การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 69 ดาบไร้ชื่อ VS สุดยอดดาบราคา 10,000 เหรียญทอง
ตอนที่ 69 ดาบไร้ชื่อ VS สุดยอดดาบราคา 10,000 เหรียญทอง
“หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลังที่เสนออะไรแบบนี้ออกมา”
ผมตอบพร้อมหยิบดาบจากซาอุส
“ฮาฮา ท่านไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องในครั้งนี้ข้ามีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น ถึงดาบจากแร่เหล็กสวรรค์ของท่านไม่สามารถทำลายดาบนั้นได้ ข้าก็ยังขายความสวยงามของมันได้อยู่ดี ท่านเองก็น่าจะรู้ว่าเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงของแต่ละประเทศชอบของแวววาวตอนออกไปรบกันขนาดไหน”
เรื่องที่ซาอุสพูดออกมามันคือความจริง เกาะทอง! ดาบทอง! พวกขุนนางชอบใส่ของเหล่านี้ออกไปรบ แถมยังได้รับความนิยมกันเป็นวงกว้างกันมากๆ ถ้านับแค่เรื่องความสวยงามแร่เหล็กสวรรค์ก็คงเป็นลองเพียงแค่ทองคำเท่านั้นแหละ การเอาพวกมันไปขายก็คงทำกำไรได้มหาศาลพอตัว เรื่องราคาแร่คนระดับซาอุสคงศึกษามาก่อนที่ผมเจอกับผมแน่นอน
“หึหึ! เป็นแบบที่เจ้าบอกมาจริงๆ”
“ครับ! เพราะงั้นท่านเชิญลองดวลดาบของท่านได้เลย”
ได้ยินแบบนั้นผมก็หันไปทางหัวหน้าช่างตีเหล็กที่ยืนอยู่
“เจ้าเอามันไปทดสอบ ฟันลงไปได้เลยไม่ต้องกลัวอะไร”
“แต่ท่านแกรนด์ดะ-”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เดี๋ยวหลังจากการฟันลงไปก็รู้เองว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่ต้องเป็นกังวล”
“ครับ… เอาแบบนั้นก็ได้”
หัวหน้าช่างตีเหล็ก ทำตามคำสั่งของผมทันที
การดวลดาบ!
วิธีนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในการทดสอบความแข็งแกร่งของดาบที่จะซื้อ โดยการเอาดาบทั้งสองใช้คมดาบมาฟันกัน เพื่อที่ขะหาดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในดาบทั้งสอง อำนาจและชื่อเสียงของร้านม้าเหล็กดำและร้านอื่นๆ อีกทั้งสองร้าน พวกนั้นก็ได้มาเพราะวิธีแบบนี้แหละ
ตามความทรงจำของผม ดูเหมือนว่าในยุคสมัยนี้ทั้งสามร้านไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงแค่ในจักรวรรดิเท่านั้น แต่พวกนั้นยังมีชื่อเสียงที่ดังไปทั่วทวีป ถึงขนาดเหล่าราชวงศ์บางประเทศยังให้พวกนี้ตีดาบขึ้นมาให้กันเลย และการที่ผมสามารถทำลายดาบราคา 10,000 เหรียญทอง จากหนึ่งในสามของร้านเหล่านั้นได้คงสร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่าช่างตีเหล็กพอสมควร และคงสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้แน่ถ้าเรื่องนี้เกิดหลุดออกไป
ไม่นาน การเตรียมความพร้อมทั้งหมดก็เรียบร้อย
ทางด้านบนปกติแล้วจะเป็นดาบที่เข้ามาท้าชิง ซึ่งก็คือดาบจากแร่เหล็กสวรรค์ของผมเอง คนที่ถือมันตอนนี้ก็คือ หัวหน้าช่างตีเหล็ก ส่วนด้านล่าง ดาบที่เป็นตัวรับก็คือดาบจากร้านม้าเหล็กดำ บรรยากาศในห้องตอนนี้เงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรออกมา การดวลครั้งนี้มันคงรู้ผลเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วกับพวกช่างตีเหล็กในห้องนี้ ดาบไม่มีชื่อ กับ สุดยอดดาบราคา 10,000 เหรียญทอง เพียงแต่ชื่อก็บอกได้แน่นอนแล้วว่าอะไรมันจะชนะในครั้งนี้
“เอาเลยไหมครับท่านแกรนด์ดยุก?”
“อ่า ถ้าเจ้าพร้อมก็จัดการได้เลย ใส่เต็มที่ไม่ต้องออมแรง”
“ครับ”
คุยจบ หัวหน้าช่างตีเหล็กก็ง้างดาบเหล็กสวรรค์ในมืออย่างเต็มที่ ระหว่างทำแบบนั้นบรรยากาศในห้องก็สัมผัสได้ทันทีว่าตอนนี้หัวหน้าช่างตีเหล็กเอาจริงขนาดไหน ระดับจักรพรรดิ การฟาดดาบลงหนึ่งครั้งคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มันมากความ ถ้าเอาดาบทั้งสองมาปะทะกันแบบนี้ผลที่ออกมาดาบทั้งสองอาจหักด้วยกันเลยด้วยซ้ำ แต่ว่า ดาบเหล็กสวรรค์ มันไม่ใช่อะไรที่อ่อนแอเช่นนั้นหรอก
เพล้ง!
เงียบสนิท!
หลังจากปะทะกันระหว่าง ดาบเหล็กสวรรค์ และ สุดยอดดาบจากร้านม้าเหล็กดำ ทุกคนในห้องต่างเงียบสงบกับผลที่ออกมาตอนนี้ เห็นผลที่ออกมาผมก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับภาพที่เห็น ใบหน้าตกใจ! ใบหน้าแปลกใจ! ใบหน้าสงสัย! ทุกคนต่างแสดงใบหน้าแบบนั้นออกมา ขนาดตัวหัวหน้าช่างตีเหล็กยังอึ้งกับสิ่งที่เกิดอยู่ตรงหน้า
เป็นสองท่อน!
ใช่แล้ว! ผลที่ออกมาตอนนี้คือดาบจากร้านม้าเหล็กดำโดนฟันออกเป็นสองท่อนในทันที หลังได้ที่รับการปะทะกับดาบเหล็กสวรรค์ เรื่องแบบนี้สำหรับทุกคนในห้องยกเว้นตัวผมทุกคนคงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน สุดยอดดาบราคา 10,000 เหรียญทอง มันจะมาโดนทำลายเพราะดาบที่พึ่งตีขึ้นมาได้ยังไง? มันเกิดอะไรขึ้น? ทุกคนคงมีความคิดแบบนี้กันแน่ๆ
ในระหว่างความเงียบสงบ เสียงของซาอุสก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“บะ บ้าน่า… ระ เรื่องแบบนี้มัน….”
ซาอุส พูดพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปดูสภาพดาบของตัวเองด้วยใบหน้าตกใจ หลังจากหมอนั่นหยิบขึ้นมาก็ต้องพบกับเรื่องน่าตกใจยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก
“บะ บ้าไปแล้วนี่มันโดนฟันขาดโดยทันที ไม่มีรอยอะไรเลย”
ทุกสายตาในห้องต่างพากันมองทางซาอุสที่พูดออกมาอย่างฉับพลัน จากนั้นทุกคนก็หันไปยังดาบเหล็กสวรรค์ที่อยู่ในมือของหัวหน้าช่างตีเหล็กในระยะเวลาที่ใกล้กัน การหันไปมองแบบนั้นก็คือความอยากรู้ว่าดาบเหล็กสวรรค์จะเป็นอะไรไหม ทว่า
“เหลือเชื่อ! ไม่มีรอยอะไรเกิดขึ้นเลย!”
“ใช่! ดาบนั่นมันต้องคมและแข็งขนาดไหนกันถึงทำได้แบบนั้น”
“นะ นั้นมันสุดยอดดาบจากร้านม้าเหล็กดำที่ราคาสูงถึง 10,000 เหรียญทอง เลยนะ!”
การตอบสนองของเหล่าช่างตีเหล็กเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของดาบเหล็กสวรรค์ ในมือของหัวหน้าช่างตีเหล็ก ดาบเหล็กสวรรค์ที่สามารถฟันสุดยอดดาบขาดมันไม่มีร่องรอยอะไรเหลืออยู่เลยสักอย่าง หรือจะพูดให้ถูก ก็คงประมาณว่าสุดยอดดาบอะไรนั่นมันเป็นเพียงอากาศที่โดนตัดผ่านเท่านั้น ราวกับว่ามันไม่มีตัวตนและดาบเหล็กสวรรค์แค่ฟันผ่านอากาศไปง่ายๆ
หึหึ! นี่เป็นเพียงพลังทำลายของมันแค่ตอนที่ยังเริ่มต้นเท่านั้น ต่อไปก็คือการลงจารึก หลังจากนั้นแหละที่จะเป็นความน่ากลัวของมันจริงๆ …จารึกที่ผมใช้ลงในดาบเหล็กสวรรค์ในช่วงยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 จารึก!
1. จารึกคงทน
2. จารึกแหลมคม
3. จารึกทนร้อน
4. จารึกทนเย็น
จารึกคงทน จะคอยทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและทนการปะทะจากการต่อสู้ การต่อสู้กับพวกเผ่าเทพและเผ่าปีศาจต้องเจอกับชุดเกราะที่แข็งแกร่ง และดาบที่แข็งแกร่งของพวกมัน เพราะแบบนั้นจารึกคงทนจึงจำเป็นมากในการต่อสู้
จารึกแหลมคม ก็ตรงตามชื่อของมัน เพราะเกราะและเครื่องป้องกันทำจากเหล็กที่หน้ากว่าดาบในปริมาณมาก ด้วยเหตุผลแบบนั้นการลงจารึกแหลมคมก็จะสามารถเจาะหรือตัดผ่านพวกมันไปได้ง่ายขึ้น หรืออาจจะฟันขาดสอนทอนไปเลยก็ได้ถ้าเป็นเพียงเกราะเหล็กธรรมดา
จารึกทนร้อน และ จารึกทนเย็น สองจารึกนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ในการต่อสู้เราไม่รู้ว่าต้องเจอกับผู้ใช้เคล็ดวิชาแบบไหนเลยต้องลงเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด ถ้าเจอความร้อนจนดาบละลาย ดาบก็ใช้งานไม่ได้ และถ้าเจอความเย็นจนดาบหมดคมมันก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะงั้นผมเลยเลือกพวกมันทั้งสองลงแทนจารึกอื่นๆ
ตามจริงผมก็อยากลงอีกประมาณ 20 จารึก ลงไปในใบดาบอยู่หรอก แต่ว่า ด้วยขนาดเหล็กที่ไม่ใหญ่มากการลงเกิน 4 จารึก ก็อาจจะทำให้ใบดาบรับไม่ไหวแล้วแตกออกมาได้ ผมจึงเลือกลงเพียงสี่จารึกที่จำเป็นที่สุดในการต่อสู้ไปแทน เอาละ!! เท่านี้เรื่องการแสดงความแข็งแกร่งก็เรียบร้อย ต่อไปก็คงต้องเป็นการสอนเคล็ดเพลิงปราณและสอนวิธีลงจารึกให้ช่างตีเหล็กเหล่านี้ คิดได้ ผมก็พูดออกไปว่า
“เอาละ!! มารวมกันตรงนี้อีกครั้ง หลังจากนี่ข้าจะสอนเคล็ดวิชาเพลิงปราณและเคล็ดวิชาจารึกทั้ง 4 ให้กับพวกเจ้า”
ทุกสายตาหันมองมาทางผมทันทีหลังผมพูดออกไป เหล่าช่างตีเหล็กทั้งหมดต่างทำหน้าแปลกใจมองมาทางผม สีหน้าของพวกนั้นกำลังแสดงออกมาแบบว่าไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองจะได้ยิน ใช่แล้ว! การสอนเคล็ดวิชาที่หายสาบสูญไปนับพันปีและการสอนเคล็ดวิชาจารึกที่เป็นความลับในทวีปให้ เป็นใครมาได้ยินก็ต้องไม่เชื่อหูตัวเองแน่นอน หึหึ!
“ท่านแกรนด์ดยุก ท่านกำลังล้อพวกเราเล่นเหรอครับ นี่ท่านจะสอนให้พวกเราจริงๆ งั้นเหรอ”
“ใช่แล้วครับ! ของพวกนั้นมันไม่ใช่ความลับที่ท่านต้องเก็บรักษาเอาไว้งั้นเหรอ เพียงแค่มีพวกมันตระกูล วอเตอร์ คงไม่มีใครกล้าต่อต้านแน่ๆ”
“ท่านกำลังบอกว่าจะสอนพวกข้าจริงๆ งั้นเหรอ!! ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม!!”
เหล่าช่างตีเหล็กต่างพากันตั้งคำถามออกมาต่างๆ นานา ที่พวกนี้พูดออกมามันก็ถูกนั่นแหละ เรื่องแบบนี้ต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับ แต่ว่า ผมไม่คิดแบบนั้น ในเวลาอันใกล้วิธีการตีและเคล็ดวิชาจารึกก็จะโดนแพร่กระจายออกไปอยู่แล้ว และไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็จะรู้วิธีการสร้างพวกมัน เพราะงั้นถึงมาบอกพวกนี้ตอนนี้ไปมันก็ไม่เสียหายอะไร แต่เมื่อมีโอกาสดีมาแบบนี้ก็ต้องคว้าเอาไว้ก่อน …สร้างชื่อเสียสักหน่อยแล้วกัน
“ฮาฮาฮา พวกเจ้าลืมสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อก่อนจะเข้ามาแล้วหรือไง ที่ว่า ‘ทุกประเทศในทวีป จะต้องการตัวพวกเจ้า’ พวกเจ้าคงไม่คิดว่าข้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาลอยๆ กันหรอกใช่ไหม อีกอย่าง การที่สอนพวกเจ้าข้าเองก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน และถ้าใครอยากทำงานกับตระกูล วอเตอร์ หลังจากผ่านไปแล้วหนึ่งปีข้าก็ยินดีรับเอาไว้ และแน่นอนเรื่องความผิดพวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถไปคุยกับกรมยุติธรรมได้ในเรื่องนี้”
เรื่องที่ผมพูดออกไปมันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้พยามโกหกพวกนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าตีแร่เหล็กสวรรค์เป็น! ถ้าลงจารึกเป็น! ต่อให้เป็นคนที่โง่ที่สุดในช่างตีเหล็กเหล่านี้ก็ต้องรู้แน่นอน ว่าเรื่องครั้งนี้จะส่งผลดีกับชีวิตของตัวเองขนาดไหน …แล้วเรื่องการพูดชวนให้ทำงานให้หลังจากนี้ 1 ปี ก็เช่นกัน นั่นก็เป็นแผนที่ผมวางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หึหึ!
หลังจากผมพูดออกไปได้ไม่นาน หัวหน้าช่างตีเหล็ก ก็เดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านแกรนด์ดยุก ข้ามีเรื่องสงสัยครับ!!”
“เชิญ”