบบนี้ ส่วนเรื่องการต่อสู้จริงๆ ผมก็มีความคิดจะส่งให้เธอออกไปสู้เหมือนกัน ตามตรงก็อยากให้เธออยู่ในที่ปลอดภัยตลอดไปอยู่หรอก แต่ว่า เมื่อยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์เดินทางผมถึง คำว่าปลอดภัยมันก็จะไม่มีอีกต่อไป
“ก่อนเข้าเรื่องพี่อยากจะอธิบายอะไรให้น้องเข้าใจก่อน น้องจำวันที่พวกเราสองคนเสียท่านพ่อไปเพราะสงครามกับอาณาจักรได้ใช่ไหม”
“…ค่ะ”
อลิส เงียบไปสักพักก่อนจะตอบออกมา ก็เข้าใจความรู้สึกของเธออยู่ที่ตอบช้าเช่นนั้น เพราะหลังจากวันนั่นผมก็ทำตัวเละเทะมาตลอดจนถึงช่วงเวลาที่ย้อนอดีตกลับมา การมาพูดเอาป่านนี้เธอคงคิดว่าคงจะทำให้รู้สึกผิดเปล่าๆ แต่ว่า ที่ผมพูดออกไปมันไม่ใช่เพราะเหตุผลอะไรแบบนั้นหรอก
“ถ้างั้น ถ้าเกิดมันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับพี่อีกคนละ น้องจะทำยังไง”
“ท่านอย่าพูดอะไรบะ-”
“ใจเย็นก่อน! เรื่องนั้นพี่พูดในกรณีที่เป็นไปได้เท่านั้นไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ น้องคิดว่าตัวเองจะสามารถคุมคนรับใช้ได้ไหม! คุมทหารในกองทัพตระกูล วอเตอร์ ได้ไหม! ถึงตัวน้องจะมีพลังบ่มเพาะระดับสูงอยู่ก็ตาม แต่ว่า ใช่ว่าพลังจะสามารถกำหนดได้ทุกสิ่งเสมอไป เพราะงั้นเมื่อน้องมีโอกาสพี่ก็อยากให้น้องเข้าไปสัมผัสในสนามรบจริงๆ สักครั้งก็ยังดี”
อลิส ยังคงเงียบไม่พูดอะไรออกมา
“อย่างน้อยก็ให้มันเป็นช่วงที่พี่สามารถปกป้องน้องได้อยู่ ถ้าเกิดมันมีสงครามขึ้นมาจริงๆ แล้วพี่ไม่อยู่ขึ้นมาน้องก็จะสามารถเอาชีวิตรอดได้หากพี่ไม่อยู่ด้วย แต่ถึงแบบนั้น พี่ก็เคารพการตัดสินใจของน้องอยู่ดีเพราะยังไงสะ ชีวิตของตัวเองตัวเองก็ต้องเป็นคนเลือก”
พูดจบ ผมก็หยิบแก้วชาด้านข้างแล้วดื่มมันลงไป
อึก!
ถึงผมจะอยากให้อลิสคุ้นเคยกับการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เถอะ แต่ชีวิตของเธอตัวเธอก็ต้องเป็นคนเลือกเองอยู่ดี ถ้าเธออยากสู้ผมก็จะพาไป แต่ถ้าไม่ผมก็จะไม่บังคับ เพราะยังไงสะผมก็คงไม่ปล่อยให้เผ่าเทพหรือเผ่าปีศาจมาฆ่าเธอง่ายๆ กันหรอก
ไม่นานนักเสียง อลิส ก็ดังขึ้น
“ข้าจะไปกับท่านคะ”
หึหึ! คิดเอาไว้แล้วว่าต้องตอบอะไรแบบนี้ออกมา การได้เธอมาเป็นกำลังรบให้แบบนี้จะทำให้มนุษย์ได้เปรียบในการต่อสู้มหาศาลแน่นอน เมื่อเวลายุคหายนะแห่งมวลมนุษย์มาถึง อีกอย่าง เมื่อเอาเธอเข้ากองทัพเพื่อเรียนรู้การต่อสู้ผมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้ชายที่จะมาตามจีบเธอ ตามปกติในจักรวรรดิแห่งนี้ ผู้หญิงที่อายุครบ 20 ปี ก็จะแต่งงานกันทุกคนเพื่อรับบรรดาศักดิ์แบบที่ผมเคยบอกไป นอกสะจากว่าจะมีหน้าที่ผู้นำตระกูลรออยู่ อย่าง อิเลน่า กริฟฟอน
แต่ว่า ในกรณีที่เป็นทหารหรืออัศวินก็จะต่างออกไปนิดหน่อย ถ้าอยู่ในสถานะเช่นนั้นพวกตระกูลอื่นๆ ก็จะไม่มีใครสามารถพูดว่าร้ายอะไรออกมาได้ ว่าทำไมผมไม่ให้น้องสาวแต่งงานทั้งๆ ที่อายุครบ 20 ปี หึหึ! ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยชัดๆ …ส่วนเรื่องคู่ครองของ อลิส ก็ไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะเธอยังมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่รออยู่
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็หันไปทาง เซบาส ที่ยืนอยู่มุมห้อง แล้วพูดไปว่า
“สั่งให้ไคเซอร์และเหล่าอัศวินเตรียมตัวกันด้วย ข้าและอลิส จะไปที่โรงประมูล”
“ครับ”