บทที่ 131 ความลับของเสี่ยวซวง
ภายในห้องนอนของหนิงเทียน มันสั่งให้เสี่ยวซวงนั่งลงบนเตียง พร้อมทั้งจับจ้องไปที่นางด้วยแววตาครุ่นคิด จากนั้นมันได้ส่งเสียงออกภายใน
“อู๋ชาง อู๋ชางเจ้าออกมาเดียวนี้!!!”
สิ้นเสียงเรียกเพียงไม่นานนัก ใต้แขนเสื้อของหนิงเทียนเกิดการขยับตัวเป็นลูกคลื่น จากนั้นร่างของราชาภูตมุดออกมาโบยบินอย่างไม่เกรงสายตาของคนนอกอย่างเสี่ยวซวง
มันกล่าวออกแก่หนิงเทียนด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “คุณชายท่านมีอะไร??? ท่านรู้หรือไม่ว่าจิตวิญญาณของตัวราชานั้นยังไม่หายเป็นปกติดี ราชาผู้นี้ต้องการเวลาพักผ่อน”
ได้ยินเช่นนั้นมุมปากของหนิงเทียนกระตุกขึ้นมาทันที มันรีบกล่าวออกด้วยเสียงแข็ง “พักผ่อน?? ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังเล่นสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่หรือไง ข้าขอเตือนพวกเจ้าทั้งสองไว้เลย ถ้าไม่มีคำสั่งของข้าอย่าได้ทำให้มันตายเป็นอันขาด”
“เฮ้อออ...ราชาผู้นี้รู้แล้วน่า ราชาก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้น หลายพันปีมานี้ไม่มีคนอื่นนอกจากราชาและเฒ่าซานมาก่อน เมื่อมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาพวกเราทั้งสองก็ต้องดูแลมันเป็นพิเศษ”
ใบหน้าอันเล็กเรียวของราชาภูตเวลานี้มันช่างแสนชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นมันกล่าวต่อ “ว่าแต่คุณชาย ท่านมีอะไรให้ราชาผู้นี้ช่วยเหลือหรือ”
“เจ้าจงมองไปยังสตรีที่อยู่ตรงหน้าข้าว่านางนั้นมีอะไรผิดปกติไปกว่าคนธรรมทั่วไปหรือไม่ ข้าค่อนข้างแน่ใจว่า นางไม่ใช่คนปกติเหมือนเช่นพวกเรา”น้ำเสียงของหนิงเทียนจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“เฮ๊อะ!! คนปกติเหมือนเช่นพวกเรา ตัวท่านนะหรือคนปกติ ท่านมันปีศาจร้ายที่จำแลงร่างมาเป็นมนุษย์ต่างหาก”ราชาภูตบ่นพึมพำก่อนจะหันกลับไปจ้องมองยังร่างของเสี่ยวซวง
เดิมทีอู๋ชางหาได้สนใจมนุษย์คนอื่นนอกจากหนิงเทียนไม่ แต่เวลานี้สายตาของมันจ้องมองอย่างพินิจ คิ้วของมันค่อยๆเริ่มเคลื่อนที่เข้าหากันอย่างลืมตัว จากใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมา
จากนั้นมันค่อยๆเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ ใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น จนบัดนี้ร่างของมันอยู่ห่างจากใบหน้าอันขาวเนียนของเสี่ยวซวงเพียงแค่ไม่ถึงชุน
มันบินวนไปรอบๆตัวราวกับว่ากำลังคิดเรื่องบางอย่างอยู่ จากนั้นมันคว่ำมือนำของบางอย่างออกมาจากมิติของมัน
หนิงเทียนจ้องมองการกระทำของอู๋ชางอย่างเงียบๆ มันมองเห็นสิ่งที่อู๋ชางนำออกมาได้อย่างชัดเจน นั้นคือกล่องทมิฬสีดำที่มันแย่งชิงมาจากขบวนเดินทางของเกาซุน
“กล่องเหล็กจงหลี!!!” หนิงเทียนเปิดปากออกมาอย่างลืมตัว ตัวมันนั้นเกือบที่จะลืมไปแล้วว่าได้เคยเสี่ยงชีวิตแย่งชิงกล่องจงหลีอันเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่มรดกของจักรพรรดิบรรพกาลอีกคนหนึ่ง คือจักรพรรดิมารจันทรา
เมื่ออู๋ชางยื่นกล่องจงหลีไปใกล้กับตัวของเสี่ยวซวงมันบังเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นมา ดวงตาของเสี่ยวซวงที่เคยเป็นสีดำกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีครามขึ้นมาในทันใด
พร้อมกับนั้นกล่องจงหลีที่เคยปิดสนิทกลับสั่นไหวออกราวกับว่าถ้านำมันเข้าไปใกล้ตัวของนางมากกว่านี้ กล่องที่เคยถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนาจะเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
เวลาเดียวกันนั้นเอง ราชาภูตที่เคยหยิ่งยโสต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกแสดงสีหน้าตกตะลึง ปากของมันอ้าค้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำเสียงที่เคยเหย่อหยิ่งกลับกล่าวออกอย่างติดๆขัดๆ“ปะ..ปะ..เป็นไปไม่ได้!!!”
หนิงเทียนที่มีนิสัยนิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา มันถูกการแสดงออกของอู๋ชางดึงให้มีความรู้สึกสงสัยร่วมไปด้วย มันจึงรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ“เป็นอะไร อู๋ชางเจ้ากล่าวให้มันรู้เรื่องมากกว่านี้หน่อยได้หรือไม่”
“ระ...ร่างอวตารกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิ เด็กผู้หญิงคนนี้มีร่างอวตารกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิ และด้วยปฎิกิริยาของกล่องจงหลี
พวกเราไม่ต้องสงสัยอีกว่านางจะเป็นร่างกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิคนใด แน่นอนว่ามันคือจักรพรรดิมารจันทรา” ราชาภูตกล่าวออกด้วยน้ำเสียงอันตื่นตระหนก
“ร่างกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิ มันคืออะไรกัน??” หนิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัยมวลความรู้ในเรื่องของตัวตนระดับนั้นมันไกลเหนือความหยังรู้ของหนิงเทียนไปมากนัก
ราชาภูตแปรเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเยือกเย็นพร้อมเล่าออก“ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้มีอยู่ด้วยกัน2ประเภท หนึ่งคือพวกที่กำเนิดมาผิดแปลกกว่าชาวบ้านและฝึกตนจนทะลวงขีดจำกัดของดินแดนผู้วิเศษทั้งแปดขั้นได้
และอีกประเภทหนึ่งคือพวกที่ถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นจักรพรรดิซึ่งมันก็คือร่างอวตารกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิ ที่สวรรค์ได้ประทานให้แก่เหล่าผู้ที่ได้ก้าวขึ้นมาถึงระดับจักรพรรดิ
โดยร่างอวตารกำเนิดใหม่นั้นมีเพื่อที่จะไม่ให้สายเลือดของจักรพรรดิผู้นั้นต้องสูญสลายไปตามวัฎจักรเวลา ในหนึ่งร้อยรุ่นชั่วอายุคนจะมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นที่เกิดมาพร้อมกับร่างอวตารกำเนิดใหม่
และโอกาสหนึ่งในร้อยที่ได้สืบเชื้อสายของจักรพรรดิมารจันทราก็คือแม่นางผู้นี้ ถ้าคุณชายยังสงสัยอยู่ ท่านสามารถใช้ผนึกแก้วทดสอบแก่นแท้พรสวรรค์ของนางได้ มันสมควรที่จะมี9แก่นแท้เช่นเดียวกันตัวของท่าน”
“จากคำกล่าวของเจ้าตัวตนของจักรพรรดิพวกนั้นมีโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะสามารถสืบเชื้อสายกันจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งได้ถูกต้องหรือไม่?”หนิงเทียนถามออกโดยที่สายตาของมันไม่ได้ลดละไปจากตัวของเสี่ยวซวงเลย
“นั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่คุณชาย ราชาผู้นี้ขอบอกท่านไว้ก่อนเลย แม้พวกมันจะเกิดมาพร้อมร่างอวตารกำเนิดใหม่ แต่ถ้ามันผู้นั้นไม่ได้มีวาสนาพานพบกับมรดกที่บรรพบุรุษของตัวเองทิ้งไว้ให้
เส้นทางแห่งจักรพรรดิของคนผู้นั้นก็หมดสิ้นลงและเชื้อสายของจักรพรรดิคนนั้นก็จะถูกตัดขาดไปด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองจักรพรรดิในยุคของท่านที่มาจากการสืบเชื้อสายจึงหลงเหลือเพียงแค่หยิบมือเดียว”
เสี่ยวซวงที่แม้นางจะได้ยินเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้แต่ใบหน้าของนางหาได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมาเลยแม้แต่น้อยนางช่างเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งที่แสนเย็นชาจริงๆ
หนิงเทียนปลายตามองไปยังเสี่ยวซวงสลับกับกล่องจงหลี มันกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบเฉย
“ร่างอวตารกำเนิดใหม่ของจักรพรรดิมารจันทราและกล่องเหล็กจงหลีอันเป็นมรดกที่มารจันทราได้ทิ้งไว้ ทั้งสองสิ่งได้มาอยู่ที่ตรงนี้พร้อมกัน ต้องเรียกได้ว่าวาสนาของนางนั้นสูงส่งยิงนัก...
หรือข้าจะเรียกว่ามันเป็นโชคชะตาที่ของทั้งสองที่เรียกหากันดีละ”
เมื่อกล่าวจบหนิงเทียนสั่งให้อู๋ชางจัดการเปิดกล่องเหล็กจงหลีทันที สิ้นเสียงคำสั่งของหนิงเทียน อู๋ชางใช้หยดเลือดของเสี่ยวซวงหยดลงไปบนกล่องเหล็ก
เมื่อกล่องจงหลีทำปฎิกิริยากับเลือดของเสี่ยวซวงมันจึงบังเกิดสิ่งผิดปกติบางอย่างขึ้นมา โดยที่กล่องจงหลีนั้นสั่นอย่างรุนแรงจนส่งเสียงดังออกมา
กึก!!!....กึกกก...กึก
พร้อมกับเสียงนั้น ม่านมิติบางๆปรากฏขึ้นโดยมีกล่องจงหลีเป็นสื่อกลาง ทันใดนั้นเองความรู้สึกกรีดร้องของร่างกายทั้งสองคนสั่นไหวอย่างรุนแรง
กลิ่นคราวเลือดเหม็นคลุ้งไปทั่วห้องนอนของหนิงเทียน ความสะอิดสะเอียนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันน่ารังเกลียดแผ่กระจายออกมาโดยไม่มีสาเหตุ
เวลานี้แม้แต่ผู้ที่มีพลังใจกล้าแข็งอย่างหนิงเทียนยังต้องถูกสยบลงภายใต้จิตสังหารและแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากมิติที่ถูกเปิดออกถ้าหนิงเทียนเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ต้องกล่าวถึงเสี่ยวซวง
แม้ตัวนางจะเป็นร่างอวตารจักรพรรดิก็ตามทีแต่ไม่มีทางที่นางจะทนจิตสังหารในระดับนี้ได้อย่างแน่นอน และเมื่อนางต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากมายมันทำให้สติของนางหลุดออกพร้อมกับล้มฟุบลงไปบนเตียงนอนอย่างช่วยไม่ได้
หนิงเทียนพยามสะกดข่มความรู้สึกอันน่ารังเกียจที่รุกคืบเข้ามาภายในจิตใจ สองมือของมันกำแน่นทำให้เล็บทั้งห้าจิกเข้าด้วยกันจนเลือดสีแดงสดไหลลงมาตามข้อแขน
ด้วยแรงกดดันอันมหาศาลเช่นนี้แม้แต่ราชาภูตที่เผชิญหน้ากับตัวตนระดับจักรพรรดิมามากมายยังอดรู้เสียวสั่นหลังวูบไม่ได้
ขณะนั้นเองน้ำเสียงของซานซันดังออกมาเตือนสติของสหายมัน “เฒ่าอู๋รีบเก็บกล่องจงหลีเข้าสู่มิติอนันตเวคินโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจิตใจของแม่หนูคนนั้นได้แตกสลายแน่อีกทั้งพลังใจของนายท่านคงจะทนมันได้อีกไม่นานแล้ว”
ด้วยคำกล่าวเตือนของกิเลนสวรรค์ ราชาภูตรีบวาดมือส่งกล่องจงหลีเข้ามิติของมันโดยเร็ว เมื่อปราศจากกล่องจงหลีแล้ว บรรยากาศอันน่าสยดสยองเริ่มที่จะเบาบางลง
พู่ววว หนิงเทียนเป่าปากออกด้วยความเหนื่อยล้าทางจิต มันรีบกล่าวออก“อู๋ชางจิตสังหารนั้นมันคืออะไรกันแน่!!?? ไหนเจ้าบอกว่ามันเป็นมรดกของจักรพรรดิเหตุใดเมื่อเปิดออกมาถึงเป็นจิตสังหารที่น่าขยะแขยงเช่นนี้”
“คุณชายนั้นมันไม่ใช่จิตสังหารอย่างที่ท่านเข้าใจ แรงกดดันเมื่อครู่มันเป็นเพียงความรู้สึกสุดท้ายที่มารจันทราทิ้งไว้ในมิติของมัน จักรพรรดิทุกคนจะมีพื้นที่มิติเป็นของตัวเอง
เช่นท่านหวงตี้ก็มีมิติอนันตเวิคินเป็นของตนเองโดยที่มีราชาผู้นี้เป็นตัวเชื่อม ส่วนกล่องจงหลีนั้นก็เป็นตัวเชื่อมมิติส่วนตัวของจักรพรรดิมารจันทรา ราชาเชื่อว่ามรดกพลังของมันคงจะถูกเก็บซ้อนไว้ภายในมิตินั้นอย่างแน่นอน”
ได้ยินดังนั้นคิ้วของหนิงเทียนเวลานี้ มันขมวดจนแทบจะชิดติดกันเป็นเส้นเดียวแล้ว
“ขนาดเพียงแค่ความรู้สึกสุดท้ายของมัน พวกเรายังไม่แม้แต่จะก้าวขาออก สำหรับพวกเราในตอนนี้ การที่จะเข้าไปค้นหามรดกของมารจันทราคงจะเป็นไปไม่ได้เลย
เอาเถอะเรื่องราวของกล่องจงหลีและตัวของเสี่ยวซวงเราจะพักมันไว้ก่อน ยังไงเสียมรดกของมารจันทราก็อยู่ในมือของเรา มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่จะช้าหรือเร็วมรดกของมันก็ต้องตกมาอยู่ในมือของพวกเราจนได้”
สิ้นคำกล่าวของหนิงเทียน มันได้จับผ้าห่มคลุมไปที่ตัวของเสี่ยวซวงพร้อมเดินออกจากห้องของตัวเองไป
......
…….
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หนิงเทียนลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่มันใช้แทนเตียงนอนเพราะว่าเมื่อคืนนี้เตียงนอนของมันถูกแย่งไปโดยเสี่ยวซวง
จากนั้นหนิงเทียนได้เหยียดแขนออกพร้อมสะบัดมือพลังปราณสายหนึ่งพุ่งตรงคล้ายคมมีดเฉือนไปยังโต๊ะไม้จนขาดเป็นสองส่วน
“ดูเหมือนพลังปราณของข้าเริ่มที่จะเสถียรแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้คงจะไม่เกิน5วันที่ข้าจะตัดผ่านเข้าสู่ดินแดนแห่งวีรชน” หนิงเทียนกำมือแน่นพร้อมคลายออก จากนั้นมันได้ชำระล้างร่างกายและสวมใส่เสื้อหนังสัตว์อันเป็นตัวที่มารดาห้าของมันได้เย็บให้
ระหว่างที่มันกำลังจัดเครื่องแต่งตัวอยู่นั้นเสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นมา “กร๊อกๆ ก๊อกๆพี่ชายหนิงขอโทษที่ข้ามารบกวน แต่ว่าถ้าพวกเราไม่ออกเดินทางตอนนี้ ข้าเกรงว่าเราจะไปลงรายชื่อสมัครเข้าร่วมประลองไม่ทันการ” เสียงของจินเหล่าต้าดังออกมาจากนอกประตู
พร้อมๆกันนั้นหนิงเทียนได้ใช้มือของมันพลักประตูออกมาพร้อมกล่าวออกไปว่า “เจ้าไปตามเสี่ยวซวงที่ห้องนอนของข้าให้ที และสั่งคนไปตามจิงหนานมา พวกเราจะออกเดินทางกันเดียวนี้”
จินเหล่าต้าพยักหน้าตอบรับและรีบรุดไปทำตามคำสั่งของหนิงเทียนโดยเร็ว
จากนั้นทั้งสี่ได้เร่งรุดไปยังตระกูลมู่ เวลานี้มันก็ใกล้เต็มทีแล้วที่จะตะวันจะขึ้นกลางศีรษะอันเป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี
บริเวณหน้าประตูของตระกูลมู่มันแน่นขนัดไปด้วยฝูงชนมากมาย คนเหล่านี้ล้วนแต่ยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูพวกมันไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะเข้าร่วมประลองได้ พวกมันจึงมายืนสังเกตการอยู่ภายนอกประตูเท่านั้น
จินเหลาต้ารีบแหวกฝูงชนออกสร้างเป็นทางเดินสายเล็กๆให้แก่หนิงเทียน แต่แล้วเมื่อมันกำลังจะก้าวข้ามผ่านประตูเข้าไป ก็ถูกทหารของตระกูลมู่สกัดกันไว้
“จงแสดงตัวตนออกมา ถ้าเจ้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ก็กลับไปได้ วันนี้ตระกูลมู่ของเราไม่ต้อนรับคนไร้ชื่อ”
ด้วยคำกล่าวประโยคนี้มันทำให้ฝูงชนโดยรอบส่งเสียฮือฮาออกมา พวกมันเริ่มที่จะพูดคุยกันอย่างหนาหูบางคนก็เริ่มที่จะจับกลุ่มคุยกันว่า “ตระกูลมู่นั้นทำตัวเหมือนจะขายลูกสาวของตัวเองกิน”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่า คุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องเป็นสืบเชื้อสายของผู้นำตระกูลอีกทั้งจะต้องมีพลังขั้นต่ำอยู่ในแดนแห่งปราชญ์”
“หืมม์ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไร ถ้าตระกูลมู่จะต้องการผู้มีคุณสมบัติเช่นนั้นมาตบแต่งกับคุณหนูใหญ่ของตระกูล”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ด้วยคุณสมบัติเช่นนั้นหาใช่เรื่องแปลกก็จริง แต่ที่ข้าสงสัยคือเหตุใดการประลองครั้งนี้ตระกูลมู่ไม่ได้จำกัดอายุของผู้สมัคร ถ้าเป็นเจ้าจะยินยอมหรือถ้าผู้สมัครแข็งแกร่งแต่อายุปาเข้าไปนับร้อยปี”
“จริงๆด้วย ข้าไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผู้ชนะการประลองครั้งนี้คือตาแก่อายุสองร้อยปีแล้ว คุณหนูใหญ่จะทำเช่นไรเมื่ออยู่บนเตียงกันสองคน”
หนิงเทียนได้ฟังเช่นนั้นมันหาได้สนใจน้ำลายของผู้อื่นไม่ มันเพียงแต่กล่าวออกด้วยเสียงราบเรียบ “เปิดประตู ข้าคือหัวหน้าตระกูลซือหม่า ซือหม่า หนิงเทียน”
“อ๊ะ!! นั้นมันเจ้าของคฤหาสน์ซื่อจิ้งไม่สิมันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นคฤหาสน์ซือหม่าแล้วนิ”
“ใช่มันผู้นั้นและที่เป็นคนสังหารซีฉิน เรื่องในครั้งนั้นข้าจำมันติดตาได้เป็นอย่างดี”…..