51
Ep.51
ฉู่เซวียนเห็นแบบนั้น เขารีบเปิดใช้งานอบิลิตี้คลุ้มคลั่งทันที
พลังรบของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ค่าสเตตัสทุกอย่างพุ่งขึ้นทะลุ 6,000 หน่วย ยกเว้นค่าร่างกาย ทุกอย่างล้วนเหนือกว่าหวังเทียนป่า!
ฉู่เซวียนไม่รอช้า เหวี่ยงหมัดสวนกลับไปตรงๆ บังเกิดเสียงโซนิคบูมดังลั่น
ส่วนเหตุผลที่ไม่ใช้เงาโลหิต นั่นเพราะฉู่เซวียนต้องการทดสอบโหมดคลุ้มคลั่งของเขา ว่าเวลานี้ พลังรบของตนเมื่อเทียบกับผู้ใช้พลังเลเวล 4 ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
และเนื่องจากที่นี่อยู่ไม่ไกลกับสนามประลอง มันจึงเป็นจุดที่มีผู้คนพลุกพล่าน เวลานี้ผู้ชมจำนวนมากได้มารวมตัวกันรอบๆ
ในหมู่พวกเขา มีผู้ชมนับไม่ถ้วนที่ได้เห็นฉู่เซวียนต่อสู้กับปีศาจราตรี เกิดเสียงฮือฮาไปทั่ว
“เทพมรณะกล้าเผชิญหน้ากับหวังเทียนป่าแบบตัวต่อตัว? เขากำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!”
“เลเวล 3 ปะทะ เลเวล 4 ไม่ต้องดูแล้ว คราวนี้เทพมรณะได้ตายสมชื่อแน่ ...” คนที่อยู่ข้างๆถอนหายใจออกมา
บรึ้มมมมม!
ช่วงเวลาสั้นๆ กำปั้นของทั้งสองประสานงากัน บังเกิดเสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นตามมา คลื่นอัดอากาศกวาดฮือ ก่อฝุ่นควันฟุ้งไปทั่ว จนยากที่จะมองเห็นผลลัพธ์ว่าเป็นอย่างไร
ยังไงก็ตาม รอจนกระทั่งฝุ่นจางลง และสามารถมองเห็นฉากที่เกิดขึ้นข้างในได้แล้ว ทุกคนอดยกมือขึ้นขยี้ตาไม่ได้
เห็นแค่เพียงร่างของฉู่เซวียนยังคงหนักแน่น ยืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน จะมีก็เพียงรอยร้าวบนพื้นใต้เท้าเขา
ตรงกันข้าม ร่างของหวังเทียนป่ากลับถอยห่างออกไปไกลกว่าสิบเมตร ขาทั้งสองของเขาฝังลึกลงไปในพื้น โดยเบื้องหน้าจากจุดที่ถอยกรูดออกมา เป็นร่องลึกสองร่องเป็นทางยาว
แล้วอีกอย่าง หลายจุดตามช่วงแขน โดยเฉพาะบริเวณกำปั้นของหวังเทียนป่า ตอนนี้ปรากฏรอยแผลฉีกขาด ทว่าพวกมันกำลังฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
“นี่มันพลังรบของเลเวล 4!” หวังเทียนป่าเงยหน้าขึ้นในฉับพลัน จับจ้องฉู่เซวียนไม่วางตา “แกเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“ฉันน่ะหรอ? ก็เทพมรณะไง” ฉู่เซวียนแค่นเสียงเย็น ปัดฝุ่นตามตัว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อ้อลืมบอกไป แกนี่มันอ่อนแอซะจริง”
“แก!!” ได้ยินคำโคตรแสลงหูนี้ ใบหน้าของหวังเทียนป่าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันใด เตรียมจะโจมตีฉู่เซวียนอีกรอบ
แม้การปะทะกันครั้งแรกจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่นั่นไม่นับเป็นสิ่งใดสำหรับหวังเทียนป่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังฟื้นฟูของเขา ตราบใดที่ยังมีพลังงานเพียงพอ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังสามารถฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงกระแอมเบาๆพลันดังขึ้น น้ำเสียงแผ่วเบาของซ่งหงดังก้องในใจของผู้คนโดยรอบ
“เห็นแก่หน้าฉัน เรื่องบาดหมางในวันนี้ขอให้จบลงเพียงเท่านี้เถอะ”
“พวกเราไป!” หวังเทียนป่าได้ยินคำนี้ เจ้าตัวแค่นเสียงเย็น หลังจากกวาดสายตาเย็นชามองฉู่เซวียน เขาก็หันหลังนำเหล่าผู้ใช้พลังกลับไปยังทิศทางเดิมที่จากมา
ทว่ายามมองแผ่นหลังของเขาในเวลานี้ จะเห็นว่าความองอาจในยามแรก มันดูหมองไปเล็กน้อย
“ขอบคุณเหล่าซ่งที่ช่วยเหลือ” เห็นกลุ่มของหวังเทียนป่าจากไป ฉู่เซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ประสานมือไปทางสนามประลอง
แม้โหมดคลุ้มคลั่งของฉู่เซวียนจะถูกเปิดใช้งานจนทำให้สามารถได้เปรียบหวังเทียนป่า แต่สถานการณ์นี้มีระยะเวลาเพียงนาทีเดียว อีกทั้งอบิลิตี้ของหวังเทียนป่า มันช่วยให้เขาฟื้นฟูตัวเองได้ด้วยอัตราเร็วที่น่าหวาดกลัว ขืนดึงดันสู้ต่อไป ผลลัพธ์อาจไม่ดีอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ฉู่เซวียนไม่รู้ก็คือ เมื่อเขาจากไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ได้แพร่กระจายราวไฟลามทุ่ง
“เฮ้ เฮ้ นายรู้รึยัง วันนี้มีผู้ประลองหน้าใหม่เลเวล 3 เขาสามารถสังหารปีศาจราตรีได้ในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น!”
บนท้องถนน คนสองคนกำลังคุยกัน
“หือ นั่นฟังดูเวอร์ไปหน่อยไหม?” อีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ
“นี่เรื่องจริง! ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเพราะไม่ได้ดูการประลองครั้งนั้น แต่ฉันบังเอิญอยู่แถวๆสนามประลอง ตอนที่เทพมรณะคนนั้นออกมาแล้วดันไปมีปัญหากับหวังเทียนป่าพอดี!”
“หวังเทียนป่า? นั่นมันหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่งนี่ ได้ยินว่าเขาอยู่ในเลเวล 4 มานาน แบบนี้เทพมรณะคงตายไปแล้วสิใช่ไหม?”
“เหอ เหอ นายเดาผิดแล้ว เพราะผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าเทพมรณะคว้าชัยชนะมาได้!”
“แม่มันเถอะ! แบบนี้มันขี้โม้แล้ว นายกำลังโกหกฉันอยู่แน่ๆ”
“ฉันจะโกหกนายทำไม! ฉันอยู่ที่นั่น ฉันเห็นเต็มสองตา! เหอะๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าซ่งผู้คุมสนามประลองออกหน้า ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
เรื่องราวเหล่านี้บอกเล่ากันปากต่อปาก
จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย
และไม่นาน ฉายาเทพมรณะของฉู่เซวียนก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในฐานเทียนหัว ...