49
EP.49
ฝั่งเขตตะวันออก
ที่นี่คือสถานที่ตั้งของกลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมดในฐานเทียนหัว คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีกว่าเขตตะวันตกหลายเท่า
ในอาคารหลังหนึ่งทางทิศตะวันออกที่ประดับประดาราวกับพระราชวัง ชายตัวใหญ่รูปร่างกำยำ หน้าตาคล้ายหน้าบากหวังกำลังดื่มกินกับเหล่าผู้ใช้พลังหลายคน ชายผู้นี้จะเป็นใครอื่นไปได้อีก หากไม่ใช่ผู้นำกลุ่มทหารรับจ้าง หวังเทียนป่า
อย่างไรก็ตาม เวลานี้หวังเทียนป่าอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
ไม่กี่วันก่อน หลานชายเขาเข้าไปในพื้นที่รกร้างและไม่ได้กลับมา เจ้าตัวส่งหลายทีมออกไปค้นหา แต่เกือบทุกคนไม่รอดชีวิตกลับมา ซึ่งนั่นนับเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของพลังรบในกลุ่มทหารรับจ้างพยัคฆ์คลั่ง
การสูญเสียครั้งนี้ กระทั่งหวังเทียนป่ายังรู้สึกปวดใจ และหนึ่งในผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่สามารถหนีกลับมา ได้เล่าว่าพวกเขาเจอบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวมาก ปากเอาแต่พึมพำคำว่า ‘แมลง’ สุดท้ายก็จบชีวิตลงในเวลาต่อมา
แต่ก็ยังมีข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาเมื่อวานนี้ มีคนแจ้งข่าวว่าเจียงฮ่าวที่ถูกหน้าบากหวังพาตัวไป ได้กลับมายังฐานพร้อมกับคนๆหนึ่งที่ชื่อฉู่เซวียน
แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง หวังเทียนป่าจึงยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ในความคิดเขา เจียงฮ่าวเป็นแค่คนธรรมดา ไม่คุ้มค่าให้ต้องยกกองกำลังไป แค่ส่งผู้ใช้พลังซักคนสองคน ก็ตามตัวกลับมาได้แล้ว
“หัวหน้า ผมได้ยินมาจากพี่ชายที่พึ่งกลับจากสนามประลอง ว่ามีผู้ประลองหน้าใหม่ที่ชื่อเทพมรณะ สามารถฆ่าปีศาจราตรีได้อย่างง่ายดาย โดยที่ยังไม่ทันเสียเหงื่อด้วยซ้ำ” ถัดจากหวังเทียนป่า ชายที่มีสีหน้ามืดมนเอ่ยปากรายงาน
“ปีศาจราตรี? ฉันค่อนข้างสนใจเจ้าหมอนั่นนะ อบิลิตี้คำสาปของมันร้ายกาจไม่เลว” หวังเทียนป่าวางแก้วไวน์ลง พยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ครั้งก่อนที่ฉันเห็น ดูเหมือนว่ามันจะชนะติดต่อกันเกือบสิบครั้งแล้ว ทำไมจู่ๆถึงตายง่ายๆแบบนี้?”
ว่าจบ เขาโบกมือโดยไม่เหลียวมอง แทบจะในทันที หญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยรีบดึงองุนจากจานผลไม้ตรงหน้าเขา แล้วบรรจงป้อนเข้าปากหวังเทียนป่า
“ฮี่ ฮี่ ผมได้ยินมาว่าอบิลิตี้ของเทพมรณะประหลาดมาก ดูเหมือนมันจะเรียกว่ากลืนกิน” ชายสีหน้ามืดมนพูดต่อ
“กลืนกิน?” หวังเทียนป่าพอได้ยิน รอยยิ้มน่าสนใจผุดขึ้นบนใบหน้าเขา “ให้ตายเถอะ ช่วงนี้มีปัญหาเยอะจริง เอาไว้กินเสร็จแล้วเดี๋ยวพวกเราแวะไปที่สนามประลองกัน”
“รับทราบท่านหัวหน้า!” เหล่าผู้ใช้พลังในห้องโถงน้อมรับคำสั่ง
กว่าฉู่เซวียนจะออกจากสนามประลองพร้อมเงาโลหิต หากเริ่มนับตั้งแต่ตอนที่เขาสังหารปีศาจราตรี เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว
ขณะที่เขากำลังก้าวเดินออกจากประตู ฉู่เซวียนก็พบว่ามีผู้ใช้พลังหลายคนกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา
หัวหน้าของพวกมันเป็นชายตัวใหญ่กำยำที่มีรูปร่างสูงเกือบสองเมตร มัดกล้ามปูดนูนเห็นได้เด่นชัด ทั้งยังมีบรรยากาศกดดันเล็กน้อยเล็ดลอดออกมาจากร่างกาย
แม้ผู้ใช้พลังคนอื่นๆรอบข้างจะไม่ดีเท่าเขา แต่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวตนที่ผู้ใช้พลังธรรมดาจะเทียบได้
คนบนท้องถนนเมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ พวกเขารีบหลีกทางให้ เว้นระยะห่างทันที กลัวว่าหากไม่ระวังจะพลาดไปยั่วยุพวกมัน
“หวังเทียนป่า?” ฉู่เซวียนเห็นหน้าผู้มาเยือน สองคิ้วเขาขมวดมุ่น ระบุสถานะอีกฝ่ายได้ทันที
จากคำบอกเล่าของเจียงฮ่าว ทำให้ฉู่เซวียนรู้ว่าคนๆนี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่นี่
ฉู่เซวียนหรี่ตาลง จากนั้นก้าวเดินตรงไปยังกลุ่มของหวังเทียนป่าโดยไม่คิดหลีกทาง
ไม่ช้าก็เร็วต้องปะทะกันอยู่แล้ว งั้นขอยั่วโมโหมันเลยแล้วกัน จะได้ถือโอกาสนี้ทดสอบเงาโลหิตที่พึ่งได้มา
“เจ้าหนู เดินไม่มองทางแบบนี้อยากมีปัญหาหรอ!” ข้างๆหวังเทียนป่า ชายผมแดงคนหนึ่งตวาดใส่เขา
ฉู่เซวียนหัวเราะเบาๆ มุมปากผุดยิ้มหยาม เอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “หนวกหูจริง! เสียงหมาที่ไหนมันเห่ากันนะ?”