Chapter 22 – ฉากบนเตียง (1) Re-edit
"คัท" ผู้กำกับปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ดีมาก! จบไปอีกหนึ่งฉาก”
เฉียวโม่หยูถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอผละตัวออกจากเย่เป่ยเฉิง ชายหนุ่มรู้สึกเคอะเขินครั้งแรก เมื่อเธอรู้สึกสงบลง เฉียวโม่หยูเงยหน้ามองเย่เป่ยเฉิงผู้ที่กลับมาสู่ภาวะปกติแล้วกระซิบว่า
"ขอบคุณนะคะ คุณเย่"
ดวงตาของหญิงสาวแจ่มใสเหมือนสัตว์ตัวน้อยน่ารัก เย่เป่ยเฉิงมองเธออย่างเฉยเมยตามปกติของเขา
"ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ ผมแค่อยากทำงานให้เสร็จเร็วที่สุด"
เฉียวไม่หยูไม่สนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งด้วยใจจริง ทั้งยังยิ้มให้ก่อนเดินจากไปหาผู้ช่วยของเธอเสี่ยวซู
ตามบทละคร เหลือฉากอีกนิดหน่อยที่เธอต้องแสดงร่วมกับเย่เป่ยเฉิง ก่อนที่ตัวละครหญิงลำดับสามจะตาย ฉากบนเตียงก็เป็นส่วนหนึ่งของบทละคร
เนื้อเรื่องของฉากที่เธอต้องแสดงประมาณว่า ไม่เพียงแต่พ่อของเธอจะถูกฆ่า แม่ของเธอยังเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ตอนนี้เธอกำพร้าอย่างแท้จริง เย่เป่ยเฉิงเห็นเธอร้องไห้เงียบๆในป่า เขาปลอบใจเธอและบอกว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่เธอยังมีเขาอยู่ทั้งคน
ทั้งคู่เปิดใจให้กัน จากนั้นเย่เป่ยเฉิงพาเธอกลับบ้าน คนทั้งคู่ต่างตกเป็นของกันและกันและกลายเป็นสามีภรรยา จากจุดนี้ ตัวละครหลักชายไม่มีความทรงจำว่าผู้หญิงที่เขารักตายอย่างไร เพราะเมื่อเย่เป่ยเฉิงเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อของขวัญมาให้พ่อแม่เขา เขาพบกับศัตรูเข้าโดยบังเอิญ ชายหนุ่มบาดเจ็บขณะพยายามหนีจากการตามล่า
เวลาต่อมาภรรยาของเขาออกตามหาเขาไปทุกที่ แต่ช่างโชคร้ายเธอถูกฆ่าระหว่างทางขณะออกตามหาเขา เมื่อเขากลับมายังบ้าน เธอก็ได้จากเขาไปเสียแล้ว
ฉากที่เฉียวโม่หยูร้องไห้ในป่าถูกถ่ายตอนกลางวัน ถึงแม้มันจะยากที่เธอต้องแกล้งร้องไห้ แต่มันง่ายตรงที่ฉากนี้ถ่ายให้เห็นเพียงด้านหลังว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่
ฉากบนเตียงระหว่างเธอกับเย่เป่ยเฉิงจะถ่ายทำในช่วงเย็น ดังนั้นทีมงานจึงยกกองไปถ่ายอีกฉากหนึ่งก่อนในเมืองจำลองการถ่ายหนังและละคร
(เมืองจำลองถ่ายหนังและละครเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ที่เอาไว้ถ่ายทำหนังและละครโทรทัศน์ ในจีนมีฉากหลายฉากที่เอาไว้ถ่ายทำละครโบราณ)
ในตอนเย็นเมื่อเฉียวโม่หยูออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอพบว่าทุกคนได้หายไปแล้ว ตัวเธอก็ดันฝากโทรศัพท์ไว้กับเสี่ยวซู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แจ้งทีมงานว่าเธอยังอยู่ที่นี่
ในเมืองจำลองแห่งนี้ ฉากที่เธอต้องถ่ายทำอยู่ห่างจากจุดที่เธออยู่ประมาณ 3-4 กิโลเมตร หากเธอจะเดินไปยังจุดนัดพบต้องใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที
ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ก็ใกล้มืดแล้ว เฉียวโม่หยูไม่มีทางเลือกจำต้องเดินตามป้ายบอกทางไป เดินไปไม่กี่ก้าว ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ทำเธอเปียกไปทั้งตัว
อีกด้านหนึ่งของข้างทางคือป่าไผ่ ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีกระท่อมไม้โบราณ ในวันที่พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงเช่นนี้คงไม่มีใครมาสนใจว่ามีบรรยากาศที่มืดมนลอยอบอวลอยู่ในสถานที่แห่งนี้
ไม่ไกลนัก ชิงหว่านชวงมองฝ่าสายฝนออกไป มุมปากเธอยกขึ้นยิ้มและสั่งคนขับรถว่า
"ไปได้"
เธอเป็นคนบอกเสียวซู่เองว่าเฉียวโม่หยูจะติดรถตากล้องไปยังจุดนับพบ ยัยผู้ช่วยหน้าโง่ก็เชื่อเธอสนิทใจ ทิ้งนักแสดงของตัวเองไว้โดยไม่เฉลียวใจสักนิด รถของชิงหว่านชวงหายลับไปท่ามกลางสายฝน ขณะนี้เฉียวโม่หยูกำลังคิดถึงสิ่งที่เธอเคยเรียนมาในโรงเรียน เมื่อฝนตกไม่ควรอยู่ในที่แจ้งควรหาที่หลบฝน ทำไมเธอต้องพาตัวเองมาลำบากด้วยนะ
หลังจากครุ่นคิดสักครู่ เธอรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเดินฝ่าสายฝนออกไป ถึงอย่างไรเธอก็ไปสายอยู่ดี รออยู่ที่นี่จนกว่าทุกคนจะรับรู้ว่าเธอหายไปล่ะกัน พวกเขาคงส่งใครสักคนมารับเธอ
เฉียวโม่หยูจึงเดินเข้าไปในกระท่อมไม้