การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 84 ก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ แห่งอาณาเขตทางใต้ของทวีป
ตอนที่ 84 ก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ แห่งอาณาเขตทางใต้ของทวีป
ณ ห้องรับแขกตระกูล วอเตอร์
เมื่อบอกอลิสไปได้ไม่นาน เธอก็ส่ง อิเลน่า กริฟฟอน มาหาผมที่ห้องรับแขกของตระกูลจนได้ ในห้องตอนนี้มีเพียงแค่พวกเราสองคนและด้านนอกก็ไม่มีใครตามมา ทำให้การคุยของผมกับเธอในครั้งนี้จะเป็นความลับอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้ อิเลน่ากำลังนั่งมองผมด้วยแววตาไม่พอใจหน่อยๆ แต่ถ้าคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในพระราชวังและเรื่องที่เกิดในงานวันนี้มันก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่พอใจ เพราะงั้นครั้งนี้ผมเลยเรียกเธอมาปรับความเข้าใจนิดหน่อยก่อนที่จะเริ่มเจรจากัน
“อันดับแรกข้าต้องขอโทษ เลดี้อิเลน่าจริงๆ ทั้งเรื่องพระราชวังและเรื่องในงานวันนี้”
ผมพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
อิเลน่า ส่ายหน้าไปมา
“เรื่องนั้นท่านอย่าได้คิดมาไปเลยท่านแกรนด์ดยุก ท่านใช้ประโยชน์จากข้าได้ทางตระกูล กริฟฟอน ในอนาคตก็คงต้องขอใช้ประโยชน์กับท่านเช่นกัน หวังว่าท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ จะไม่โทษข้าในเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้”
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าเป็นพวกที่ทดแทนบุญคุณอยู่แล้ว”
เรื่องที่เธอกำลังจะสื่อออกมาก็คือ ในอนาคตคงจะข้อความช่วยเหลือจากผม และเมื่อเวลานั้นมาถึงผมก็ต้องไปช่วยเท่านั้น เพราะถ้าไม่ช่วยก็หมายความว่าผิดคำพูดของตัวเอง อิเลน่า กริฟฟอน เธอคนนี้ชอบออกไปสนามรบแนวหน้าก็จริงแต่ความสามารถจริงๆ ของเธอมันไม่ใช่เรื่องการรบในแนวหน้าหรอก แต่เป็นการต่อสู้อยู่เบื้องหลังต่างหาก เช่น การเมือง การเจรจาและการขนส่งอาวุธกับอาหาร ตามจริงผมก็เคยบอกเธอไปแล้วว่าตัวเธอไม่เหมาะกับสนามรบแนวหน้าแล้วให้ทำงานแนวหลัง แต่ก็โดนสวนกลับทันทีว่า ‘ถ้าข้าไม่สู้แล้วใครในตระกูล กริฟฟอน จะสู้ละ!!!’ โดนพูดใส่แบบนั้นผมก็ไปไม่เป็นเลยจริงๆ
แกรนด์ดยุก กริฟฟอน มีลูกชาย 1 หญิง 1 และไอ้ลูกชายคนนั้นมันก็ไม่ได้เรื่องเหมือนกับผมสมัยก่อนนั่นแหละ… ไม่สิ! อาจจะพูดว่าเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำเพราะถึงแม้สงครามกับเผ่าเทพและเผ่าปีศาจมาถึง ไอ้เจ้านั่นมันก็ยังทำตัวไร้ประโยชน์อยู่ดี แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้ถ้ายังพูดอ้อมค้อมกับอิเลน่าไปมันก็เสียเวลาเปล่าๆ คนแบบเธอต้องพุ่งเข้าไปตรงๆ เท่านั้น
“ถ้างั้นข้าจะเข้าเรื่องที่เรียกเลดี้มะ-”
“ก่อนที่จะเริ่มพูดอะไรต่อท่านช่วยเรียกข้าแบบปกติได้ไหม ข้าไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนั้น”
น้ำเสียงที่พูดออกมาของอิเลน่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ตามปกติผู้หญิงที่อายุมากกว่า 16 ปี แล้วยังไม่แต่งงานมีบรรดาศักดิ์ก็จะโดนเรียกขึ้นต้นด้วย ‘เลดี้’ กันทั้งนั้น เพื่อให้เกียรติกับพวกเธอเวลาเดินทางไปงานหรือไปทำอะไร แต่ตอนนี้เธออายุยี่สิบกลางๆ เข้าไปแล้ว การพูดแบบนั้นคงทำร้ายจิตใจเธอไม่ใช่น้อย เหอๆ …ปกติอายุไม่เกิน 20 ปี ผู้หญิงก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจ …การที่ข้าเรียกเจ้ามาพบแบบนี้มันเป็นเรื่องของเหล่าประเทศทางใต้!!”
ใบหน้าสบายๆ ของอิเลน่าเมื่อครู่จริงจังขึ้นมาอย่างฉับพลัน บรรยากาศรอบตัวของเธอเองก็เช่นกันมันเปลี่ยนเป็นตึงเครียดในทันทีหลังผมพูดเป้าหมายของตัวเองออกไป เมื่อกี้ผมใช้คำว่า ‘เหล่าประเทศทางใต้’ แน่นอนว่าการพูดแบบนั้นไม่ได้หมายถึงจักรวรรดิ แต่กำลังหมายถึงเหล่าประเทศทางตอนใต้ที่กำลังเกิดปัญหาขึ้นอยู่ต่างหาก
ในตอนนี้ ขุนนางหลายยังรู้เพียงแค่ประเทศเหล่านี้เจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ทำให้การส่งออกอาหารมีปัญหา ถึงจะมีข่าวว่าอาจเกิดการทำสงครามขึ้นที่นั่นแต่ก็คงไม่มีใครสนใจมากนักหรอก
ทว่า สำหรับผมที่มาจากอนาคตแล้วนั้น ผมสามารถยืนยันได้แน่นอนว่ายังไงสงครามมันก็จะเกิดขึ้น และสงครามครั้งนั้นก็ดึงทั้งทวีปของมนุษย์เข้าสู้ไฟสงครามอย่างแท้จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังเอาไว้มากที่สุดเพราะถ้าผมสามารถยึดประเทศพวกนั้นได้ทั้งหมดก่อนที่ประเทศใหญ่ๆ อย่าง อาณาจักร ราชอาณาจักรหรือสหราชอาณาจักร เข้ามายุ่ง อนาคตที่มนุษย์ขาดแคลนอาหารในการต่อสู้กับเผ่าเทพและเผ่าปีศาจก็จะไม่เกิดขึ้น เพื่อเรื่องแบบนั้นผมต้องยึดประเทศทางใต้เหล่านั้นให้เร็วที่สุด
“ท่านกำลังจะพูดอะไร ท่านแกรนด์ดยุก!!”
“หึหึ! เจ้ามาถามอะไรข้าแบบนั้น สิ่งที่ข้าต้องพูดไม่ใช่ว่าเจ้ารู้อยู่แล้วหรือไง …ประเทศทางใต้!! ตอนนี้พวกนั้นกำลังเตรียมกำลังทหารเพื่อจะก่อสงคราม หรือยึดอำนาจกันแล้ว ข้าเชื่อว่าตระกูล กริฟฟอน น่าจะรู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดี ใช่ไหมล่ะ?”
“….”
อิเลน่าไม่ได้ตบอะไรออกมา เธอได้แต่มองผมด้วยดวงตาร้อนเหมือนไฟลุกในนั้น ถ้าตาของเธอจุดไฟได้ผมคงไหม้ไปแล้วแน่ๆ
“เจ้าไม่ตอบก็ไม่เป็นอะไรเพราะการเงียบก็คือคำตอบที่ดีอยู่แล้ว และที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ก็เพื่อจะมาบอกข้อเสนอที่ข้าจะเข้าช่วยเหลือเจ้าและตระกูล กริฟฟอน ต่างหาก”
“ช่วย?”
“ถูกต้อง! เจ้าเองก็น่าจะรู้ขีดจำกัดของตระกูลตัวเองดีไม่ใช่หรือไงว่าจะสามารถทำได้แค่ไหน กำลังทหารของตระกูล กริฟฟอน และขุนนางในอาณาเขตทางตอนใต้ของจักรวรรดิ รวมๆกันยังมีไม่ถึง 500,000 คน เลยด้วยซ้ำ เป็นแบบนั้นเมื่อเวลาแห่งการล่ามาถึงพวกเจ้าจะยึดพื้นที่ได้สักเท่าไหร่กันเชียว”
อิเลน่ายังคงไม่พูดอะไรออกมาเช่นเดิม ทว่า ใบหน้าของเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางที่ไม่ยอมฟังอะไรเมื่อครู่ก็เหมือนจะคุยอะไรง่ายขึ้น ส่วนเรื่องกำลังทหารที่มีไม่ถึง 500,000 คน มันก็เป็นเรื่องจริง อาณาเขตทางตอนใต้ของจักรวรรดิสงบสุขมาหลายสิบปี และที่ตรงนั้นก็ไม่มีประเทศแข็งแกร่งตั้งอยู่เลยสักประเทศ แถมยังเป็นทางผ่านของอาหารจำนวนมากจากเหล่าประเทศทางใต้ เข้าสู่ทุกประเทศทั่วทวีปของมนุษย์อีก และเพราะสงบสุขและเศรษฐกิจแบบนั้น มันเลยทำให้อาณาเขตตรงนั้นไม่มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งและอาวุธมากเท่าที่ควรนั่นเอง
500,000 คน ทหารจำนวนเท่านั้นมันเพียงพอต่อการปกป้องอาณาเขตอยู่แล้ว เพราะทหารเพียงเท่านั้นเหล่าประเทศทางใต้ก็ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามา ทว่า หลังจากนี้เรื่องแบบนั้นมันจะไม่มีอีกแล้ว เมื่อสงครามเกิดขึ้นอาณาเขตทางตอนใต้ของจักรวรรดินั่นแหละที่จะได้รับผลกระทบมากสุด
หลังผมพูดออกไปได้ไม่นาน อิเลน่าก็พูดขึ้น
“ที่ท่านพูดออกมามันก็ถูก! หลังจากการล่ายึดพื้นที่เริ่มขึ้นกำลังทหาร 500,000 คน ที่ตระกูล กริฟฟอน มีอำนาจสั่งการคงไม่เพียงพอแน่นอน เพราะประเทศทางตอนใต้มีหลายสิบประเทศและชนเผ่าเรร่อนจำนวนมากอาศัยอยู่ แต่!! ข้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมข้าต้องให้ท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ มาให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ ถ้าตระกูลของข้าต้องการกำลังทหารจริงๆ ปกติพวกข้าต้องไปขอให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ส่งกำลังทหารไปช่วยสิ”
ถูกต้อง! ปกติแล้วถ้าเกิดสงครามหรืออะไรที่ขุนนางปกครองพื้นที่ไม่สามารถจัดการ ได้เรื่องการขอกำลังเสริมจากราชวงศ์ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอันดับแรก แต่ว่า
“ที่เจ้าพูดออกมามันก็ถูกต้อง แต่เจ้าไม่คิดหรือไงว่าถ้าขอกำลังเสริมจากราชวงศ์ผลประโยชน์ที่ตระกูล กริฟฟอน สมควรจะได้รับ มันจะลดลงไปมากมายขนาดไหน เจ้าคงไม่คิดว่าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ จะส่งกำลังทหารจำนวนมากให้พวกเจ้าไปใช้กันฟรีๆ กันหรอกใช่ไหม”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่!”
อิเลน่า ฉีกยิ้มเล็กน้อย
“เพราะแบบนั้นข้าถึงได้ถามท่านแกรนด์ดยุกกลับไปยังไงละ ว่าทำไม! ตระกูล กริฟฟอน ต้องรับความช่วยเหลือจากท่านแทนที่จะเป็นองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ท่านเองก็คงไม่ให้กำลังทหารเพื่อมาให้ตระกูลของข้าใช้ฟรีๆ เหมือนกันหรอกใช่ไหม”
สิ่งที่เธอถามออกมามันเข้าประเด็นจริงๆ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ขุนนางต้องการหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เพราะงั้น เมื่อเริ่มการเจรจาอะไรเกิดขึ้นระหว่างขุนนางด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายต้องคิดผลประโยชน์ของอีกฝ่ายให้ได้สะก่อนถึงจะเริ่มการเจรจาได้ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ในตอนนี้ อิเลน่าได้เริ่มยอมรับในการเจรจากับผมแล้ว หึหึ! รู้แบบนั้นผมก็พูดออกต่อทันทีว่า
“อันดับแรกข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับตระกูล กริฟฟอน ไม่ขอส่วนแบ่ง! ไม่ใช้เสบียงอาหาร! ไม่ขอค่าส่งกำลังทหารไปช่วย! …สิ่งที่ข้าต้องการจากตระกูล กริฟฟอน มีเพียงให้เปิดทางเพื่อให้กองทัพของข้าโดนส่งลงไปที่ประเทศทางใต้เหล่านั้นก็พอ”
อิเลน่าส่ายหน้าไปมาทันที ด้วยใบหน้ายิ้มอ่อนๆ
“เพียงแค่นั้นมันไม่พอหรอกท่านแกรนด์ดยุก เรื่องเท่านั้นถ้าตระกูล กริฟฟอน เรียกร้องไปทางราชวงศ์หรือตระกูลแกรนด์ดยุกอีกสองตระกูล ข้าเชื่อว่าพวกนั้นต้องตอบตกลงกันแน่ แล้วก็คงพากันรีบส่งกำลังทหารจำนวนมากลงไปเพื่อขยายอำนาจ …ใช่ไหมล่ะ?”
โห่ว! ไม่คิดเลยว่าเธอจะปฏิเสธออกมาตรงๆ แบบนี้ แต่ว่า นี่แหละที่สมกับเป็น อิเลน่า กริฟฟอน ถ้ามันง่ายเกินไปก็คงไม่ใช่การเจรจาระหว่างตระกูลแกรนด์ดยุกกันหรอก หึหึ! ถึงตอนนี้เธอจะยังมีศักดิ์เป็นเพียงเลดี้แต่ในอนาคตเธอต้องได้ขึ้นเป็นผู้คุมตระกูล กริฟฟอน แน่นอน การที่เธอตอบกลับข้อเสนอของผมมาทันทีแบบนี้แปลว่าเธอต้องการอะไรจากผมนั่นเอง ซึ่ง!! เรื่องนั้นเองผมก็คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็อยากเสนออะไรให้ตระกูล กริฟฟอน สักอย่าง และอยากให้ทางตระกูลของเจ้าคิดว่ามันเป็นค่าผ่านทางตลอดไป ให้กับตระกูล วอเตอร์ ในการขยายอำนาจที่อาณาเขตทางใต้ด้วย”
“เชิญท่านแกรนด์ดยุกพูดออกมาได้เลย แต่ข้าหวังว่า! สิ่งที่ท่านจะเสนอมามันคงจะมีค่ามาพอต่อคำขอของท่านด้วยเช่นกัน”