King X King เมื่อได้เกิดเป็น องค์รัชทายาทลำดับสุดท้าย ตอนที่ 255 ของที่ให้เตรียมเอาไว้
ตอนที่ 255 ของที่ให้เตรียมเอาไว้
“ท่านพ่อนี่มันหมายความว่ายังไงครับ!!!”
เสียงเทนีสันตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่ดังลั่น
จากนั้น
“ใช่แล้วครับท่านพ่อ เรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้วทำไมถึงได้เอาพวกทหารองครักษ์ที่ทำหน้าที่ไม่ดีเข้ามาอีก พวกมันสมควรโดนประหารไปแล้วตั้งแต่วันนนั้น”
เวนเดฟินก็เสริมด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“หยุดพูดได้แล้ว!!!”
น้ำเสียงที่ตะโกนออกมาของดิวนีสันต์ทำให้ทั้งสองคนต่างเงียบแล้วก้มหน้าลง ในใจของเจ้าสองหมายเลขตอนนี้คงกำลังเป็นกังวลสุดๆ ไม่ผิดแน่
ระหว่างที่ผมกำลังสะใจกับท่าทางที่ได้ยินของเจ้าสองคนนั้นอยู่ เสียงของดิวนีสันต์ก็ดังขึ้นมา
“แล้วเจ้าจะคุกเข่าอีกนานไหม?”
เฮ้อ~
ถึงเวลาของข้าแล้วสินะ
เมื่อคิดได้ผมก็ลุงยืนขึ้นแล้วมองไปยังพวกทหารที่พาผมเข้ามาในห้อง ก่อนจะพูดออกไป
“พวกเจ้ามาทำหน้าที่ด้วย เอาตัวองค์ชายทั้งสองที่ต้องสงสัยว่าสังหารทั้งพี่ซิคฟรีสและใส่ร้ายข้าไปคุกเข่าต่อหน้าราชาสะ”
หลังพูดจบพวกทหารต่างก็มองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาหรือเริ่มเคลื่อนไหวอะไร
จนกระทั่ง
“ไม่ได้ยินคำสั่งขององค์ชายหรือไง ห่ะ!!!”
ดิวนีสันต์ตะโกนใส่พวกทหารที่ผมได้พูดไปเมื่อครู่ จากนั้นพวกทหารก็ไม่รอช้าต่างก็รีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าพวกมายเลขทั้งสองคนและประกบตัวเอาไว้
เห็นแบบนั้นผมก็พูดออกไปอีก
“ใส่กุญแจมือด้วย”
“แต่ว่า…”
ทหาตอบผมดด้วยเสียงอ่อนๆ
แล้ว
“ทำตามที่หมอนั่นบอกสะ”
ดิวนีสันต์เสริมขึ้นมาอีกครั้ง ทหารที่ได้ยินก็ทำตามแบบไม่ได้พูดอะไรอีกส่วนเจ้าหมายเลขทั้งสองต่างก็โดนบังคับใส่กุญแจมือแล้วไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าของผมแทน
สลับตำแหน่งกันแล้ว หึ!
แต่ว่าถึงแม้เวลานี้สถานการณ์จะเอนเอียงมาทางผมแล้วก็ตาม พวกมันทั้งสองคนกลับไปไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้านหรือกังวลอะไรมากกว่าเมื่อกี้เลยสักนิด แถมเจ้าหมายเลขสี่เหมือนกับว่ากำลังยิ้มออกมาด้วย
ถ้าให้เดาตอนนี้มันก็คงยังคิดว่าเรื่องทั้งหมดยังอยู่ในหารควบคุมของมันอยู่แน่ เพราะงั้นเลยแสดงท่าทางออกมาแบบนั้น
ระหว่างที่ผมกำลังมองหน้าหมายเลขสี่แล้วกำลังคิดถึงเรื่องสนุกว่าถ้ามันได้เจอเรื่องต่อจากนี้แล้วจะเป็นยังไงเสียงทารอนด้านข้างก็ดังขึ้น
“องค์ชายให้ข้าไปเอาสิ่งนั้นมาเลยไหม?”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
หลังตอบไปทารอนเสร็จผมก็หันไปพูดกับดิวนีสันต์ที่นั่งด้านหลังต่อ
“องค์ราชาก่อนจะเริ่มข้าขอถามอะไรก่อนได้ไหม”
“ได้! ว่ามา”
หลังได้รับคำตอบผมก็ชี้นิ้วไปยังพวกทหารทั้ง 20 คน ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของเจ้าหมายเลขทั้งสองก่อนจะถามออกไป
“ทหารพวกนั้นทำความผิดอย่างเรื่องปล่อยให้ท่านพี่โดนสังหาร แถมยังหนีกลับมาโดยใช้ข้ออ้างว่าปกป้ององค์ชายที่ตัวเองไม่ได้รับหน้าที่แบบนั้นพวกมันต้องได้รับโทษแบบไหน”
“เรื่องนั้นข้ากำลังตัดสินอยู่เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นแบบที่เจ้าพูดแต่ทหารเหล่านั้นก็ยังปกป้องรัชทายาทลำดับที่ 4 กลับมาได้ แถมทหารพวกนั้นต่างก็มาจากตระกูลอัศวินที่รับใช้ราชวงศ์มานานคงจะประหารทิ้งไม่ได้กับความผิดแค่หนีมา ถ้าอย่างมากก็น่าจะส่งไปชายแดนหรือไม่ก็ถอดยศเท่านั้น”
ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้
คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้ทารอนเตรียมสิ่งนั้นเอาไว้ให้ เพราะถ้าถามแบบปกติหลังจากที่พวกทหารได้ยินสิ่งที่ดิวนีสันต์พูดพวกนั้นต้องไม่ตอบอะไรกันแน่
“ถ้างั้นถ้าร่วมเรื่องพูดโกหกเกี่ยวกับการตายไปด้วยละครับ”
“แน่นอน! ถ้าพูดเรื่องโกหกตระกูลของพวกมันทั้งหมดก็ต้องรับผิดชอบต่อความผิดครั้งนี้ไปด้วย”
“ครับ ถ้างั้นข้อขอทำตามสอบสวนด้วยตัวเองเลยนะ”
“ได้!”
เมื่อผมคุยกับดิวนีสันต์จบผมก็หันกลับไปหาทารอนด้านข้างต่อ
“ท่านลุงถึงเวลาแล้วครับ”
“อ่า”
แปล๊ก!
หลังจากทารอนพูดกับผมจบก็เริ่มดีดนิ้วหนึ่งครั้ง จากนั้นประตูทางเข้าของห้องโถงก็เปิดออกแล้วมีจอมเวทย์ที่สวมผ้าคลุมสีขาวเดินเข้ามาจำนวนเท่ากับพวกทหารทั้งยี่สิบคนที่นั่งคุกเข่าอยู่
สำหรับจอมเวทย์ที่สวมผ้าคลุมสีขาวจะถูกเรียกว่าจอมเวทย์แห่งการรักษา ยิ่งเป็นจอมเวทย์ที่อยู่ในพระราชวังด้วยแล้วก็ไม่ต้องสงสัยในความสามารถเลย
“-ท่านดรารอน์จะทำอะไรเอาจอมเวทย์รักษาเข้ามาทำไม???”
“-นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก ไม่ใช่ว่าคนที่ต้องโดนสอบส่วนมันองค์ชายเหรอ???”
“-เรื่องแบบนี้มันอะไรกัน
พวกขุนนางต่างพากันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย
และ
“-นั้นมันเครื่องมือทรมาน!!!”
ก็ได้มีขุนนางหนึ่งคนตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังลั่น จากนั้นทุกสายตาในห้องต่างก็มองไปที่เครื่องมือเหล่านั้นที่โดนทหารเข็นเข้ามาตามหลังจอมเวทย์เป็นสายตาเดียวกัน ยกเว้น ทารอนและดิวนีสันต์ที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนพวกเครื่องมือทรมานแล้วก็จอมเวทย์รักษาที่เดินเข้ามาตอนนี้ก็คือของที่ผมขอทารอนก่อนหน้านี่นั่นเอง
ได้เวลาเริ่มการสอบสวนแล้ว!