ตอนที่ 413+414 การแต่งงานของเหวยฉี
“เด็กพวกนั้นทุกคนถูกแฟนธ่อมเข้าทั้งหมดเลยเหรอ? พอหมดสัญญาเช่าก็ส่งคืนทั้งหมด?” ลู่ชิงสีรู้สึกสงสัย
“อย่างน้อยก็ควรจะเป็นไปตามที่เพื่อนฉันเขาสืบมา แฟนธ่อมถูกพบอยู่ในเมืองจินเพราะเขาต้องส่งคืนเด็กห้าคนที่มาจากหมู่บ้านเดียว เส้นทางที่เขาจะไปผ่านเมืองจิน เขาเลยแวะดูว่าที่นี่มีใครอยากจะปล่อยเช่าเด็กบ้าง” โจวเหวยฉีเข้าใจความกังวลของลู่ชิงสี “ผู้ชายที่ใช้ชื่อว่าแฟนธ่อมคนนี้ เขาก็พอมีคุณธรรมอยู่บ้าง เพื่อนฉันเขาว่า เจ้าแฟนธ่อมคนนี้ก็เป็นคนดีใช้ได้ทีเดียว”
โลกเป็นสถานที่แปลกประหลาด มีวิธีสร้างรายได้มากมายหลากหลายวิธี
ในความเห็นของเจียงเหยา พ่อแม่ทำผิดที่ปล่อยเช่าลูกตัวเองเพื่อเงิน แต่เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแฟนธ่อม อย่างน้อยเขาก็ส่งคืนเด็กให้พ่อแม่ในสภาพปกติ
“ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทุวัน” หลัวเหลาหรุนหัวเราะคิกคัก “ฉันโชคดีเสียจริงที่พ่อแม่ดูแลฉันดีเหมือนเจ้าหญิง”
“ครอบครัวเธอรวยนี่ เหลาหรุน ในชนบท มีหลายครอบครัวที่มีลูกมาเกินไปแต่แทบจะไม่มีเงินเลย นี่เป็นทางออกเดียวของพวกเขา” โจวเหวยฉีอธิบาย
“ใช่” เจียงเหยาพยักหน้า เหรียญย่อมมีสองด้าน
โจวเหวยฉีพูดถูก บางทีพ่อแม่อาจไม่มีทางเลือก เจียงเหยารู้สึกขอบคุณที่ครอบครัวของเธอไม่ได้ยากจนเหมือนคนอื่น ๆ
แม้ว่าพวกขเจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แต่ก็ไม่ต้องหลับไปทั้งที่ท้องยังหิวโหย และยังมีหลังคาคลุมหัว เธอเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความรักและความห่วงใยของพ่อแม่และพี่ ๆ ของเธอ
“โอ้ใช่ เหวยฉี ฉันได้ยินมาเมื่อวานว่าครอบครัวนาย ต้องการให้นายแต่งงานกับตระกูลจางเหรอ เธอชื่ออะไรล่ะ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของเธอมาก่อน” หลัวเหลาหรุนจำบางเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเพื่อนของพ่อและแม่ของเธอ “นายไม่ได้ชอบสาวยิ้มสวยในออฟฟิตของนายหรอกเหรอ?”
“จางหลานเซียง เพื่อนของโจวหนิง หรือควรบอกว่าปลิงของโจวหนิงดี เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญที่สุด” โจวเหวยฉีทำหน้าบึ้งเมื่อนึกถึงเธอ “ใครจะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในตระกูลโจว มักคิดแต่เรื่องแปลก ๆ อยู่ตลอด เมื่อสองสามวันก่อน พวกเขาเรียกฉันกลับไปที่บ้าน เพื่อแนะนำแฟนให้ฉันรู้จัก มาบอกว่าฉันถึงวัยที่จะต้องแต่งงาน หลังจากพี่ฉันแต่งเสร็จ ก็จะให้ฉันแต่งเลย”
เจียงเหยาไม่เข้าใจเรื่องที่โจวเหวยฉีกำลังพูด เธอหันไปทางลู่ชิงสีด้วยท่าทางงงงวยและถามว่า “โจวหนิงคือใครคะ?”
“น้องสาวคนละแม่ของเหวยฉี เขามีพี่ชายคนแม่อีกคนชื่อโจวฉางข่าง ส่วนโจวฉางข่างกับโจวหนิงเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน” ลู่ชิงสีดูจะคุ้นเคยกับตระกูลโจวเป็นอย่างดี
“นางมารนั่นอยากให้นายแต่งงานกับเพื่อนสนิทของลูกสาวเธออย่างนั้นเหรอ?” หลัวเหลาหรุนตกตะลึง “ถ้าจำไม่ผิด โจวหนิงมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ดูเหมือนจะสนิทกันมากด้วยสิ คงจะเป็นจางหลานเซียงล่ะมั้ง! เธอก็รู้สถานะของนายในครอบครัว ทำไมเธอถึงยอมแต่งงานกับนาย? แล้วโจวหนิงยอมให้เพื่อนสนิทของเธอแต่งกับนายจริง ๆ เหรอ?”
__
ตอนที่ 414 ปล้นชิงทรัพย์
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” โจวเหวยฉีเกาศีรษะอย่างไม่สบายใจ “พ่อของจางหลานเซียงเป็นคนงานในโรงงาน แม่เธอเป็นแม่ค้าเร่ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอใช้ประโยชน์จากโจวหนิงเพื่อให้ได้เจอกับคนรวย”
โจวเหวยฉีหยุดชั่วครู่และสั่นเมื่อนึกถึงจางหลานเซียงเห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเกลียดเธอมาก
“อย่างที่พูด ทำไมเธอจะไม่รู้สถานการณ์ของฉัน? ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมคนทะเยอทะยานอย่างเธอถึงได้ชายตามองฉัน? แต่ดู ๆ ไปแล้ว เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ที่ถูกจับให้คู่กับฉัน หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย นั่นเป็นครั้งล่าสุดแล้วที่ฉันได้ยินอะไรจากบอกนางมารนั่น”
เจียงเหยารู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าโจวเหวยฉีไม่มีค่าในสายตาของครอบครัวเขา แม้ว่าเธอจะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดของเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าโจวเหวยฉีจะมีแม่เลี้ยงที่ร้ายกาจและมีน้องสาวที่น่ารังเกียจที่พยายามจัดการเขาอยู่เสมอ
เธอกำลังฟังการสนทนา ที่เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตระกูลโจว ก่อนจะเดินไปพยุงลู่ชิงสีและนั่งลงบนม้านั่งหินอ่อนด้วยกัน เหม่อมองไปยังผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องแหลมก็ดังขึ้นมาตามอากาศไกล ๆ
เจียงเหยาหายใจช้าลงตามสัญชาตญาณและตั้งใจฟัง นั่นไง! มีคนกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ
“โจรปล้น! โจรปล้น!”
เจียงเหยาลุกขึ้นทันที หันไปทางคนอื่น ๆ และพูดขึ้น “แถว ๆ นี้เกิดการปล้น!”
ลู่ชิงสีเหลือบมองไปที่เจียงเหยาและหันศีรษะมองไปรอบ ๆ พยายามฟัง เขาส่ายหน้า “ที่ไหน?”
“มีคนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ข้างหน้านู้น คุณไม่ได้ยินเหรอ เสียงดังออก!” เจียงเหยามองไปที่ลู่ชิงสีด้วยความสับสน เธอหันไปหาหลัวเหลาหรุนและถาม “ได้ยินไหม”
หลัวเหลาหรุนกำลังพูดคุยเรื่องของครอบครัวโจวอย่างเมามัน เมื่อเธอถูกถาม เธอมองไปที่เจียงเหยาอย่างว่างเปล่า “ได้ยินอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
“มีคนร้องขอความช่วยเหลือ มีการปล้นชิงทรัพย์เกิดขึ้น!” เจียงเหยาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกและเหลือบมองกลับไปที่ทิศทางของเสียงนั้น น่าแปลกที่ดูเหมือนไม่มีความโกลาหลในหมู่ฝูงชน
“เราไม่ได้ยินอะไรเลยนะ” ทั้งหลัวเหลาหรุนและโจวเหวยฉีส่ายหน้า
พวกเขาไม่ได้ล้อเธอเล่น แต่เจียงเหยามั่นใจว่าเธอได้ยินมันจริง ๆ และดูเหมือนว่ามันจะใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะไม่มีใครตอบสนองก็ตาม
เธอมีอาการประสาทหลอนเหรอ? เจียงเหยาก้าวไปข้างหน้า ขยี้ตาและมองไปยังทิศทางที่เธอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เธอลืมตาและเห็นชายวันสามสิบคนหนึ่ง สวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำ กางเกงยีนส์ ถือกระเป๋าเงินของผู้หญิงอยู่ในมือ เขาผลักคนเดินถนนออกไปขณะที่กำลังวิ่ง เมื่อมองตามไปเห็นหญิงสาวและเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายวิ่งตามเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นมันวิ่งราวนี่ เขากำลังวิ่งไปที่ถนนหน้าสวย ซึ่งคั่นด้วยรั้วเหล็กสูง
“นั่นไง! กำลังวิ่งมาทางเราแล้ว” เจียงเหยาพูดเสียงดัง มองไปที่รั้วเหล็กและวิ่งไปตามสัญชาตญาณ เธอคว้ารั้วแล้วกระโดดข้ามรั้วสูงอย่างสบาย ๆ
ทุกคนต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างงงวย
ลู่ชิงสีเห็นเจียงบเหยายื่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและมองไปทางด้านหน้าก่อนที่จะวิ่งตามออกไป เธอวิ่งเร็วดั่งสายลมและหายลับไปจนมองตามไม่ทัน