การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 53 ประโยชน์มหาศาล จากน้ำตาลที่กว้านซื้อ
ตอนที่ 53 ประโยชน์มหาศาล จากน้ำตาลที่กว้านซื้อ
ออ! ระหว่างได้รับคำถามจากองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ผมก็ใช้หางตามองไปด้านหลังเล็กน้อย คนที่ต้องการรู้คำตอบเรื่องนั้นจริงๆ มันเป็นพวกขุนนางด้านหลังของผมต่างหาก ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนเดี๋ยวพอ หัวหน้ากรมทหาร หรือ ดยุก มอแกน ออกมาก็คงเอาเรื่องนี้มาถามอยู่ดี การถามแบบนี้มันเป็นการกำจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างดี หึหึ! สมแล้วที่เป็นองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ถ้าพระองค์ยังอยู่ตอนเผ่าเทพและเผ่าปีศาจบุกมาโจมตีทวีป มนุษย์อาจจะชนะแล้วได้บุกไปยังดินแดนพวกมันคืนก็ได้
“ข้าได้สูตรขนมมาครับ …มันชื่อว่า ช็อกโกแลต!!”
“ช็อกโกแลต?”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ตอบรับด้วยสีหน้างุนงง มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่คนในจักรวรรดิจะไม่รู้จักมัน… ไม่สิ! ถ้าพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าโลกนี้ไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ช็อกโกแลต! ผลผลิตจากผลไม้เขตร้อนอย่าง โกโก้ มันสามารถปลูกได้เพียงแค่ประเทศทางตอนใต้ของทวีปเท่านั้น อาณาเขตทางใต้ของจักรวรรดิก็สามารถปลูกได้นิดหน่อยเพราะงั้นครั้งนี้ผมคงให้เธอช่วยอีก เหอๆ
“มันทำมาจากโกโก้ครับ ถ้าเอาผสมกับน้ำตาลและผ่านวิธีการทำนิดหน่อยก็จะสามารถเป็นขนมหวานที่แสนอร่อยได้ ข้าเห็นโอกาสในการทำธุรกิจเรื่องของมัน ข้าเลยสะสมน้ำตาลจำนวนมากเพื่อจะผลิตพวกมัน แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเวลาเลยเก็บพวกมันเอาไว้ก่อน และระหว่างนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ ...ส่วนเรื่องผลไม้ที่ชื่อว่า โกโก้ ท่านสามารถถามกับตัวแทนตระกูล กริฟฟอน ได้ ว่ามันมีอยู่จริงไหม?”
สายตาองค์ จักรพรรดิสวรรค์ หันไปเธอทันที
“มันมีจริงคะ!! แต่ว่า!! ตามที่ข้าเคยได้ยินเหล่าสามัญชนแค่เอาเมล็ดพวกมันมาบดแล้วดื่มแทนชากันเท่านั้น ด้วยราคาของมันที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ เหล่าสามัญชนจึงมีการใช้มันมากในประเทศทางใต้และอาณาเขตทางใต้ของจักรวรรดิ อีกอย่าง ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่ามันสามารถเอามาทำขนมได้ด้วย”
“หึหึ! ท่านไม่เคยได้ยินไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถทำได้”
“ออ~! เช่นนั้นท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ สามารถเอามันออกมาให้ข้าดูได้ไหมล่ะ”
“ต้องขอโทษเลดี้แห่งตระกูล กริฟฟอน ด้วย เพราะตอนนี้อยู่ในระหว่างการผลิต และข้าสามารถทำมันออกมาได้ในจำนวนที่น้อยมากๆ เลยยังไม่สามารถเอาออกมาให้ดูได้ แต่วันพรุ่งนี้ข้าสามารถยืนยันได้ทันทีว่ามันเป็นความจริง และจะกลายเป็นสินค้าที่แม้แต่ท่านยังต้องการ”
ผมตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ ให้กับคำถามของ อิเลน่า กริฟฟอน เธอกัดฟันไม่พอใจอย่างชัดเจนแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรตอบกลับมา ท่าทางแบบนั้นของเธอเหมือนในอนาคตหน่อยๆ แล้วละ เหอๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงหน้าตาดีๆ เช่นนี้ เติบโตมาเป็น ‘ราชินีแห่งโทสะ’ เลยจริงๆ
ส่วนเรื่องสินค้าที่แม้แต่คนแบบเธอต้องการมันก็เป็นเรื่องจริง สินค้าขนมหวาน! ของพวกนี้มันได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงชนชั้นสูงอยู่แล้ว การจัดงานเลี้ยงสำหรับผู้หญิงของแบบนี้มันขาดไม่ได้หรอก ตอนแรกก็ว่าจะเอามาเป็นข้อแก้ตัวเรื่องน้ำตาลแต่ตอนนี้ผมเริ่มเห็นทางสร้างอำนาจเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วสิ หึหึ! ช็อกโกแลต ขนมนี่จะเปลี่ยนสถานะงานเลี้ยงทางสังคมของตระกูล วอเตอร์ อย่างมหาศาล
“เช่นนั้นตอนนี้ท่านแกรนด์ดยุก วอเตอร์ ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่ามันทำได้จริง”
ผมพยักหน้าให้กับคำถามของเธอ
“ถูกต้อง!! แต่วันพรุ่งนี้ข้าสามารถเอามันมายืนยันต่อหน้าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ได้แน่นอน”
“เช่นนั้นข้าจะรอดู!!”
“…เอาละ! ในเมื่อแกรนด์ดยุก วอเตอร์ พูดออกมาเช่นนี้ก็มีแต่ต้องรอดูเท่านั้น งั้นตอนนี้พวกเรามาเข้าเรื่องต่อไปเลยดีกว่า หัวหน้ากรมทหาร!! ดยุก มอแกน!!! เจ้าสองคนก้าวออกมาพร้อมกัน”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ เริ่มกล่าวอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปสักพัก แต่การเรียกพวกมันสองคนออกมาพร้อมกันแบบนี้ก็เป็นแบบที่ผมต้องการจริงๆ ตอนนี้เรื่องฟ้องร้องของเหล่าขุนนาง เรื่องการผูกขาดสินค้ามันก็ทำอะไรผมไม่ได้แล้วเพราะจัดการหัวหน้ากรมบริหารไป ก็เปรียบเหมือนกับจัดการข้อฟ้องร้องพวกมันด้วยเช่นกัน
หึ! ของขวัญจากซาอุสคงไม่ต้องเอาออกมาใช้จริงๆ ผิดหวังในตัวพวกแกจริงๆ เฮ้อ~
สิ้นเสียงคำสั่งได้ไม่นาน หัวหน้ากรมทหาร และ ดยุก มอแกน ก็ก้าวออกมาด้านหน้าในระดับเดียวกับผม และเป็นจุดที่ หัวหน้ากรมบริหาร โดนเชือดไปเมื่อกี้
“เช่นนั้นแกรนด์ดยุก วอเตอร์ แก้ต่างเรื่องการถอนกำลังทหารออกมาจนทำให้เกิดความเสียหายมา ถ้าเจ้าไม่สามารถแก้ต่างเรื่องนั้นได้ก็เท่ากับว่า หัวหน้ากรมทหาร ชนะการฟ้องร้องในครั้งนี้”
“ครับ!”
ผมหันไปทางคนจากกรมยุติธรรมที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของมุมห้อง ก่อนจะเข้ามาผมได้ให้อัศวินส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังกรมยุติธรรมทั้งหมดแล้ว ส่วนเหตุผลที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการแรงสนับสนุนจากกรมยุติธรรมให้หลักฐานของผมมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น อีกอย่าง การทำแบบนั้นก็เป็นการทดสอบหัวหน้ากรมยุติธรรมคนปัจจุบันด้วยว่าจะเป็นมิตร หรือศัตรู และจากการปรากฏตัวของคนกรมยุติธรรมก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่ากรมยุติธรรมเลือกเป็นมิตรแล้ว หึหึ!
“ก่อนอื่นข้าอยากส่งเอกสารเรื่องการจ่ายเงินสนับสนุนก่อนครับ …กรมยุติธรรมส่งเอกสารได้”
“ครับ! ท่านแกรนด์ดยุก”
คนจากกรมยุติธรรมเดินเข้ามาต่อหน้าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ทันทีพร้อมกระดาษหลายแผนที่เอามาด้วย องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ไม่รอช้าพระองค์หยิบเอาแผ่นบนสุดแล้วเริ่มกวาดสายตาอ่านมัน
เอกสารนั่นคือเอกสารการเงินที่ตระกูล วอเตอร์ ส่งให้เหล่าขุนนางอาณาเขตทางเหนือทั้งหมด เนื้องจากตระกูล วอเตอร์ ส่งเงินโดยผ่านคนกลางอย่างธนาคารเพื่อง่ายต่อการทุจริตของเจ้า คาสัน รอมเซอร์ เจ้านั่นมันเอาทุกอย่างจริงๆ ขนาดเงินแบบนี้มันยังเอาไปกินได้ เฮ้อ~ แต่ว่า!! ต้องพูดเลยว่ามันคือความโชคดีในความโชคร้ายจริงๆ เพราะการส่งเงินผ่านธนาคารเป็นตัวยืนยันให้ผมอย่างดีว่าผมส่งเงินให้ขุนนางเหล่านั้นจริงๆ
บวกกับการที่คนของกรมยุติธรรมนำออกมาเองแบบนี้อีก ต่อให้เป็นองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธมันได้ รวมถึงพวกขุนนางและหัวหน้ากรมทหารด้วยเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก หลังจากองค์ จักรพรรดิสวรรค์ อ่านประมาณ 3 แผ่น พระองค์ก็เงยหน้ามามองผม
“ข้าเข้าใจแล้วว่าเจ้าส่งเงินไปให้จริงๆ เชิญต่อ!!”
“ครับ!!”
เงื่อนไขเรื่องเงินสนับสนุนเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็กลับเข้ามาเรื่องหลัก!!!
“อันดับแรกข้าต้องขอทวนเรื่องกฎหมายของจักรวรรดิก่อนครับ การที่ขุนนางต้องปกป้องอาณาเขตตัวเองนั่นก็ต้องใช้กำลังทหารของตัวเอง แต่ว่า อาณาเขตของขุนนางกว่า 80% ในอาณาเขตทางเหนือของจักรวรรดิ โดนเข้าประจำการด้วยอัศวินและทหารของตระกูล วอเตอร์ แทบทั้งหมด เช่นนั้นข้าไม่เข้าใจว่ามีกฎหมายข้อไหนที่ข้าต้องคงกำลังเอาไว้ขนาดนั้น เพราะหน้าที่จริงๆ ในการปกป้องมันไม่ใช่ของตระกูล วอเตอร์ แต่มันเป็นหน้าที่ของเหล่าขุนนางที่ข้าส่งเงินสนับสนุนให้ต่างหาก”
ระหว่างกำลังกล่าวอธิบายออกไป ผมก็หันไปหา หัวหน้ากรมทหาร ด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ
“ข้าไม่เข้าใจว่าข้าถอนกำลังทหารตัวเองกลับมาเพื่อให้พวกขุนนางทำหน้าที่มันผิดตรงไหน แถมก่อนการเริ่ม หัวหน้ากรมบริหาร ก็ยืนยันไปแล้วด้วยว่าข้าอพยพชาวบ้านจำนวนมากออกมาพร้อมกับทหาร ดินแดนโดนยึดมันเป็นความผิดของข้าหรือ! หมู่บ้านโดนทำลายมันเป็นความผิดของข้าหรือไง! ทั้งๆที่ข้าแจ้งไปก่อนว่าจะถอนกำลัง แต่เหล่าขุนนางที่รับเงินสนับสนุนไปกลับไม่สามารถปกป้องพื้นที่เอาไว้ได้ สิ่งที่กรมทหารต้องฟ้องจริงๆ ข้าคิดว่ามันไม่น่าใช่ข้าที่โดนฟ้อง แต่เป็นการลงโทษขุนนางเหล่านั้นในบทลงโทษสูงสุดต่างหาก!!”
หัวหน้ากรมทหาร กัดฟันแน่นหลังผมพูดจบ มันคงรู้ตัวอยู่แล้วว่าจะโดนอะไรแต่ครั้งนี้มันคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก เพราะเมื่อกี้มันก็เห็นเต็มสองตาแล้วว่า หัวหน้ากรมบริหาร โดนอะไรไป หึหึ! ตามจริงคนที่ต้องโดนลงโทษมันไม่ใช่ผมอยู่แล้ว แต่เป็นเหล่าขุนนางที่ปล่อยให้ศัตรูยึดพื้นทีได้ขนาดนั้นต่างหาก แต่ว่า ถ้ามันยอมรับสิ่งที่ผมพูดออกไปตอนนี้ก็เท่ากับว่ามันทรยศขุนนางอาณาเขตทางเหนือที่ร่วมมือกับมันในฟ้องร้องผม และเมื่อเป็นแบบนั้น อำนาจของมันในกรมทหารคงไม่เหลือเพราะคงไม่มีใครเชื่อใจมันอีก
และถ้าเกิดมันเลือกอีกทาง บอกว่าที่ผมพูดไปมันไม่เป็นความจริงก็เท่ากับว่ามันกลืนน้ำลายตัวเองที่พูดก่อนการฟ้องร้องเริ่มขึ้น แถมทางผมยังมีกรมยุติธรรม ยืนยันเรื่องการส่งเงิน! ยืนยันเรื่องที่ผมแจ้งขุนนางก่อนแล้วถอนกำลังทหารออกมา! เพียงสองเรื่องนี้น้ำหนักก็มากเกินพอแล้ว
เอาสิ! ช่วยแสดงการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของแกให้ดูหน่อยเถอะ ถ้าเรื่องนี้มันจบง่ายๆ เช่นเดียวกับเรื่องของกรมบริหาร มันจะไปสนุกอะไรละ หึหึ!