การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 60 การชักชวนแสนอันตราย
ตอนที่ 60 การชักชวนแสนอันตราย
“อันดับแรกต้องขอยืนยันอะไรก่อนก็แล้วกัน จากที่เจ้าบอกมาเมื่อครู่ เหมือนจะหมายความว่าตอนนี้เจ้าจะสามารถควบคุมดูแลจักรวรรดิทั้งประเทศได้แล้ว หรือพูดง่ายๆ สมาคมนักปรุงโอสถทั่วทุกที่ในจักรวรรดิอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าทั้งหมดแล้ว ข้าเข้าใจถูกหรือไม่?”
เมื่อกี้ผมได้แจนด์ลาสพูดออกมาว่า ‘หากท่านสามารถเพิ่มอาณาเขตให้กับจักรวรรดิได้ ข้าเองก็จะได้รับผลดีไปด้วยเช่นกัน’ การที่พูดออกมาแบบนั้นก็แปลว่าแน่นอนอยู่แล้วว่าหมอนี่ต้องมีอำนาจเพิ่มขึ้นในจักรวรรดิแห่งนี้ แล้วเมื่อเอามาคิดรวมกับจำนวนการผลิตโอสถถึง 10 เท่า คงคิดเป็นอื่นไม่ได้
ในจักรวรรดิแห่งนี้มีจำนวนสาขา สมาคมนักปรุงโอสถ จำนวนมาก ถ้าให้บอกจำนวนแน่นอนผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีเท่าไหร่ แต่คงมีตั้งไม่น้อยกว่า 20 แห่ง แน่นอน เมื่อหมอนี่ได้ครอบครองสาขาเพิ่มขึ้นขนาดนั้นการขายโอสถให้ผมเพิ่มจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และเพราะแบบนี้แหละ ผมจึงสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้
“ท่านเข้าใจถูกแล้ว ตอนนี้ข้าได้ควบคุมสาขาทั้ง 24 แห่ง แต่ถึงจะพูดว่าครอบครองมันก็ไม่ใช้แบบนั้นทั้งหมดสะทีเดียว เพราะถ้าหากข้าไม่สามารถทำผลงานได้ดีก็จะโดนลดขั้นเป็นแบบเดิม ข้าพูดตรงๆ กับท่านเช่นนี้ก็เพราะข้าเชื่อใจท่าน”
เชื่อใจ! หึหึ! ช่างกล้าพูดออกมาได้นะ เชื่อใจบ้าบออะไรกันที่แกกล้าพูดออกมาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ข้าไปซื้อกับหัวหน้าสมาคมนักปรุงโอสถ สาขาอื่นชัดๆ ยังกล้าพูดคำว่าเชื่อใจแบบนั้นออกมาได้อีกนะ ถึงหมอนี่ไม่พูดออกมาผมก็พอเดาได้อยู่แล้วนั่นแหละ การที่หมอนี่เลื่อนตำแหน่งได้แบบนี้ก็เท่ากับว่าคนอื่นๆ ก็สามารถเป็นเลื่อนขึ้นมาตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน การกักเอาไว้ก่อนแบบนี้คงเป็นแผนที่เจ้านี่คิดเอาไว้ก่อนพูดแล้ว
“หรือก็คือ เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าอย่าไปเจรจาซื้อกับสาขาอื่นๆ ในจักรวรรดิใช่ไหม”
“ครับ~ แต่ว่า!! ที่ข้าต้องการจะบอกว่ามันไม่ใช่เพียงแค่จักรวรรดิ แต่เป็นประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ข้าหวังว่าท่าน แกรนด์ดยุก จะไม่ไปซื้อกับคนอื่นๆ นอกจากข้าจากใจจริง”
“เรื่องนั้นแน่นอน คราวนี้พวกเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับที่ 4 เจ้าคิดว่าเจ้าต้องทำผลงานขนาดไหนถึงจะสามารถขึ้นไประดับที่ 6 ขึ้นไปยังจุดสูงสุด แห่ง สมาคมนักปรุงโอสถ…”
“เรื่องนั่น….”
หน้าตาแจนด์ลาสซีดลงทันที หลังผมถามออกไป กว่าจะขึ้นมาระดับ 4 มันก็ยากมากอยู่แล้ว การขึ้นระดับที่ 5 ระดับที่ 6 สำหรับคนแบบหมอนี่ที่ไม่มีเส้นสายวงในแต่แรก คงไม่ต้องฝันถึง ส่วนเหตุผลที่ผมมั่นใจว่าหมอนี่ไม่มีเส้นสายก็เพราะว่า ก่อนคุยกันเมื่อกี้หมอนี่ได้บอกอาไว้ว่า ติดอยู่ที่ระดับ 3 มาเป็นเวลานาน ถ้าไม่ได้ผมซื้อโอสถจำนวนมากระดับก็คงไม่เพิ่มขึ้น
เพราะงั้น เรื่องที่หมอนี่ไม่มีเส้นสายก็ยืนยันได้ทันที หึหึ! สังคมมนุษย์ไม่ว่ายุคไหนๆ มันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ยุคกลาง ยุคใหม่หรือยุคที่ผมจากมาเมื่อนานมาแล้ว การมีเส้นสายจะช่วยเพิ่มเส้นทางไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าได้ง่ายๆ กลับกัน คนที่ไม่มีเส้นสายต่อให้ทำผลงานขนาดไหนตำแหน่งก็ไม่พัฒนาแบบคนพวกมีเส้น …มันเป็นความจริงของโลก และผมก็เชื่อว่า แจนด์ลาส ก็คงเจอเรื่องคล้ายๆเช่นนี้อยู่เหมือนกัน
“ระดับ 5 ระดับ 6 คนที่ไม่มีเส้นสายช่วยเหลือเช่นเจ้าคงไปไม่ถึงในชาตินี้ ข้าพูดถูกหรือไม่?”
“….”
หลังคำถามของผม สิ่งได้รับกลับมาก็คือความเงียบพร้อมใบหน้ามืดแบบไม่พอใจของ แจนด์ลาส แต่มันก็ปกติอยู่แล้วที่หมอนี่จะไม่พอใจผมแบบนั้น การพูดของผมที่พูดออกไปเมื่อครู่มันก็คล้ายๆ กับการดูถูกนั่นแหละ แต่ว่า เป้าหมายจริงๆ ของผมมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
จากนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก พร้อมกับพูดออกไปว่า
“ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
“ครับ?!?!?!”
ใบหน้าไม่พอใจของ แจนด์ลาส เปลี่ยนเป็นตกใจทันทีพร้อมอุทานออกมา
“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรครับ ใน สมาคมนักปรุงโอสถ คนที่จะสามารถขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ก็มีแต่สายเลือดสมาชิกรุ่นก่อตั้ง หรือไม่ก็ครอบครัวคนเหล่านั้นเท่านั้น ท่านจะชะ-”
“ใจเย็นๆ แล้วฟังข้า!!”
แจนด์ลาส ที่ทำท่าทางตื่นตกใจอยู่สงบลงทันที สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อมันแน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ใช่การช่วยแบบที่หมอนี่เข้าใจ สมาคมนักปรุงโอสถ ก็เหมือนองค์กรต่างๆ ที่คนที่จะมีอำนาจได้ต้องเป็นสายเลือดเดียวกับผู้ก่อตั้งองค์กรขึ้นมาหรืออะไรทำนองนั้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกของโลกยุคกลางเช่นนี้หรอก แต่
“ข้าไม่ได้มีเส้นสาย! ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าในสมาคมนักปรุงโอสถได้! แต่ว่า!! ข้าสามารถทำให้เจ้าเป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุด แห่ง สมาคมโอสถแท้จริง ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ หวังว่าเจ้าคงเข้าใจกับสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ”
“นี่ท่าน… หรือว่า…”
“ถูกต้อง!! ข้าต้องการจะสร้างองค์กรผลิตของโอสถของตัวเองขึ้นมา และตอนนี้ก็กำลังขาดคนที่จะเป็นผู้นำขององค์กรนั้นอยู่ และข้าหวังอย่างยิ่งที่จะได้คนมีความสามารถเช่นเจ้า และนักปรุงโอสถจาก อดีค!!! สมาคมนักปรุงโอสถ ที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิมาเข้าร่วม”
ในสมัยยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ ผมสามารถควบคุมพวกนักปรุงโอสถได้ทั้งหมด เพราะแบบนั้นจึงสามารถสั่งการให้ผลิตโอสถตามที่ตัวเองต้องการได้ แล้วมันก็ช่วยให้กองทัพเผ่ามนุษย์มีพลังค่ามาตรฐานเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าสมัยก่อนอย่างมาก เพราะแบบนั้น การสร้างองค์กรปรุงโอสถของตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในตอนนี้ ยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ยังมาไม่ถึง ทำให้พวกสมาคมนักปรุงโอสถ ก็ยังมีความคิดบ้าๆ กันอยู่ การจะไปเปลี่ยนความคิดพวกนั้นจนสามารถทำงานให้ผมได้มันยากเกินไป เพราะแบบนั้น ผมคิดว่าการสร้างองค์กรขึ้นมาเองมันง่ายกว่าเยอะ
หลังพูดไปได้ไม่นาน แจนด์ลาส ก็ถอนหายใจยาว พร้อมส่ายหน้าไปมา
“ไม่ไหวหรอกครับ! องค์กรหลายองค์กรเคยพยามต่อต้าน สมาคมนักปรุงโอสถ มากันแล้ว แต่ผลที่ออกมาก็คือ ล้มเหลวทั้งหมด! ถึงทางสมาคมจะไม่มีกำลังทหารหรือนักฆ่า แต่ทางสมาคมก็ยังมีอำนาจของเงินที่สะสมมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี ต่อให้เป็นท่านที่รวยที่สุดในจักรวรรดิเวลานี้ก็คงไม่ไหว”
หึหึ! ว่าแล้วหมอนี่ต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมา ตอนนี้มันอาจจะไม่ไหวแบบที่หมอนี่บอกมาจริงๆ ถึงตระกูล วอเตอร์ จะรวยที่สุดในจักรวรรดิในเวลานี้ แต่ว่า เมื่อเทียบกับอำนาจเงินของสมาคมนักปรุงโอสถที่มีอำนาจอยู่ทั่วทวีป บวกกับที่พวกมันสะสมจำนวนเงินมานับร้อยปีตั้งแต่สมาคมของพวกมันก่อตั้งขึ้น เรื่องอำนาจเงินผมสู้พวกมันไม่ได้แน่นอน แต่!! มันก็เฉพาะในตอนนี้เท่านั้นแหละ เหอ! หลังจากอาวุธและเกาะป้องกันจากแร่สวรรค์โดนเปิดตัว …ความต่างชั้นเรื่องนี้จะหายไปทันที
แต่ว่า คงจะบอกเรื่องนั้นตอนนี้ไม่ได้ คงต้องล้มเลิกเรื่องชักชวนไปก่อน
คิดได้แบบนั้น ผมก็ผู้ออกไปว่า
“ถ้างั้นเจ้าก็ค่อยดูไปก่อนแล้วกัน อีกไม่นานข้าคิดว่าเจ้าคงคิดได้ เช่นนั้นตอนนี้ก็เอาวัตถุดิบทั้งหมดมา แล้วข้าก็ขอยืมห้องปรุงยาจากเจ้าด้วย!!”
“ครับ!? ท่านจะปรุงมันด้วยตัวเองงั้นเหรอ?!?!?!”
แจนด์ลาส แสดงใบหน้าตกใจออกมาทันทีหลังผมพูดออกไป วัตถุดิบที่ผมให้หมอนี่ไปหามามันเป็นวัตถุดิบที่หายากทั้งนั้น และแน่นอนเมื่อวัตถุดิบมันเป็นของหายาก็ต้องเป็นนักปรุงโอสถที่มีความสามารถมาปรุงมัน ทว่า ผมกลับบอกว่าตัวเองจะปรุงเองเช่นนี้ ก็คงทำให้แจนด์ลาส แปลกใจไม่ใช่น้อย แต่ที่ผมพูดออกไปมันก็เป็นความจริง ในยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์ ต่อให้เป็นคนธรรมดาที่มีอาชีพปลูกพืชก็ยังปรุงโอสถเป็นกันเลย และคนที่อยู่บนจุดดสูงสุดในสงครามของฝ่ายมนุษย์แบบผม ก็ต้องปรุงโอสถระดับสูงได้เป็นเรื่องธรรมดา
อีกอย่าง โอสถที่จะรักษาอลิส ก็มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปรุงมันได้ ในช่วงเวลาตอนนี้ ถ้าอีกยี่สิบปีต่อจากนี้คงหาคนมีความสามารถปรุงมันได้ไม่ยาก แต่ว่า ยุคสมัยนี้การปรุงโอสถยังไม่เปิดกว้าง มันยังคงเก็บอยู่ในกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น และการสร้างสมาคมโอสถแท้จริง ก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมต้องการการกระจายวิธีปรุงโอสถออกไปด้วย
ตอนนี้เตรียมตัวอะไรได้ก็ต้องเตรียมไปก่อน เพราะเมื่อพวกมันทั้งสองเผ่าบุกขเข้ามามันจะไม่มีการแจ้งเตือนอะไรทั้งสิ้น วันเวลาที่พื้นแผ่นดินอาบไปด้วยเลือดสีแดง เสียงกรีดร้องดังไปทั่วไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันแรกที่พวกมันเริ่มบุกมาผมยังจำทุกรายละเอียดได้ขึ้นใจ
ผมจะไม่ยอมเห็นวันแบบนั้นอีกเด็ดขาด!!
แต่ว่า ก่อนจะไปถึงเรื่องนั้นคงต้องทำให้ทวีปมนุษย์ร่วมกันหนึ่งเดียวกันก่อน ซึ่งการที่จะทำให้ทุกประเทศรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้นั่น ไม่ใช่การเจรจา! ไม่ใช่การต่อรอง! ไม่ใช่การเป็นพันธมิตร! แต่มันคือ การยึดครอง!!!
เจรจา!
ต่อรอง!
พันธมิตร!
เรื่องพวกนั้นมันก็ทำแค่รวมกันได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะงั้นการยึดครองนี่แหละที่จะเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง และทำให้ผมสามารถเตรียมแผนการรับมือพวกมันได้อย่างสบายใจ หึหึ! เป้าหมายอีกยาวไกลก็จริง แต่ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จก่อน 10 ปี!!
“ท่านจะปรุงโอสถระดับสูงแบบนั้นเองเหรอครับ?”
“ใช่! เจ้าแค่เอาของมาให้ข้าและให้ยืมห้องเท่านั้น ไม่ต้องถามอะไรมาก”
“แต่….”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น!! ถ้าไม่พอใจข้าก็พร้อมจะยกเลิกการซื้อขายทันที!!”
เฮ้อ~
หลังผมยื่นคำขาดออกไป เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็ดังออกมาจากทางแจนด์ลาส แล้วหมอนั่นก็ส่ายหน้าไปมาแบบคนเหนื่อยใจ พร้อมกล่าวออกมาค่อยๆ ว่า
“ก็ได้ครับ! ถ้าท่านต้องการแบบนั้นข้าก็ไม่ขัดอะไร….”