การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 65 สุดยอดการเตรียมใจ ของเหล่าช่างตีเหล็ก
ตอนที่ 65 สุดยอดการเตรียมใจ ของเหล่าช่างตีเหล็ก
“ออกไปกันได้แล้ว!!! ท่านแกรนด์ดยุกไม่ต้องการพบใครทั้งสิ้น!!!”
เสียงผู้ชายดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังเดินผ่านด้านหน้าคฤหาสน์อยู่ พอหันไปมองก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคืออัศวินของตระกูลที่ตอนนี้กำลังไล่กลุ่มคนที่จับกลุ่มตรงทางเข้าคฤหาสน์ แล้วพอนึกย้อนไปเมื่อวานก่อนที่ผมเข้ามาก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากที่อยู่ที่ด้านหน้าคฤหาสน์อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อวานผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะเป็นห่วงเรื่องขาของอลิสมากกว่า
แต่คนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะจำนวนคนที่รวมตัวกันอยู่หน้าคฤหาสน์ตอนนี้มันมีเยอะกว่าเมื่อวานพอสมควร แถมพวกนั้นมีทั้งพวกคนดูดีที่เหมือนพ่อค้าและพวกคนธรรมดา พวกพ่อค้าก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าต้องการมาเจรจาการซื้อขายสินค้า โดยเฉพาะช็อกโกแลตที่เปิดตัวโดยการให้เหล่าองค์หญิง ทำตามตลาดไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
มองด้วยความสงสัยสักพัก เสียงเซบาสที่เดินด้านหน้าก็ดังขึ้น
“พวกนั้นเป็นพวกที่ฟังนิยายครับ”
“อะไรนะ”
“ก็นิยายที่ท่านให้นักเล่าเรื่องไปเล่าไงครับ พวกนั้นพยามเข้ามาพบท่านเพราะเรื่องนั้น”
ออ! ที่แท้ก็เป็นเรื่องนั้นเอง ฮาฟเตอร์ ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ สินะ เรื่องรับคนจากการฟังนิยายผมได้วางแผนเรื่องนี้ไปเป็นเดือนแล้ว โดยตอนนี้ทั่วเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิมีจุดรับสมัครทหารตระกูล วอเตอร์ ถึง 20 ที่ด้วยกัน ที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะอาณาเขตกว้างขวางของเมืองหลวงเลยต้องมีจุดรับสมัครเยอะ และจากการคำนวณเล่นๆ จากในหัวของผมก็คิดว่าคงจะมีคนมาสมัครไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ในช่วงแรกๆ การตั้งรับสมัครจุดเดียวคงวุ่นวายแน่ๆ
แต่ว่า มันเป็นเพียงช่วงแรกเท่านั้น เพราะคนสมัคร 1 ล้านคน ถ้าคัดเลือกตามความสามารถจริงๆ ก็คงผ่านประมาณ 10,000 – 20,000 คน ที่ผ่านมาตาฐานการรับสมัครและสามารถเข้าไปฝึกในเส้นทะเลลมปราณได้ อย่างที่บอกไป ผมต้องการคนมีความสามารถไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย คนที่มีความสามารถที่ผมต้องการก็ไม่ได้หาง่ายๆ การเปิดโอกาสให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าทดสอบจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ข้าว่าข้าจัดการเรื่องการรับสมัครไปแล้วไม่ใช่หรือไง ไคเซอร์ น่าจะประกาศไปแล้วว่าถ้าอยากเป็นทหารตระกูล วอเตอร์ ต้องไปสมัครที่จุดรับสมัคร แล้วไอ้กลุ่มคนจำนวนมากด้านหน้าคฤหาสน์มันอะไร”
“แน่นอนครับ! ทางข้าก็แจ้งไปอีกรอบแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะโดนพวกตระกูลพ่อค้าจ้างมาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่าน และเป้าหมายจริงๆ ของพวกมันก็คือให้ท่านออกไปพบครับ”
“หึ! พวกมันคิดจะใช้เส้นในการเข้าเส้นทะเลลมปราณสินะ”
“…ครับ เป็นแบบที่ท่านเข้าใจ”
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนโง่ยอมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด ตระกูลพ่อค้า! พวกนี้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยด้วยการค้าขายภายใน และภายนอกประเทศ แต่พวกมันไม่ใช่ขุนนางที่มีทรัพยากรจำนวนมากในการบ่มเพาะ และการที่พวกมันมาก่อกวนด้านหน้าคฤหาสน์ของผมแบบนี้ ก็เป็นการเรียกร้องความสนใจแบบที่ เซบาส บอกออกมาจริงๆ แต่การที่พวกมันทำแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก กลับกัน มันกลับเป็นการสร้างความรำคาญให้ผมสะมากกว่า เฮ้อ~ เบื่อจริงๆ พวกใช้เส้นสายแบบนี้
ตามจริงถ้าได้ตระกูลของพวกมันมาทำงานให้ก็จะเกิดผลดีตามมาเช่นกัน แต่ว่า จำนวนพวกมันตอนนี้มากเกินไป แล้วในตอนนี้ผมก็มีคู่ค้าที่ดีพอตัวอย่าง ซาอุส เดอุส ทำงานให้อยู่แล้ว เพราะงั้นตระกูลของพวกมันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรกับผมเลยสักนิด
คิดได้ ผมก็พูดกับเซบาสต่ออีกว่า
“ไปสั่งให้อัศวินประกาศฆ่าได้ทันที ถ้าเตือนแล้วไม่ฟังก็ไม่ต้องสน”
“แต่…”
“ไม่ต้องกังวล นิสัยแบบพวกนั้นมันคงไม่อยู่ให้อัศวินฆ่ากันหรอก การทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการเตือนให้คนอื่นๆ ได้รับรู้เช่นกัน ว่า ใครก็ตามที่ไม่ทำตามกฎที่ตั้งเอาไว้ ตระกูล วอเตอร์ ก็ไม่สนใจที่จะรับเข้ามาเด็ดขาด!!”
ในกองทัพของผมไม่ต้องการพวกใช้เส้นสายเข้ามา ถ้าพวกขยะแบบนั้นเข้ามาในกองทัพก็มีแต่เอาตัวเองมาตายและพาคนอื่นๆ ตายตามไปด้วยเท่านั้น เพราะงั้นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแบบนี้คือทางเลือกที่ควรทำมากที่สุด ถึงฟังแล้วอาจจะรุนแรงเกินความจำเป็นไปบ้างที่ประกาศจะฆ่าแบบนั้น ทว่า หลังจากวันนี้พวกที่พยามใช้เส้นสายเพื่อเข้าไปฝึกในเส้นทะเลลมปราณ ก็คงมีปริมาณลดลงไปมาก ดีไม่ดีอาจหมดเลยด้วยซ้ำ หึหึ! กองทัพที่แท้จริงต้องไม่มีพวกขยะอยู่สักคน
“ครับท่านแกรนด์ดยุก”
…..
เมื่อเดินมาถึงที่พักของพวกช่างตีเหล็กภาพที่ผมเห็นก็คือ ซาอุส เดอุส กำลังยืนต้อนรับผมด้วยรอยยิ้ม ด้านหลังของหมอนั่นก็เต็มไปด้วยช่างตีเหล็กนับร้อยคนที่กำลังยืนเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ หมอนั่นคงมารอผมหลายวันพร้อมช่างตีเหล็กแล้วนั่นแหละ
ในหัวของมันตอนนี้คงไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากอาวุธที่ผลิตจากแร่เหล็กสวรรค์ และการเจรจาเรื่องการเอาช็อกโกแลตไปขายหรอก ถ้าไม่งั้นคงไม่ลงทุนมานอนรอผมกับพวกช่างตีเหล็กแบบนี้ หึหึ! แค่ยังไม่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่หมดแล้ว
“ฮาฮาฮา ท่านกลับมาจนได้ ข้านำช่างตีเหล็กมารอท่านหลายวันแล้ว”
“…ขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ทำงานได้เร็วเช่นนี้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าคงไม่ได้มารอข้าเพราะอยากเจอหน้าเฉยๆ หรอกใช่ไหม”
“อืม~ ท่านแกรนด์ดยุกยังคงเป็นคนที่ฉลาดเช่นเคย ถ้างั้นข้าคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากเกินไป”
ใช่แล้ว! แกนะไม่ต้องพูดอะไรออกมาหรอก เหอๆ แต่หมอนี่ปรากฎตัวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมก็คิดเอาไว้แล้วว่าเรื่องช็อกโกแลตคงให้คนในตระกูลทำไม่ได้หรอก ถ้าให้คนในตระกูลทำฝ่ายบริหารที่คนไม่พอก็คงได้เหนื่อยกันกว่าเดิมแน่ๆ เพราะงั้น การส่งเรื่องการขายให้กับมืออาชีพอย่างพวกพ่อค้ามันง่ายกว่ากันเยอะ ถึงจะได้กำไรน้อยกว่าเดิมนิดหน่อยแต่ก็ถือลดเรื่องปวดหัวไปได้เยอะมากๆ และพ่อค้าที่น่าร่วมงานด้วยที่สุดก็ไม่พ้นหมอนี่อยู่ดี
คิดได้ ผมก็ชูมือหยุดซาอุสเอสไว้แล้วพูดต่ออีกว่า
“เรื่องช็อกโกแลตเอาไว้เดี๋ยวค่อยคุย ข้าคิดว่าเจ้าควรเอาพวกมันไปขายพร้อมกันเลยดีกว่า”
“ครับ?”
“เอาเถอะ! พูดอะไรไปตอนนี้เจ้าคงไม่เข้าใจ แต่เอาไว้หลังเห็นดาบจากแร่เหล็กสวรรค์เจ้าก็จะเข้าใจที่ข้าพูดเอง”
ผมกวาดสายตามองด้านหลังของซาอุสทันที หลังพูดจบ ท่าทางพวกช่างตีเหล็กที่ยืนอยู่ตอนนี้ใช้ได้กันทั้งนั้น จากลักษณะท่าทางทุกคนคงมีประสบการณ์กันมาไม่ใช่น้อยๆ
“คนไหนเป็นหัวหน้าคนงาน”
“ออกมาด้านหน้า!!”
หลังเสียตะโกนเรียกของซาอุสก็มีชายแก่หนึ่งคนเดินออกมา ร่างกายใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ! ร่างกายเต็มไปด้วยแผลจากไฟลวกจำนวนมาก! ชายที่เดินออกมาตอนนี้ให้ความรู้สึกสุดยอดช่างตีเหล็กอย่างแท้จริง ในยุคสมัยหายนะแห่งมวล ผมก็ได้เจอช่างตีเหล็กจำนวนมากมาเยอะแยะมากมาย แต่ว่า ชายด้านหน้าของผมตอนนี้บอกได้เลยว่าเป็นคนที่มีฝีมือไม่ใช่เล่นๆ แถมระดับพลังบ่มเพาะยังอยู่ในระดับสูงอีก
ระดับจักรพรรดิ!!!
ใช่แล้ว! หัวหน้าช่างตีเหล็กที่อยู่ด้านหน้าของผมตอนนี้ระดับพลังคือ ระดับ จักรพรรดิ! ปกติแล้วพวกช่างตีเหล็กก็ต้องมีระดับพลังสูงกันอยู่แล้วเพราะจะสามารถสร้างอาวุธที่ดีออกมาได้ คนเหล่านี้ต้องใช้แรงจำนวนมากในการสร้างผลงานออกมาแต่ละชิ้น เพราะแบบนั้นเรื่องระดับบ่มเพาะจึงจำเป็น
แต่ว่า ระดับ จักรพรรดิ ช่างตีเหล็กระดับพลังขนาดนี้ผมไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่ในยุคแบบนี้ เหอๆ ขนาดในยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์ การหาคนระดับนี้ทำงานตีเหล็กยังยากเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอในช่วงเวลาเช่นนี้สะได้
เดินออกมาได้ไม่นาน หัวหน้าช่างตีเหล็ก ก็ก้มหัวลง
“ขอบคุณท่านมากครับที่รับพวกเราเข้าทำงาน ข้าขอขอบคุณแทนพี่น้องของข้าทั้งหมด”
“ขอบคุณครับ!!!”
สิ้นเสียงพูดของหัวหน้าช่างตีเหล็ก พวกช่างตีเหล็กด้านหลังก็พากันพูดออกมาแบบพร้อมเพรียง แต่ก็อย่างว่าแหละ พวกนี้ส่วนมากเป็นพวกที่มีประวัติไปสมัครทำงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ มันไม่มีใครที่กล้าทำเรื่องผิดกฎหมายและเผชิญหน้ากับพวก กรมยุติธรรม กันหรอก การที่ได้ทำงานให้กับขุนนางเป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี แถมยังได้เงินเยอะกว่าค่าจ้างปกติกันอีก จะรู้สึกขอบคุณกันขนาดนี้มันก็ไม่แปลก
ระหว่างคิดผมก็หันไปทางซาอุสเล็กน้อย อยากรู้จริงๆ ว่าหมอนี่มันไปเอาคนเหล่านี้มาจากไหน เหอๆ
“เข้าใจแล้ว! ทุกคนเงยหน้าขึ้น!!”
ช่างตีเหล็กทุกคนทำตามคำสั่งทันที จากนั้นผมก็ตะโกนออกไปอีกว่า
“พวกเจ้าทุกคนคงเข้าใจกันดีว่าที่ข้าจ้างพวกเจ้าไม่ใช่เพราะความสงสาร หรืออะไรทำนองนั้น!!! ที่ข้าต้องการจากพวกเจ้าคือฝีมือ ฝีมือการตีดาบ! ฝีมือการสร้างชุดเกราะ! และการทำงานตามที่สั่งแบบไม่เกิดคำถาม แล้วข้าก็ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าใครทำผิดสัญญาหรือพยามทรยศข้าขึ้นมา ข้าสามารถให้การรับรองได้เลย ว่าคนที่คิดจะทรยศข้าต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกนี้แน่นอน และครอบครัวของมันคนนั้นก็ต้องโดนแบบเดียวกัน!!!”
หลังพูดจบบรรยายกาศที่เต็มไปด้วยความสดใสคุยง่ายๆ เมื่อครู่ ก็ได้หายไปจนหมด ในตอนนี้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยแรงกดดัน ที่ผมต้องพูดออกไปแบบนั้นไม่ใช่เพราะต้องการกดดันพวกนี้ เพียงแต่ว่า นี่เป็นการเตือนเอาไว้ก่อน พวกนี้คงโดนซาอุสบอกเงื่อนทั้งหมดและเตือนไปก่อนแล้ว แต่ว่า เพื่อความแน่ใจในเรื่องนี้ผมก็ต้องย้ำให้แน่นอนอีกครั้ง
“หากได้ยินแล้วนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเจ้าจะถอนตัว เพราะตลอด 1 ปี ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าได้ติดต่อกับโลกภายนอกเด็ดขาด แต่ว่า!! ข้าสามารถพูดได้อย่างเต็มปากได้เลย ว่าหลังจากสิ้นสุดระยะเวลา 1 ปี ที่พวกเจ้าทำงานให้กับตระกูล วอเตอร์ พวกเจ้าจะกลายเป็นสุดยอดช่างตีเหล็กที่ทุกตระกูลในจักรกะ… ไม่สิ! ทุกประเทศทั่วทวีปต้องการแน่นอน …เอาละ!! ถ้าใครอยากออกก็ยกมือขึ้น ถ้าถอนตัวตอนนี้พวกเจ้าจะไม่ได้รับโทษอะไรกันทั้งสิ้น และข้าก็สัญญาว่าจะไม่แจ้งเรื่องของพวกเจ้าให้กรมยุติธรรมเด็ดขาด”
หลังพูดจบผมก็กวาดสายตามองด้วยใบหน้าจริงจัง ในเวลาไม่นานก็มีคนยกมือขึ้นมาช้าๆ และคนที่กำลังยกมือก็คือ หัวหน้าช่างตีเหล็ก! แต่ว่า มือที่หมอนั่นยกขึ้นมามันไม่ใช่ยกแบบปกติทั่วไป เพราะมันคือการชูนิ้วขึ้นสามนิ้วที่แสดงว่ากำลังจะสาบานออกมา
“ข้าขอสาบาน!!! ข้าจะไม่ทรยศท่านแน่นอน!!!”
“ข้าด้วย!!!”
“ข้าด้วยเช่นกัน!!!”
“ข้าด้วยครับ!!!”
หลังจากการตะโกนของหัวหน้าช่างตีเหล็กดังขึ้น เสียงคนอื่นๆ ด้านหลังหมอนั่นก็ดังตามขึ้นมาทันที หึหึ! การปลุกใจเรียบร้อย!! แผนตบหัวแล้วลูกหลังแบบนี้มันใช้ได้ตลอดจริงๆ สมัยก่อนผมก็ใช้แผนนี้ปลุกใจพวกทหารก่อนเข้าสู้อยู่บ่อยๆ ….และหลังจากนี้ 1 ปี ช่างตีเหล็กเหล่านี้คงไม่มีใครกล้าคิดที่จะเลิกการคันแน่นอน