จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 592
บทที่ 592: แส้ซอลเทรส
ลูหลี่กำลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่
เขานึกถึงข้อความที่แกะสลักไว้ที่ด้านบนของประตูดันเจี้ยน
เมืองนี้อยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโทรลแห่งทะเลทรายอันแสนโกรธเกรี้ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในสิ่งมีชีวิตที่ใช้เวทย์มนต์ดำ
ในตำนานของโทรล มีอาวุธที่ถูกเรียกว่า แส้ซอลเทรส อยู่ แม้แต่คนที่แสนอ่อนแอที่จับไอเท็มชิ้นนี้ก็สามารถเอาชนะศัตรูที่แสนแข็งแกร่งได้เลย
มีคนนับไม่ถ้วนที่ต้องการครอบครองไอเท็มชิ้นนี้
มันผ่านมานานมากแล้ว แต่ก็มีคนกล่าวไว้ว่าไอเท็มชิ้นนี้ได้ถูกแยกเป็นสองส่วนและอยู่ในทะเลทรายซอลฟาแรค
น่าจะเป็นเพราะเขาเป็น ดรูอิดในชีวิตที่ผ่านมาของเขา นั้นจึงทำให้เขาไม่สนใจชิ้นส่วนประกอบของมันอย่าง สิ่งแบ่งแยกแซงเทรสและผู้พิทักษ์แจงเทรส ถ้ารวมพวกมันเข้าด้วยกันก็จะได้ แส้ซอลเทรส
ชื่ออาวุธนี้เองก็มาจากในชีวิตจริง
เมื่อไม่นานมานี้ มีเครื่องบินรบของกองทัพโซเวียต ได้แก่ MiG 27 ซึ่งมีชื่อเล่นว่าแส้ ส่วนเองก็ซอลเทรสเป็นชื่อของระบบเฝ้าระวังใต้น้ำของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม แส้ซอลเทรสนั้นไม่ควรนำไปเทียบกับอาเคอุสได้เลย
มันทั้งไม่มีเนื้อเรื่องอะไรอยู่เบื้องหลัง อัพเกรดก็ไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของมันลดน้อยลงไปเลย ลูหลี่จำได้เลยว่าในชีวิตก่อนของเขา ที่ทะเลทรายบนทานาริสมีเสียงโวกเวกของคนอยู่มากมาย
"ขาดคนหนึ่งไปเคลียร์ดันทราย หาคนที่ไม่ต้องการดาบพระเจ้า ... "
หลังจากมีฮีลเลอร์และแท๊งค์แล้ว พวกเขาก็จะเข้าไปข้างในและต่อสู้กับบอส ไอเท็มทั้งหมดที่ดรอบลงมาจะสุ่มแจกจ่ายกัน ยกเว้นดาบพระเจ้า...
คนที่มีสิ่งแบ่งแยกจะขอแค่ผู้พิทักษ์ จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นเพื่อนกันและช่วยหาของนานนับสัปดาห์ จนได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
มีมิตรภาพจำนวนมากที่เกิดจากสิ่งนี้
เสียงตะโกนที่ดังอยู่ในความทรงจำของลูหลี่เป็นการบอกได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวาขนาดไหน มีผู้เล่นระดับ 60 หลายคนอยู่ที่นี้ พวกเขาต่างก็เดินทางกันมาเพื่อหาดาบพระเจ้า
ซึ่งเหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็คงเพราะ ซอลเทรส มันฟังดูเท่ยังไงล่ะ
มันสามารถเปลี่ยนแปลงสถานะของมันและก็เป็นอาวุธที่แสนจะรุนแรงมากได้
ที่ระดับ 40 ค่าสถานะของซอลเทรสก็ยังดีอยู่ มันดีซะยิ่งกว่าอาเคอุสที่ยังไม่อัพเกรดเสียอีก
ดังนั้นแล้ว ซอลฟาแรคจึงเปรียบเสมือนกับดินแดนสวรรค์ของเหล่านักรบและพาลาดิน ซึ่งมันเป็นกรณีพิเศษเลยที่พาลาดินสามารถใช้ดาบสองมือได้ แต่พวกเขาไม่สามารถใช้มันร่วมกันได้
แต่ซอลเทรสนั้นไม่ใช่ ถ้าคุณเห็นพาลาดินใช้ดาบสองมือข้างหนึ่งส่วนอีกมือก็ถือดาบมือเดียว นั้นแสดงว่าคนๆนั้นกำลังใช้แส้ซอลเทรสอยู่
สิ่งแบ่งแยกแซงแทรสและผู้พิทักษ์แจงเทสมีโอกาสน้อยมากที่จะดรอบลงมา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกมันคงจะไม่ได้ถูกแย่งโดยนักรบกับพาลาดินมากขนาดนั้นหรอก ในอดีตมันมักจะดรอบโดยแอนทูซอลที่พวกเขาเพิ่งจะฆ่าไปและหัวหน้าอูคอร์ส แซนด์สเคป
"พเนจร มูนไลท์ ... " ลูหลี่หยุดพูดชั่วครู่แล้วมองไปที่อาเซอร์ซีบรีสที่กำลังชูแขนโบกไปมาอยู่ "โอเคซีบรีส นายก็ทอยเต๋าได้เลย ใครที่ทอยได้มากสุดก็เอามันไป นายจะตำหนิอะไรฉันไม่ได้นะ"
ถ้าไอเท็มชิ้นนี้ทรงพลังมากจริงๆ ลูหลี่คงจะให้มันกับมูนไลท์ไปแล้ว
มูนไลท์นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถพึ่งพาได้ แต่ซอลเทรสไม่ใช่อาวุธที่ทรงพลังที่สุด แต่มันก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่ดี
ผู้เล่นอาชีพเกราะต่างก็จ้องหน้าซึ่งกันและกัน ดาบเล่มนี้มันไม่ได้ดีจริงๆใช่ไหม? แล้วมันจำเป็นที่จะต้องแย่งกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
อาเซอร์ซีบรีสเกาะหน้าตัวเองและก็พูดออกมา"ฉันเป็นผู้เล่นสายป้องกัน ฉันคงไม่จำเป็นต้องใช้ดาบหรอก แต่ฉันไม่คิดเลยนะว่าเราจะไม่ได้รับอุปกรณ์ระดับทองดำเลยสักชิ้น"
สิ่งที่เขาต้องการพูดนั้นอยู่ที่ประโยคหลัง ความคาดหวังของเขาต่อไอเท็มที่บอสดรอบนั้นสูงมากและเขาก็กำลังดูถูกอาวุธชิ้นนี้อยู่
"ถึงฉันไม่ได้มันฉันก็ไม่ได้คิดมากเลยสักนิด" มูนไลท์พูดขึ้นมา
เขาได้รับขวานหินทองระดับ 30 ที่มีอัตราเจาะเกราะ 30% และยังทำให้เพื่อนร่วมทีมของเขาเพิ่มพลังโจมตีตั้ง 20% อยู่แล้ว แค่นี้มันก็ทำให้เขาเฉิดฉายมากพอและยังดูดีมากกว่าดาบระดับทองนี้อีก
"ช่างเป็นอุปกรณ์ที่น่าเกลียดน่าชังอะไรอย่างนี้ จริงๆแล้วมันไม่สำคัญเลยนะว่าฉันจะสวมใส่อะไรอยู่ เพราะยังไงฉันก็ดูดีอยู่แล้ว ฉันก็เหมือนกับพวกนายที่คิดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะใส่อยู่ตลอดนั้นแหละ ... "พเนจรพูดออกมาขณะที่เขาส่ายอาวุธระดับเงินในมือไปมา
พวกเขาอยากจะฆ่าไอ้คนนี้ซะเหลือเกิน!
เมื่อไม่มีใครต้องการมัน ลูหลี่ก็เลยไม่ได้ให้อุปกรณ์กับใครไป พร้อมกับอธิบายถึงความลับที่แท้จริงของมัน
ดวงตาของผู้เล่นอาชีพเกราะทั้งสามคนสว่างวาบกันแทบจะในทันที
ความคิดแรกของมูนไลท์คือ ถ้าเขาสามารถสลับความสามารถของอาวุธได้ มันก็จะทำให้เขามีเทคนิคการต่อสู้ที่มากขึ้นเยอะเลย นั้นจะทำให้เขาต่อสู้ได้ดุดันยิ่งขึ้นและคงจะไม่มีใครคาดคิดถึงเขาที่ใช้วิธีการต่อสู้แบบนั้นแน่
ในขณะที่อาเซอรืซีบรีสเองก็ตกอยู่ในภวังความคิดเช่นเดียวกัน ด้วยไอเท็มเท่ๆแบบนี้ เขาจะต้องดึงดูดความสนใจของสาวๆทุกๆคนที่เขาเดินผ่านแน่นอน แต่ถ้าเขาดึงดูดความสนใจมากเกินไปล่ะ? เขาจะไล่พวกเธอไปยังไงกันนะ ...
พเนจรเองก็รู้สึกโกรธ "ลูหลี่ นายมันงี่เง่า ทั้งสองคนก็บอกแล้วว่าไม่เอามัน ทำไมนายถึงไม่ให้ฉันเลยล่ะฟ่ะ? มีแต่เพียงคนที่สมบูรณ์แบบอย่างฉันเท่านั้นแหละที่เหมาะสมกับอาวุธอันแสนวิเศษแบบนี้ "
มูนไลท์: "ทอยลูกเต๋า!"
อาเซอร์ซีบรีส: "ฉันก็ต้องการทอยเหมือนกัน ฉันก็สามารถใช้มันได้นะ ทำไมเราถึงไม่ทอยกันล่ะ?"
พเนจร: "โอ้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไอเท็มชิ้นนี้ต้องเป็นของฉัน! ส่งมาให้ฉันซร้าา"
ลูหลี่ยิ้มขณะมองดูพวกเขาทะเลาะกัน พวกเขาได้ไปที่โรงเตี๊ยมกันเมื่อวานนี้และหลังจากดื่มไปมากมาย พวกเขาก็ได้กลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่ในตอนนี้พวกเขาก็กำลังสู้กันอยู่เพื่อแย่งดาบพระเจ้าเล่มนี้
ซึ่งอาเซอร์ซีบรีสก็ได้โจมตีโดยใช้คำพูดกระแทกกระทันถึงการเซนส์แต่งตัวของพเนจร
ลูหลี่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแอสคานดิ ดาบแห่งพี่น้อง เพราะมันเคยมีคำพูดว่า "เมื่อแอสคานดิได้ตกลงสู่พื้น ก็ไม่มีคำว่าพี่น้องอีกแล้ว"
มันก็เหมือนกับกรณีปาร์ตี้ที่จัดทีมกันมาแบบสุ่มๆ เมื่อผู้เล่นเห็นคนมีดาบนี้ในครอบครอง พวกเขาต่างก็อยากที่จะเข้าร่วมปาร์ตี้กันบคนๆนั้น ซึ่งจำนวนที่มีคนฆ่ากันเพื่อไอเท็มชิ้นนี้นั้นมากมายเกินกว่าที่จะนับไหว แม้แต่บางสมาคมก็เป็นกันและก็มีหลายสมาคมที่ล่มลงไป เพราะไอเท็มชิ้นนี้
ซึ่งนี้มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเกม
ไม่ว่าใครจะได้รับมันไป ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูหลี่เลย ถึงแม้โจรจะสามารถใช้ดาบมือเดียวได้ แต่เขาไม่สามารถใช้ดาบสองมือได้
ในท้ายที่สุด ผู้เล่นอาชีพเกราะทั้งสามคนก็ได้ใช้การทอยลูกเต๋าเพื่อแก้ปัญหานี้
พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนค่อนข้างมั่นใจในดวงของตัว แต่ผลลัพธ์ของการทอยก็คือ 6 22 และ 33 ซึ่งก็เป็นมูนไลท์ที่ได้ไป มันช่างเป็นการทอยลูกเต๋าที่เรียกได้ว่าไม่น่าตื่นเต้นที่สุดเลยก็ได้
ลูหลี่เองก็ไม่ใช่คนดวงดีเท่าไหร่และก็ได้ลองทอยลูกเต๋าดู
เขาได้แค่ 5 คะแนนและเขาก็โดนคนอื่นๆด่าเขา [เขาจะทอยกันสามคน]
ลูหลี่ให้ไอเท็มกับมูนไลท์และดำเนินการเคลียร์ดันเจี้ยนต่อ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้บอกกลยุทธ์ให้แฟรี่น้ำรู้ ส่วนเรื่องที่สมาคมดิสซี่คอสได้กลยุทธ์ของการจัดการกับบอสตัวนี้ไป ก็เป็นเรื่องธุรกิจระหว่างพวกเขาแหละนะ