ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 63 รักษาขาของอลิส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 65 สุดยอดการเตรียมใจ ของเหล่าช่างตีเหล็ก

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 64 ความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น 1 ต่อ 100


ตอนที่ 64 ความสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น 1 ต่อ 100

“เกี่ยวกับเรื่องช่างตีเหล็กจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ของตระกูลครับ”

“โห่ว! แค่ไม่กี่วัน ซาอุส เดอุส เอาคนมาให้แล้วงั้นเหรอ?”

การเรียกรวมตัวช่างตีเหล็กมีฝีมือมันต้องใช้เวลาพอสมควรแท้ๆ ดูเหมือนว่าเรื่องช็อกโกแลตจะเป็นตัวกระตุ้นหมอนั่นเป็นอย่างดีเลยสินะ คงพยามทำเรื่องช่างตีเหล็กให้จบแล้วมาเจรจาเรื่องการซื้อขายช็อกโกแลตต่อนั่นแหละ เหอ! พวกพ่อค้าก็แบบนี้แหละ ถ้าเรามีของที่พวกมันต้องการอยู่ในมือเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร อย่างเช่นการรวมช่างตีเหล็กนับร้อยได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ แต่ว่า การรวมช่างตีเหล็กนับร้อยในเวลาไม่กี่วันแบบนี้ก็ผิดปกติอยู่ดี

“ช่างตีเหล็กส่วนมากมีประวัติติดมาด้วยครับ”

แบบที่คาดเอาไว้ การรวมได้เร็วก็ต้องแลกกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว การรวมตัวได้เร็วแบบนี้เจ้านั่นคงไปเอาช่างตีเหล็กที่ทำงานผิดกฎหมาย หรือพวกที่ทำงานให้โจรมาร่วมงานด้วยแน่ๆ แต่ สำหรับผมแล้วเรื่องประวัติมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ยังไงสะช่างตีเหล็กเหล่านั้นก็ต้องอยู่ที่นี่  1 ปี แถมยังมีอัศวินจำนวนมากป้องกันไม่ให้เดินทางหรือส่งข่าวออกไปอีก …เรื่องประวัติไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าพวกมันกล้าเล่นตุกติกอะไรก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่

สำหรับผมมีหลักการหนึ่งอย่างในการจ้างคนมาทำงานให้ คือ ‘ถ้าทำงานได้ดีก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่ดี ถ้าทำงานไม่ได้ก็อย่างหวังว่าจะได้อะไร’ และด้วยหลักการแบบนี้ พวกทรยศจะโดนอะไรคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มันมากความ หึหึ!

“ช่างเถอะ ยังไงสะข้าก็ต้องการความสามารถในการตีเหล็ก เรื่องประวัตินิดหน่อยก็ไม่ต้องไปสนใจพวกมันหรอก บอกให้คนรับใช้อยู่ห่างๆ คนเหล่านั้นก็พอ”

เซบาส ทำหน้าหนักใจออกมาทันที

“แต่ถ้าเป็นแบบนั้น …ท่านอาจจะมีปัญหากับกรมยุติธรรมได้นะครับ”

ถูกต้อง!

กรมยุติธรรม! ตามกฎหมายของจักรวรรดิระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ‘ห้ามขุนนางจ้างหรือร่วมงานกับคนมีประวัติทุกอย่าง’ ซึ่ง!! ถ้าผมรับพวกมีประวัติเข้าทำงานกรมยุติธรรมก็จะสามารถเอาเรื่องในส่วนนี้เล่นงานผมได้ในสักวัน เรื่องที่เซบาสเป็นกังวลจนต้องมาบอกแบบนี้คงเป็นเพราะเรื่องนี้แหละ แต่ว่า หมอนี่ยังไม่เข้าใจอะไรมากพอ

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง กรมยุติธรรม จะไม่มายุ่งกับตระกูล วอเตอร์ ในช่วงนี้แน่นอน”

“ครับ?”

เซบาส ตอบกลับด้วยสีหน้าสงสัย ตามจริงผมก็อยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในการฟ้องร้องให้กับหมอนี่ฟังอยู่หรอก แต่พูดไปก็คงเสียเวลาเปล่า นับตั้งแต่กรมยุติธรรมยอมรับเรื่องหลักฐานของผมก็เท่ากับพวกนั้นยอมรับเรื่องการร่วมมือกันแล้ว

ถ้าตอนนี้ผมไม่มีอะไรที่ทำให้ลดอำนาจ หรือไปทำอันตรายอะไรพวกนั้น กรมยุติธรรมก็ไม่มาหาเรื่องกับผมหรอก ยิ่งเป็นแค่เรื่องจ้างแรงงานแบบนี้ด้วยแล้ว ทางนั้นคงไม่เอาสถานะของตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องเล็กๆ เช่นนี้กันแน่ กรมทหาร และ กรมบริหาร ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ถ้าพวกนั้นยังกล้าก็ให้เข้ามาเถอะ …ว่างๆ แบบนี้มันก็น่าเบื่อเหมือนกัน ระหว่างกำลังรอทหารฝึกมีพวกนี้มาสร้างสีสันให้บ้างก็ดี

“ที่บอกว่าไม่ต้องห่วงนี่…”

“ไม่ต้องไปสนใจ! ข้าบอกไม่ต้องห่วงก็ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดกรมยุติธรรมต้องการหาเรื่องกันจริงๆ แล้วมันทำไม ก็จริงอยู่ที่ตระกูลทำผิดกฎหมายเช่นนี้จะโดนสังคมจักรวรรดิกรีดกัน แต่ว่า เจ้าคิดว่าตอนนี้จะมีตระกูลไหนที่กล้าทำแบบนั้นกับตระกูล วอเตอร์ ด้วยหรือไง?!!”

เซบาส ส่ายหน้าไปมาทันที

“ไม่แน่นอนครับ!”

ใช่แล้ว! ตอนนี้ตระกูล วอเตอร์ กำลังมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ เงิน! กำลังทหาร! ธุรกิจ! ตอนนี้ไม่มีตระกูลไหนกล้ามาตัดขาดกันหรอก แต่ถ้าพวกมันต้องการผมก็ไม่ขัด หึหึ!

แต่ถึงยังไงก็ต้องระวังเรื่องของพวกตระกูล แกรนด์ดยุก อีกทั้งสามตระกูลเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ตระกูล เจสเปอร์ , ตระกูล ลาเชีย , ตระกูล กริฟฟอน  ถึงในหมู่ตระกูลทั้งสามตระกูล กริฟฟอน ดูจะเป็นมิตรที่สุดก็ต้องระวังเอาไว้อยู่ดี ดังคำที่ว่า ‘ไม่มีมิตรแท้ และไม่มีศัตรูตลอดกาล’

หลังได้รับคำตอบจากเซบาส ผมก็พูดออกไปอีก

“พวกนั้นอยู่ไหนกัน?”

“หลังจากพวกนั้นเดินทางมาถึงข้าก็ให้ไปยังด้านหลังของคฤหาสน์แล้วครับ ที่นั่นเป็นค่ายพักของอัศวินตระกูล วอเตอร์ ที่ตอนนี้พวกนั้นส่วนมากอยู่ที่เส้นทะเลลมปราณ ข้าเห็นว่าตรงนั้นเป็นจุดที่ภายนอกเห็นสังเกตการณ์ได้ยากที่สุด และเหมาะกับการจับตาดูของตระกูล ข้าเลยจัดที่พักเอาไว้ที่นั่น”

สมแล้วที่เป็นเซบาส หัวหน้าพ่อบ้านแห่งตระกูล วอเตอร์ เหมือนว่าสิ่งที่ผมต้องการหมอนี่จะมองออกแทบทั้งหมดเลยจริงๆ ค่ายพักอัศวิน! ตรงนั้นเป็นจุดที่อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ที่ผมพักอยู่ การเอาพวกนั้นไว้ใกล้ๆมันไม่ใช่เพียงแค่จับตาดูง่ายเท่านั้น แต่รวมถึงความปลอดภัยที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน

อัศวินปกป้องคฤหาสน์มีประมาณ 500 คน

อัศวินควบคุมช่างตีเหล็กมีประมาณ 200 คน

ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอัศวินทั้ง 700 คน ก็จะเขาจัดการกับปัญหาทันที หึหึ! ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าถ้าไม่ย้อนอดีตกลับมาเช่นนี้ คงกำจัดเซบาสออกจากตระกูลไปคนแรกแล้ว เหอๆ  คิดได้สักผมก็ถามออกไปอีกว่า

“เซบาส เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาที่ซ้อนพลังตัวเองได้ไหม?!”

“นั่น…”

เซบาส แสดงท่าทางแปลกใจออกมาชัดเจน ผมก็สงสัยมาตั้งแต่ชาติก่อนแล้วละ หมอนี่มีพลังระดับราชาแท้จริงเท่านั้น แต่ว่า ตามที่ผมได้ยินมาหมอนี่สามารถจัดการทหารเผ่าปีศาจตอนที่บุกมาในเมืองหลวงได้ถึง 100 คน เรื่องแบบนั้นมันแปลกสุดๆ พวกปีศาจพลังเหนือกว่า! อาวุธชุดเกราะดีกว่า! จำนวนเยอะกว่า! ถึงนั่นจะเป็นเรื่องอีกสิบปีต่อจากนี้ แต่หมอนี่ก็คงอยู่แค่ระดับจักรพรรดิถ้านับการพัฒนาของคนปกติ

คนปกติที่ไม่ใช่ขุนนางหรือกำลังรบระดับสูงของประเทศ การได้รับทรัพยากรบ่มเพาะจำนวนมากมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และหมอนี่ก็เป็นเพียงพ่อบ้านเท่านั้น บวกกับอายุที่มากขนาดนี้คงไปได้สูงสุดเพียงแค่ระดับ จักรพรรดิ มันแปลกเกินไปที่จะจัดการกองทัพปีศาจได้นับร้อยแบบนั้น ก็จริงอยู่ที่พวกปีศาจระดับพลังเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ ราชานักรบ แต่ว่า เมื่อพวกมันรวมกันเป็นกลุ่มเพียง 10 คน ก็สามารถฆ่าคนพลังระดับ จักรพรรดิ ได้สบายๆ

เป็นที่แน่นอนว่าระดับ จักรพรรดิ คงไม่สามารถทำได้ขนาดนั้นแน่ๆ จากที่ผมเคยเห็นเมื่อชาติก่อนระดับจักรพรรดิคงฆ่าพวกมันได้ไม่เกิน 10 หรือ 20 คน ถ้าต่อสู้กับพวกมันแบบไม่เป็นกลุ่ม มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกปีศาจที่เหนือกว่าแทบจะทุกอย่างเช่นนั้น จะโดนฆ่าไปถึง 100 คน ตอนแรกผมก็ไม่สนใจอะไรหรอกว่าเซบาสทำยังไง เพราะยังไงสะหมดนี่ก็แสดงออกมาแล้วว่าไม่ทรยศต่อตระกูล วอเตอร์ แน่นอน

แต่มันก็เป็นเรื่องที่คาใจจริงๆ ถ้าหมอนี่ไม่ได้ซ้อนพลังอะไรเอาไว้ก็แปลว่ามีเคล็ดวิชาที่พวกเผ่าปีศาจมันแพ้ทางอยู่ และถ้ามันเป็นแบบอย่าหลัง ก็คงจะเป็นเคล็ดวิชาที่สามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้เลย!!

ไม่นานนัก เซบาส ก็กลับมาทำหน้าไร้ความรู้สึกอีกครั้ง

“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ครับ เคล็ดวิชาเช่นนั้นข้าไม่เคยได้ยิน …แต่ว่า!! ข้ามีความมั่นใจว่าข้าสามารถปกป้องท่านอลิสได้แน่นอน ในระหว่างที่ท่านไม่อยู่ที่นี่ เรื่องความปลอดภัยของท่านอลิส ท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

“แปลว่าเจ้าไม่ยอมบอกระดับพลังที่แท้จริงออกมาสินะ?”

เซบาส ฉีกยิ้มเล็กน้อย

“ระดับพลังของข้าก็เท่ากับที่ท่านรู้แหละครับ เพียงแต่ว่า!! ข้ามีเคล็ดวิชาที่อันตรายอยู่เท่านั้น แต่ข้าสัญญากับนายท่านเอาไว้แล้วว่าจะไม่ส่งมอบให้คนตระกูล วอเตอร์ เด็ดขาด! …ข้าเคยพลาดมาแล้ว… ท่านแกรนด์ดยุกโปรดเข้าใจด้วย”

พูดจบเซบาสก็ก้มหัวลงเล็กน้อย ท่าทางแบบนี้มันคือการบอกนัยๆ ว่าให้ผมหยุดถามเรื่องนี้สะ ส่วนนายท่านที่หมอนี่พูดออกมาก็คงหมายถึงปู่ของผม เพราะไม่ว่าจะพ่อผมหรือผม เซบาส ก็จะเรียกแทนตัวด้วยตำแหน่งอย่าง แกรนด์ดยุก ทุกครั้งเมื่อพูดถึง ใจจริงก็อยากถามอยู่หรอกว่ามันเป็นเคล็ดวิชาแบบไหน แต่ว่า ถ้าถึงกับโดนปู่ของมันสั่งห้ามถ่ายทอดแบบนั้น มันก็คงไม่ใช่เคล็ดวิชาที่ดีเท่าไหร่ อีกอย่าง ‘ข้าเคยพลาดมาแล้ว’ ประโยคตรงนี้ที่เซบาสพูดออกมา มันฟังดูมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ …เฮ้อ~ ตัดใจไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าหมอนี่อยากบอกก็คงบอกมาเองนั่นแหละ

คิดได้ ผมก็พูดออกไปว่า

“เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม เอาไว้เจ้าพร้อมแล้วบอกข้าก็แล้วกัน”

“ท่านไม่ต้องห่วง! วันนั้นมาไม่ถึงแน่นอนครับ”

“หึ! อนาคตจะเป็นยังไงใครไปรู้ เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าอนาคตเราต้องเจอกับอะไรบ้าง ….ถ้าไม่ยอมบอกก็ไม่เป็นอะไร ตอนนี้พวกช่างตีเหล็กพร้อมทำงานกันแล้วใช่ไหม?”

“ครับ! เรื่องสถานที่ทำงานข้าได้สั่งคนรับใช้เตรียมเอาไว้ให้แล้ว”

หึหึ! เตรียมพร้อมได้รวดเร็วจริงๆ สมแล้วที่เป็นเซบาส …นับจากวันนี้เป็นต้นไป คงถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด