บทที่ 319 ดูเหมือนจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง (ฟรี)
เธอไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน แต่เธอรู้แค่ว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงมาก❓ อีกทั้งหูของเธอก็ร้อนแผ่ว
ก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกว่าความโง่เขลาของซูเชิ่งจิ่งไม่มีรูปร่าง และเป็นเหมือนพวกอันธพาลตัวน้อย ดังนั้น เธอจึงปฏิเสธการไล่ตามเขาเสมอ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
แต่ไม่นานเท่าไร ซูเชิ่งจิ่งก็ออกจากโรงเรียน และได้ยินมาว่ามีคนต้องการพาเขาไปเป็นดารา
และเธอก็เห็นด้วยนิดหน่อย
หลังจากนั้น เธอก็ไม่เคยเห็นซูเชิ่งจิ่งอีกเลยในโรงเรียน และเขาก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในฐานะหนุ่มหล่อที่สุดในโรงเรียนแห่งชาติ และหลังจากที่เธอเรียนจบมัธยมปลายแล้ว เธอก็ไปเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยสาขาภาพยนตร์ที่เธอชอบ และเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
เธอไม่สามาถบอกได้ว่านั่นเป็นความฝันของตัวเอง หรือความจริงแล้วเธอกำลังไล่ตามเขาอยู่กันแน่
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม นั่นคือทั้งหมดในอดีต
และตอนนี้เธอและเขาก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ซูเชิ่งจิ่งเหลือบมองไปที่เธอแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะ มีแฟนหรือยัง❓”
อันย่วนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้จัดการของฉันเตือนฉันไม่น้อยกว่าสิบครั้งต่อวัน โดยบอกว่าฉันไม่สามารถคิดถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ จนกว่าฉันจะมีอายุสามสิบ และให้ฉันมีสมาธิกับงานของตัวเองเท่านั้น”
“ผู้จัดการของคุณไร้ความปรานีเหลือเกิน”
เมื่อซูเชิ่งจิ่งพูดจบ หานเจียนีก็ปรากฏตัวขึ้น และเธอก็ได้ยินคําพูดของซูเชิ่งจิ่งเข้าพอดี เธอจึงพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ตกหลุมรักใครก่อนอายุสามสิบ และต้องมีสมาธิในการทํางานเท่านั้น”
ซูเชิ่งจิ่ง "......"
โลกใบเดียวกัน ผู้จัดการก็ยังเป็นคนประเภทเดียวกัน
เมื่อเห็นท่าทางของซูเชิ่งจิ่งที่แสดงออกมา อันย่วนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เมื่อซูเชิ่งจิ่งได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตกอยู่ในภวังค์อยู่สองสามวินาที
ขนาดเธอหัวเราะก็ยังดูดี และดูเหมือนว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันทีอีกด้วย เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เธอได้จางหายไปจากความเป็นเด็ก และกลายเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ และมีความงามอันน่าตื่นตา
เมื่อตระหนักว่าตัวเองคิดเรื่องนี้มากเกินไป เขาจึงรีบมองออกไปทางอื่น และแสร้งทําเป็นดื่มน้ำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
…
ตอนนี้ซูจิ่วกำลังซื้อของกับเชิ่งเทียนสื่อในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เด็กหญิงตัวน้อยหยิบอาหารและเครื่องดื่มจํานวนมากลงในรถเข็น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อพ่อของเธอ และนั่นก็ทำให้เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
พอได้แล้ว❗️ แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งอยู่ในรถเข็นที่เด็กหญิงตัวน้อยซื้อให้เขาล่ะก็ เขาก็จะไม่รู้สึกอิจฉามากขนาดนี้❗️
แต่ในใจของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้มีแต่พ่อของเธอเท่านั้น และดูเหมือนว่าเธอจะรักพ่อมากกว่าตัวเองซะอีก เพราะเธอไม่ได้ซื้ออะไรให้กับตัวเองเลย
เชิ่งเทียนสื่อจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนว่า “เสี่ยวจิ่ว หนูซื้อของเพียงพอแล้วสำหรับป๊ะป๋า แล้วหนูไม่คิดถึงตัวเองบ้างเหรอ❓”
ในขณะที่พูด เขาก็เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาบนชั้นที่อยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วพูดว่า “ดูนี่สิ หนูชอบตัวนี้ไหม ถ้าชอบลุงจะซื้อให้เอง❓”
ซูจิ่ว "......"
จะขอบคุณมาก ถ้าเขาไม่ซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ ❗️
“ลุง หนูไม่ชอบตุ๊กตาแบบนี้ มันน่ากลัว”
กลัว❓
เชิ่งเทียนสื่อมองไปที่ตุ๊กตาในมือของตัวเอง และเขาก็เห็นว่าตุ๊กตาตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก และมันก็เหมือนทารกตัวเล็กๆคนหนึ่ง ซึ่งดวงตาคู่นั้นก็ดูเหมือนจะจ้องมองมาที่เขาอยู่ตลอดเวลา และหลังจากจ้องมันเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกว่าตุ๊กตาตัวนี้น่ากลัวจริงอย่างที่เด็กหญิงตัวน้อยพูด ดังนั้น เขาจึงรีบนํามันกลับไปวางไว้ที่เดิม
เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงตัวน้อยสนใจตุ๊กตาขนปุยมากกว่า เมื่อเห็นเธอเอื้อมมือออกไปหยิบสุนัขสีขาวตัวนั้นขึ้นมา แล้วเธอก็อดคิดไม่ได้ว่านี่ช่างเหมือนกับเสวี่ยฉิวมาก แต่เธอก็ไม่ได้ซื้อมันกลับมา และเมื่อดูจนพอใจแล้วซูจิ่วก็วางตุ๊กตากลับไปที่เดิม จากนั้น เธอก็มองหาสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวันของผู้เป็นพ่อต่อไป
หลังจากชำระเงินที่แคชเชียร์แล้ว เชิ่งเทียนสื่อและซูจิ่วก็กําลังจะออกไปพร้อมกับถุงใบใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็ได้เสียงของแคชเชียร์ตะโกนมาจากด้านหลังว่า “เด็กน้อยเดี๋ยวก่อน หนูยังมีของอีกอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้เอาไป”
หือ❓
ซูจิ่วหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
บทที่ 320 รักแท้อย่างแน่นอน❗️
แคชเชียร์ยื่นตุ๊กตาสุนัขสีขาวให้กับเธอและพูดว่า “หนูลืมเจ้าสิ่งนี้ไว้”
ซูจิ่วมีสีหน้าที่มึนงงมาก “หนูไม่ได้ซื้อตุ๊กตาตัวนี้”
เห็นได้ชัดว่ามีคนเอามันกลับมา❗️
“มีคนซื้อให้หนู แล้วเขาก็จ่ายเงินแล้วด้วย”
ซูจิ่วรีบมองไปรอบๆทันที และก็ไม่เห็นว่ามีใครที่เธอรู้จักเลยสักคน แล้วใครกันแน่ที่เป็นคนซื้อตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอ❓
ถ้าให้พูดตามหลักและเหตุผลแล้ว ตอนนี้เธอกำลังปิดหน้าด้วยหน้ากากและสวมหมวกอยู่ แล้วยังจะมีใครจำเธอได้อีกเหรอ❓
หรือนี่จะเป็นรักแท้อย่างแน่นอน❗️
แคชเชียร์ยื่นตุ๊กตาให้กับซูจิ่ว จากนั้น เชิ่งเทียนสื่อก็ถามขึ้นว่า “ขอโทษนะครับ ใครเป็นคนจ่ายเงินค่าตุ๊กตาตัวนี้ แล้วคุณจำเขาได้ไหม❓”
แคชเชียร์ส่ายหน้า “ฉันรู้แค่ว่าเขาเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ และเด็กคนนั้นก็สวมหน้ากากเหมือนกับพวกคุณเลย จึงทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเด็กคนนั้นได้อย่างชัดเจน ว่าแต่…พวกคุณไม่ใช่ดาราใช่ไหม❓ แล้วทําไมต้องสวมหน้ากากแบบนั้นด้วยล่ะ และดูเหมือนว่าฉันจะค่อนข้างคุ้นเคยอยู่นะ…ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นพวกคุณจากที่ไหนสักแห่ง❓”
เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วมาก
ผู้หญิงคนนี้เคยดูรายการ《ป๊ะป๋า เราไปกันเล้ย》อย่างนั้นเหรอ❓
มีความเป็นไปได้อย่างสูง
ไม่สิ มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ และมันคงจะลําบากถ้าหากพวกเขาจดจำขึ้นมาได้ ซึ่งมันไม่สำคัญสำหรับเขาแม้แต่น้อย แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวจิ่วขึ้นมาจะทํายังไง❓
## เสี่ยวจิ่วมาแล้ว รับรองสนุกไม่แพ้พี่สาวอีหลิง
เด็กหญิงตัวน้อยมีแฟนคลับมากมาย และคงจะไม่ดีถ้าเกิดมีคนหุนหันพลันแล่นเข้ามารุมทำร้ายเธอเข้า ดังนั้น เชิ่งเทียนสื่อจึงหัวเราะแห้งๆแล้วตอบกลับว่า “คุณล้อผมเล่นแล้ว ถ้าพวกผมเป็นดาราจริง ผมคงจะไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตที่อื่นแล้ว❓”
แคชเชียร์ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก และหันหลับไปทำงานของตัวเองต่อไป
เมื่อเห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากกำลังมองมาที่เขา ดวงตาของเชิ่งเทียนสื่อก็ดูซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้น เขาก็รีบอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขน และรีบก้าวเท้าออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตในทันที เพราะเขากลัวว่าจะถูกผู้คนจดจำได้
เมื่อกลับมาที่กองถ่ายแล้ว เชิ่งเทียนสื่อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้น เขาก็วางเด็กหญิงตัวน้อยลงบนพื้น และถ้าหากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงจะไม่สัญญากับซูเชิ่งจิ่งว่าจะไปออกรายการ "ป๊ะป๋า เราไปกันเล้ย" หรอก ดังนั้น เขาจึงต้องปกปิดตัวตนทุกครั้ง เมื่อเขาออกไปข้างนอก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีแฟนคลับเป็นของตัวเองแล้ว และทุกวันในเวยป่อของเขาจะมีคนผู้คนมาเรียกเขาว่าพี่ชาย และยังบอกเขาอีกว่าเธออยากจะให้กำเนิดลิงแก่เขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของเขานั้นยังคงยอดเยี่ยมมาก❗️
ซูจิ่วกำลังอุ้มตุ๊กตาสุนัขแสนนุ่มของตัวเองอยู่ และเธอก็เดินตามเชิ่งเทียนสื่อเข้าไปในกองถ่าย ทันใดนั้น ก็มีคนมาดึงผมของเธอจากทางด้านหลัง❗️
เดิมทีเด็กชายตัวน้อยแค่อยากจะหยอกล้อเธอ แต่เขาไม่คิดว่าจะไม่สามารถควบคุมแรงของตัวเองได้ แค่ออกแรงดึงนิดหน่อย ผมของเธอก็หลุดกระจัดกระจายทันที
ซูจิ่วหันกลับไปมองทันที และเมื่อเห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งของหานซือเหย่ เธอก็เปิดปากพูดออกมาอย่างโกรธจัดว่า “นี่นายอีกแล้วเหรอ❓”
หานซือเหย่มองไปที่เส้นผมที่กระจัดกระจายของคนตรงหน้า และเขาก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็แกล้งทําเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จากนั้น หานซือเหย่ก็เอามือทั้งสองข้างไขว้ไปด้านหลังของตัวเอง และพูดขึ้นว่า “ฉันเอง แล้วเธอชอบของเล่นนั่นไหม❓”
ซูจิ่วมองตุ๊กตาที่อยู่ในมือของตัวเอง ถ้าอย่างนั้น เขาก็เป็นคนซื้อมันมาให้เธองั้นเหรอ❓
เด็กหญิงตัวน้อยไม่มีคำตอบ เธอเอาแต่จ้องเขม็งไปที่หานซือเหย่อย่างโกรธเคือง “นายทําผมของฉันยุ่ง❗️”
น้ำเสียงของหานซือเหย่ดูเคอะเขิน “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็จงใจ❗️ เพราะนายชอบดึงผมของฉันทุกครั้ง❗️” เด็กหญิงตัวน้อยยกมือข้างหนึ่งขึ้น เพื่อรวบผมของตัวเองในระหว่างที่บ่นอีกฝ่าย
เชิ่งเทียนสื่อรู้จักหานซือเหย่ในรายการ และดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นลูกชายของราชาภาพยนตร์หานเซียว อีกทั้งเขาก็เคยเห็นอีกฝ่ายในเชิ่งซื่อเอ็นเตอร์เทนเมนท์มาเมื่อไม่นานมานี้ และในตอนนั้น ก็เป็นเจ้าเด็กคนนี้ที่เป็นคนทําผมของเสี่ยวจิ่วยุ่ง
เจ้าเด็กคนนี้ ก็เหมือนกับเด็กผู้ชายไร้เดียงสาที่ชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก็ขี้อายเกินไปที่จะพูดแบบนั้นออกมา ดังนั้น พวกเขาจึงรังแกเด็กผู้หญิงที่ชอบ เพื่อให้ตัวเองได้รับความสนใจจากอีกฝ่ายก็เท่านั้น
เชิ่งเทียนสื่อรู้สึกแย่ที่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยถูกรังแก และเขาก็มองไปที่หานซือเหย่อย่างขุ่นเคืองพร้อมกับพูดว่า “ใช่ เธอเป็นผู้ชายก็ควรจะต้องรักและดูแลผู้หญิงสิถึงจะถูก แล้วทำไมถึงได้รังแกเสี่ยวจิ่วแบบนั้นล่ะ❓ และนั่นก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับผู้ชายอย่างเรามาก❓ แล้วเธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยงั้นเหรอ❗️”