ตอนที่แล้วบทที่ 137 จุดเริ่มต้นแห่งหายนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 139 หายนะสีดำ 1

บทที่ 138 จุดเริ่มต้นแห่งหายนะ 2


กำลังโหลดไฟล์

เหอตงหลิวก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านข้างร่างกายส่วนบนของหวินซิว จากนั้นมันกางมือออกเหนือร่างพร้อมกับไอความร้อนที่ถูกส่งออกจากฝ่ามือพัดผ่านร่างที่ไร้วิญญาณของหวินซิวจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

เหอตงหลิวมองไปยังเสี่ยวซวง เวลานี้มันไม่ได้สนใจการประลองหรืออะไรอีกต่อไปแล้ว กติการนะหรือ? ช่างมันปะไร ต่อให้นางกล่าวยอมแพ้หรือจะออกจากเวทีไป มันก็จะไม่หยุดมือจนกว่าหญิงแพศยาผู้นี้จะตกตายต่อหน้ามันอย่างแน่นอน

หนิงเทียนจับจ้องไปยังเหอตงหลิวด้วยสายตาเย็นชา เมื่อสายตาของทั้งสองปะทะกันแล้วมันสามารถบอกได้เลยว่า ความต้องการสังหารของเหอตงหลิวมีมากเพียงใด

ขณะที่มันกำลังลุกขึ้นยืน เสียงของอู๋ชางก็ดังขึ้นมาภายในจิต “คุณชายช้าก่อน!!”

หนิงเทียนตอบอย่างไม่ใส่ใจออกไป“มีอะไรไม่เห็นหรืออย่างไรเวลานี้ข้ากำลังยุ่ง?”

ราชาภูตกล่าวออกอย่างลวกๆไปว่า“ไม่มีอะไร อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแม่หนูนั่นจะทะลวงระดับและท่าเท้าจันทราหวนก็จะยกระดับขึ้นไปอยู่ในขั้นที่สูงกว่าเดิม”

“เจ้าจะบอกว่า ไม่ให้เข้าไปขัดขวางการพัฒนาของนางสินะ”

“ราชาผู้นี้ไม่ได้หมายความเช่นนั้นเลย คุณชายจะทำเช่นไรล้วนแล้วแต่เป็นการตัดสินใจของท่าน ราชาเพียงแค่กล่าวตามสิ่งที่สัมผัสได้เท่านั้น”

หนิงเทียนหยุดนิ่งพิจารณาอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะหวนคิดถึงตัวมันเอง สิ่งที่หล่อหลอมให้มันแข็งแกร่งได้ ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ได้ต่อสู้กับความตายหรอกหรือ?

“ตัวข้าเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปขัดขวางความก้าวหน้าของใคร” เมื่อมันคิดได้เช่นนั้น จากสองเท้าที่เดิมคิดจะก้าวออกไปก็เปลี่ยนเป็นทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้คงเดิม

จากนั้นมันหันไปกล่าวกับหลวนคุน “ผู้อาวุโสหลวน ไม่ทราบว่าสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของท่านมีสุรารสดีติดมาสักไหสองไหหรือไม่?”

จินเหล่าต้า “......” ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของมัน เวลานี้พี่ชายหนิงยังต้องการที่จะดื่ม

“โฮ๊ะๆ คุณชายหนิงแน่นอนว่าสุราชั้นยอดสมาคมการค้าจ้าวสมุทรของเราต้องมีมัน แต่ทว่าตาแก่ผู้นี้เป็นห่วงความปลอดภัยของสาวน้อยผู้นั้นเห็นได้ชัดว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหอตงหลิว

คุณชาย ท่านไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยหน่อยหรือ??” อันที่จริงแล้วตั้งแต่หนิงเทียนก้าวเท้าเข้าสู่เมืองฉางผิงและสร้างได้ปัญหามากมายแต่กลับไม่เคยมีผู้ใดเลยที่ได้เห็นพลังที่แท้จริงของมันเลยสักครั้ง

แม้แต่สมาคมการค้าจ้าวสมุทรของหลวนคุนเองก็ยังไม่มีข้อมูลของหนิงเทียนเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้มันจึงต้องการเห็นการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนี้มากกว่าใครทั้งหมด

“เส้นทางที่โรยด้วยหมู่บุปผามิเคยสร้างยอดคนที่แท้จริง” หนิงเทียนตอบกลับอย่างไม่สนใจ

ได้ยินดังนั้นหลวนคุนได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับนำนารีเจ็ดสียอดราชาสุราออกมาให้แก่หนิงเทียน

....

เวลาเดียวกัน บนเวทีประลอง การต่อสู้ของเสี่ยวซวงและเหอตงหลิวได้เริ่มขึ้นแล้ว

ท่วงท่าที่เหอตงหลิวใช้เต็มไปด้วยจิตสังหารและความโกรธ มันหมุนตัวออกอย่างรวดเร็ว และยกกำปั้นขวาขึ้นมา ประกายสีแดงพร้อมกับคลื่นความร้อนกำลังพัดกระจายออกมาไปยังเสี่ยวซวง

“ทักษะต่อสู้ระดับปราชญ์ขั้นสูง ราชาหมัดเพลิง!!!” เสียงอุทานของผู้ชมคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง

ใบหน้าของเสี่ยวซวงยังเต็มไปด้วยความเย็นชา ในขณะที่นางก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวและยกดาบตัดภูผาขึ้นมาสกัดกำปั้นสีแดงที่พุ่งเข้ามา

“ตูมมม!!!”

การปะทะกันระหว่างหมัดและดาบก่อให้เกิดลมความร้อนพัดออกไปในทุกทิศทาง

ราชาหมัดเพลิงที่สองและสามถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เสี่ยวซวงถอยหลังเพิ่มจากหนึ่งก้าวเป็นสองก้าว และสามก้าวตามลำดับ

แรงกดดันในระดับครึ่งก้าวสู่แดนทรราชแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ลานประลอง มันชวนให้ผู้คนที่มีจิตใจอ่อนแอบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในทัน

ปัง ปังงง...ปังงง!!! เสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ท่าเท้าที่เคยว่องไวจนสร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้ชม บัดนี้มันถูกรุกไล่จนแทบจะจนมุมเวทีแล้ว

ทันใดนั้นเสี่ยวซวงเปลี่ยนท่วงท่าจากรับเป็นรุก นางอาศัยหมอกควันจากเศษฝุ่นของเวทีที่ฟุ้งกระจายในการอำพรางตัว และใช้ออกมาด้วยเพลงดาบอสูรไล่ล่า

เพลงดาบอสูรไล่ล่านั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันเป็นทักษะการต่อสู้ประจำตัวของ พยัคฆ์แดง จั่วจิงหนานหัวหน้ากลุ่มสามอสูร

ถึงแม้มันจะเป็นทักษะต่อสู้แต่มันก็เป็นทักษะที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการไล่ล่าเหยื่อมันจึงส่งเสริมไปทางท่าเท้าเสียมากกว่า ผู้ที่ได้ฝึกฝนเพลงดาบอสูรไล่ล่าความเร็วและพลังของมันจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า

หนิงเทียนพยักหน้าพร้อมเปิดปากชมออกมา “ไม่เลวเลย ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ดูเหมือนเจ้าจะสั่งสอนทักษะที่เหมาะสมให้แก่นางได้ดีจริงๆ”

คำชมของหนิงเทียนนั้นไม่ได้กล่าวขึ้นมาเพื่อยกยอแต่อย่างใด มันกล่าวออกตามที่ได้เห็น ในสายตาของหนิงเทียน จั่วจิงหนานนับได้ว่าเป็นผู้ฝึกสอนที่มีความสามารถสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว

"ขอบคุณนายท่าน แต่เป็นตัวของคุณหนูเสี่ยวซวงเองที่สามารถร่ำเรียนมันได้สำเร็จภายใน3วัน" จั่วจิงหนานโค้งศีรษะลงและกล่าวตอบอย่างสุภาพ

เหอตงหลิวหรี่ดวงตาแคบลง จากเดิมที่มันกำลังรุกไล่อยู่นั้นต้องชะงักเท้าและเปลี่ยนท่วงท่าเป็นป้องกันดาบอสูรไล่ล่าในทันที มันใช้มือวาดเกราะปราณไฟนับสิบๆสายออกมาหยุดยั้งดาบตัดภูผาที่โจมตีเข้ามาดุจพายุฝนห่าใหญ่

ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป” สิ้นคำกล่าว เหอตงหลิวสะบัดแขนเสื้อเรียกอาวุธประจำกายของมันออกมา

ดาบสีแดงเพลิงปรากฎแก่สายตาผู้คน ที่ใบดาบมันตกแต่งไปด้วยลวดลายแห่งเปลวไฟบริเวณด้ามจับนั้นออกจะแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยเพราะว่ามันไม่มีด้านจับที่ยื่นยาวเหมือนดาบเล่มอื่นๆ

มันเพียงแต่มีห้วงเหล็กคล้องไว้กับข้อมือเท่านั้น และเมื่อปราณเทพศิลาดำของเหอตงหลิวถ่ายลงไปยังดาบสีแดงเพลิง ใบดาบที่เคยเห็นเป็นเหล็กกับพลิ้วไสวไปตามแรงลม

“ออกมาจนได้ ดาบแห่งศรัทธา ดาบเทพศิลาดำ ดาบที่ถูกสร้างขึ้นจากศิลาดำหลอมรวมด้วยพลังแห่งธาตุไฟ”

ฮุยเหยียนฟางกล่าวออกมาด้วยสายตาเย็นชาเมื่อมองไปยังดาบในมือของเหอตงหลิว พวกมันทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นปรมจารย์ในด้าน ดาบและกระบี่ ทั้งคู่ปะทะกันอยู่บ่อยครั้งจึงไม่แปลกที่ฮุยเหยียนฟางจะรู้จักมันดี

เวลานี้ความประหลาดใจบนใบหน้าของเหอตงหลิวหายไป จากนั้นมันก็หัวเราะและแสยะยิ้มออกมา

“แม้เจ้าจะเป็นศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมพื้นดินได้ แต่ข้าขอชื่นชมที่สตรีตัวเล็กๆอายุเพียง15 16ปี ทำให้ข้าถึงขนาดต้องนำดาบเทพศิลาดำออกมา เจ้าจงดีใจเสียเถอะ”

ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เหอตงหลิวจะมีความเหย่อยิ่งถึงเพียงนี้ เพียงแค่อายุ50ปี มันก็ได้รับสมญานามให้เป็นปราชญ์แห่งดาบ และเมื่ออายุ100ปีพลังของมันได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับวีรชนขั้นที่9

และในอีก20ปีต่อมาระดับพลังของมันก็มาถึงจุดสูงสุดในขั้นที่9 ตัวมันเองขาดเพียงแค่วาสนาที่จะได้พบเจอโอสถวิญญาณทรราชเท่านั้น เพียงเท่านั้นจริงๆมันก็จะกลายเป็นราชาที่แท้จริงในดินแดนรอบนอก

เสี่ยงซวงแม้นางจะแข็งแกร่ง แต่ประสบการณ์ต่อสู้ของนางก็ไม่ได้มีมากเท่าหนิงเทียน ระดับพลังก็ยังห่างไกลกว่าเหอตงหลิวถึง5ขั้นใหญ่ การต่อสู้ในครั้งนี้คงยากที่จะบอกได้เต็มปากว่านางจะเป็นฝ่ายชนะ

ตูม!!! ดาบเทพศิลาดำฟาดออกอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ดาบของมันเคยตัดถูกแต่อากาศบัดนี้เศษชิ้นส่วนของเสื้อผ้าเริ่มที่จะถูกตัดขาดตามวิถีดาบที่มันฟันออกแล้ว

เหอตงหลิวหัวเราะและกล่าวออกด้วยความยโส “ข้าอยากรู้ว่าระดับพลังปราณของเจ้า จะสามารถหนีไปได้อีกนานเพียงใดกัน”

การรุกไล่ของเหอตงหลิวผ่านไปกว่า50กระบวนท่า แม้มันจะยังไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเสี่ยวซวงได้ แต่มันก็เริ่มที่จะใกล้เคียง ใกล้เคียงเข้าไปทุกขณะแล้ว

เสื้อผ้าสีขาวที่เสี่ยวซวงสวมใสอยู่นั้นบัดนี้มันเต็มไปด้วยรอยตัดขาดจากใบดาบจนเผยให้เห็นผิวหนังอันขาวบริสุทธิ์ออกมาให้สายตาทุกคู่ได้ชม ใบหน้าของเสี่ยวซวงเวลานี้ซีดขาว ทะเลลมปราณกว่า8ใน10ส่วนถูกใช้ไปกับท่าเท้าจันทราหวน

“ทักษะระดับสูงเช่นนี้คงจะกินพลังปราณของนางมากเกินไป”เมื่อหนิงเทียนคิดได้เช่นนั้นมันเปิดปากส่งเสียงออกมา “เสี่ยวซวงเจ้ายอมแพ้เสีย นี่คือคำสั่ง”

สิ้นเสียงของหนิงเทียน เหอตงหลิวระเบิดพลังดุจภูตปีศาจ มันพุ่งร่างเข้าถึงตัวเสี่ยวซวงอย่างรวดเร็ว

“ใครจะไปยอมกัน” สิ้นคำกล่าวดาบเทพศิลาดำของเหอตงหลิวถูกส่งออกด้วยลมปราณเข้าไปสะกัดกันเส้นทางหนีของเสี่ยวซวง

จากนั้นกำปั้นของมันค่อยๆกลายเป็นเปลวไฟ ห้อมล้อมหมัดของมันไว้ และชกออกไปยังจุดจิวเหว่ย(ลิ้นปี่)ของเสี่ยวซวงอย่างรุนแรง ตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้กันมานี่เป็นการโจมตีเดียวที่เหอตงหลิวได้สัมผัสกับร่างของเสี่ยวซวง

แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะส่งร่างของนางให้ลงไปนอนกองกับพื้น ด้วยจุดจิวเหว่ยที่บาดเจ็บเวลานี้แม้แต่เสียงที่จะออกจากลำคอนางก็ยังไม่มีความสามารถเอ่ยออกมา

เสี่ยวซวงพยามประครองร่างโดยใช้ดาบตัดภูผายันกายขึ้นมา

“ยอมแพ้ ยอมแพ้ รอบนี้พวกเรายอมแพ้ เจ้าไม่ได้ยินหรือไง!!!”จินเหล่าต้าตะโกนออกเสียงดังแก่ฮันซิน

“ไม่ได้!!! ตามกฎแล้วมีแต่ตัวนางเท่านั้นที่จะประกาศยอมแพ้ได้ หรือไม่แล้วนางก็ต้องหาวิธีลงจากเวทีด้วยตัวเองมีเพียงสองทางนี้เท่านั้น”ฮันซินกล่าวตอบออกมาด้วยเสียงแข็ง

ได้ยินดังนั้นคิ้วของหนิงเทียนขมวดเข้าหากันมากขึ้นกว่าเดิม มันกล่าวออกภายในอย่างไม่พอใจนัก “อู๋ชางไหนเจ้าบอกว่านางจะสามารถทะลวงระดับในการต่อสู้ได้??”

“เฮ้อ...คุณชายท่านตาบอดหรือไง นางเพียงโดนชกแค่หมัดเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ??? ท่านคิดว่าประสบการณ์เสี่ยงตายเพื่อทำลายขีดจำกัดคือการโดนชกเพียงหมัดเดียว??

แต่ว่านะคุณชายถ้าท่านเป็นห่วงนางถึงเพียงนั้นละก็ลืมเรื่องการทะลวงระดับและรีบขึ้นไปหยุดมันเถอะ” ราชาภูตกล่าวออกอย่างจนใจ พวกมันทั้งสองทำสัญญาจิตวิญญาณซึ่งกันและกัน มีหรือที่มันจะไม่รู้ว่าภายในใจของหนิงเทียนเวลานี้รู้สึกเช่นใด

หนิงเทียนถอนหายใจออกมายาว “ความรู้สึกผิดต่อการตายของฉางอินยังคงอยู่ในใจข้า ข้าคงไม่อาจทนเห็นคนรักของมันเป็นอะไรไปต่อหน้าได้ ดูเหมือนว่าอุปสรรคในการพัฒนาของนางจะคือตัวข้าเอง”

อู๋ชางได้ยินดังนั้นมันเพียงแต่ส่ายหน้า พร้อมกล่าวออกมาลับหลังหนิงเทียน “คุณชายท่านนั้นหลอกลวงผู้อื่นจนเคย ข้าเกรงว่าแม้แต่ตัวของท่านก็ยังไม่พ้นถูกตนเองหลอกลวง”

จากนั้นหนิงเทียนกล่าวออกเสียงดัง “เสี่ยวซวง คำสั่งเดียวของข้าคือการให้เจ้าลงมาจากเวทีประลองเดี๋ยวนี้”

แม้ว่าเสี่ยวซวงจะไม่ได้พยักหน้าตอบรับ แต่คำสั่งของหนิงเทียนคือสิ่งที่นางกระทำตามมาโดยตลอด และครั้งนี้ก็เหมือนเช่นเคย นางรีบถีบพื้นใช้ออกด้วยท่าเท้าจันทราหวน พุ่งร่างไปในทิศทางนอกเวทีอย่างรวดเร็ว

“คิดจะหนี?? มันไม่ง่ายนักหรอก”ใบหน้าของเหอตงหลิวฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ

เนื่องจากอากาศบาดเจ็บกอปรกับทะเลปราณที่ถูกใช้จนเหือดแห้ง มันทำให้ความเร็วของนางมิใช่เหมือนเช่นคราวแรกแล้ว ด้วยเหตุนี้เหอตงหลิวจึงพลิ้วกายมาขวางทางนางได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

จากนั้นราชาหมัดเพลิงถูกใช้ออกอีกสองหมัด คราวนี้มันกระแทกร่างของเสี่ยวซวงอย่างจัง พลังปราณที่คอยปกป้องร่างกายจากความร้อนของเปลวไฟก็มิได้มีเช่นเคยแล้ว

ร่างของเสี่ยวซวงกระเด็นถอยไปอยู่กลางเวที พร้อมกับรอยเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก เสื้อผ้าบางสวนถูกเผาไหม้ด้วยปราณธาตุไฟจนเผยหัวไหล่ที่ขาวเนียนให้เห็นแก่สายตาทุกคู่

“แม่เจ้าโว้ยยยย สิ่งนี้สิน่าดูชมกว่า ราชาหมัดเพลิงและดาบเทพศิลาดำเป็นร้อยๆเท่า”

“เอาอีก เอาอีก เหอตงหลิวโจมตีให้มันต่ำกว่านี้อีกสิโว้ยย” เสียงเชียร์ของฝูงชนตะโกนเรียกชื่อเหอตงหลิวอย่างไม่ขาดปาก

ปังงงงงง!!!! ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดดังสนั่นหวันไหว กึกก้องออกมา กลบเสียงเชียร์และคำกล่าวเหล่านั้นจนหมดสิ้น

เมื่อสายตาทุกคู่มองไปยังต้นตอของเสียงมันพบว่า เป็นเด็กหนุ่มที่เคยนั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบดขยี้เก้าอี้เหล็กจนกลายเป็นผุยผงด้วยโทสะ

มันกวาดสายตามองอย่างดุร้ายไปยังผู้ชม ก่อนจะกล่าวออก“เหล่าต้า ขึ้นไปช่วยนางลงมา”

“ตะ....แต่ว่านั้นจะทำให้พวกเราทำผิดกฎกติกาหรือไม่??” จินเหล่าต้ากล่าวถามออกเพื่อความแน่ใจ

“ไม่ต้องสน ข้าจะเล่นเกมส์ของพวกมันต่อไปหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำตอบของพวกมัน ถ้าพวกมันบอกว่าเราทำผิดกติกาก็ช่าง

ต่อไปนี้ข้าจะได้ให้พวกมันมาเล่นเกมส์ชีวิตของข้าบ้าง”น้ำเสียงของหนิงเทียนไม่ดังหรือเบาเกินกว่าที่ทุกคนจะได้ยิน แต่สำหรับผู้ที่ได้ฟังคำกล่าวนั้นมันคล้ายกับถูกมีดเล่มเล็กกรีดยังไปก้นบึ้งของจิตใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด