ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 469
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 471

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 470


บทที่ 470: ผู้เล่น PVP ระดับมืออาชีพ

นอกเหนือจากมูนไลท์แล้ว มาสเรนก็สามารถเทียบกับเทือกเขาสีขาวที่อยู่ในสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศได้ นักบวชเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการต่อสู้ PVP 5v5 เพราะพวกเขาสามารถรักษาเป็นพื้นที่ได้ ซึ่งแตกต่างไปจากฮีลเลอร์พาลาดิน ส่วนทีมที่เหลือก็ประกอบไปด้วยลิงอ้วนและซากุระ ซึ่งก็เป็นชาแมนที่เรียนรู้ทักษะดูดเลือดมาแล้ว

รูปแบบของ PVP ในตอนนี้ให้ความสำคัญกับนักบวชและนักเวทย์มากกว่า พาลาดินและนักรบ

เมื่อมองไปที่ทีมชั้นนำเกือบทุกทีม มักจะประกอบไปด้วยอาชีพโจมตีระยะไกลอย่างน้อยหนึ่งอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเวทย์มนต์อย่างนักเวทย์หรือพ่อมด ส่วนทีมอื่นก็มีอย่างนักบวชแห่งความมืดและชาแมนธาตุ

ซึ่งชาแมนคนอื่นนอกจากซากุระที่เรียนรู้ดูดเลือดมา ก็มีเพียงว่างเปล่าจากสมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศเท่านั้นที่มีทักษะนี้ด้วย

ถึงแม้เทคนิคของซากุระจะแค่ปานกลาง แต่เธอก็ยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญในการ PVP เนื่องจากเธอมีทักษะดูดเลือด

"ฉันเข้าใจ ... " มู่ฉีกล่าวออกมาโดยไม่ปิดบังความผิดหวังเลยซักนิด

ทุกๆคนก็อยากจะเข้าร่วมทีมและเข้าไปนำชัยชนะมาจากการแข่งขันทั้งนั้น

ไม่มีใครที่อยากจะอยู่ในทีมอ่อนแอๆหรอกนะ ซึ่งเขาก็ได้ติดต่อไปหาหลายสมาคมเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ได้ปฏิเสธเขาไป

"ผมอยากจะให้คุณเป็นตัวสำรองของชาแมนเรา เพราะเธอไม่ค่อยที่จะคุ้นชินกับการ PVP เท่าไหร่นัก" ลูหลี่บอกอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่กลัวที่จะปกปิดชาแมนที่เป็นจุดอ่อนในทีมเลย

ซากุระนั้นเป็นนักเพิ่มระดับและเธอเพิ่งจะมามีบทบาทในการ PVP เท่านั้น

แม้ว่าเธอจะมีพรสวรรค์และศักยภาพสูง เมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่นๆ แต่เธอก็ยังห่างไกลจากคำว่าผู้เชี่ยวชาญในการ PVP

ในความเป็นจริงแล้ว ลูหลี่ไม่จำเป็นที่จะต้องเซนต์สัญญากับผู้เล่นสตาร์คนอื่นเลย

อย่างไรก็ตาม เขากำลังมองหาทีมในอนาคตของสมาคมอยู่ ทีม PVP จะมีประโยชน์มากสำหรับสมาคมในอนาคตและสมาชิกทีมแค่ 5 คนนั้นไม่เพียงพออย่างแน่นอน

สำหรับการแข่งขันในอนาคตอย่าง โปรลีคของเกมรุ่งอรุณ สมาชิกทีมจะต้องมีอย่างน้อย 8-9 คน

นอกจากนี้แล้ว มู่ฉียังเหมาะกับการ PVP ด้วย เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ เขาเป็นมืออาชีพและยังมีศักยภาพที่ดีอีก ถึงแม้ว่าเขาจะหาสไตล์การเล่นของเขาไม่เจอ แต่ลูหลี่ก็รู้ถึงเรื่องในอนาคตดี

"ฉันแค่อยากจะอยู่ในการแข่งขันเท่านั้นเอง ฉันไม่สนใจสิ่งที่จะต้องแลกมาหรอก ขอแค่ฉันได้อยู่บนเวทีก็พอ "มู่ฉีถอนหายใจ

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่เขานั้นไม่ได้ตามหวัง

"ผมได้ยินมาว่า ในท้ายปีนี้จะมีโอกาสที่จะเกิดการแข่งขันครั้งใหญ่ขึ้น" ลูหลี่ได้กล่าวออกมา แฟรี่น้ำก็รู้สึกตกใจที่ลูหลี่รู้เรื่องนี้ด้วย

เธอเพิ่งจะได้ยินเรื่องนี้จากแหล่งข่าวของเธอ ทีมพัฒนาเพิ่งจะเริ่มคุยถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดแข่งแบบยิ่งใหญ่เกิน แล้วลูหลี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?

ลูหลี่ไม่ได้มีเพื่อนหรือส่วนเกี่ยวข้องกับผู้พัฒนาเกมรุ่งอรุณเลย ที่เขารู้เพราะเขาได้มาเกิดใหม่ยังไงล่ะ

ในช่วงปลายปีนี้ คณะกรรมการการแข่งขันที่เข้าร่วมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันถ้วงเงา ถ้วยเวทย์มนต์และการแข่งขันอื่นๆจะร่วมมือกันจัดการแข่งขันโปรลีคของเกมรุ่งอรุณครั้งแรก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความนิยมในเกมประเภท MMORPGs โปรลีครุ่งอรุณจึงเป็นการแข่งขันที่สำคัญกว่า NBA และ Asia Cup ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่มียอดผู้ชมสูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว

"นายหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ?"มู่ฉีไม่เข้าใจที่เขาพูด แฟรี่น้ำเองก็อยากรู้เหมือนกัน

"ปัจจุบัน การแข่งขันถ้วยเงาและถ้วยเวทย์มนต์เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันแบบ 3v3 หรือ 5v5 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันในอนาคต ผู้เล่นจะได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กันมากขึ้น ดังนั้นแล้ว เราจึงต้องการผู้เล่นที่มาลงแข่ง PVP เพิ่ม เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ผมต้องการที่จะเซ็นต์สัญญากับคุณ 1 ล้านเหรียญ"ลูหลี่กล่าว

"ตกลง ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถึงเงินค่าสัญญาจะน้อยกว่านี้ก็ตาม "มู่ฉีได้พูดบอกกับลูหลี่ที่กำลังเครียดอยู่

"แค่ล้านเดียวงั้นเหรอ ต่ำกว่านั้นคุณก็จะเอางั้นเหรอ?"แฟรี่น้ำรู้สึกไม่พอใจกับเงินค่าสัญญาที่ต่ำของลูหลี่

แม้ว่าในด้านธุรกิจ แฟรี่น้ำจะเป็นผู้หญิงแสนเย็นชา แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับ PVP แล้ว เธอจะเป็นไปอีกแบบหนึ่งเลย ดังนั้นแล้ว มันจึงช่วยไม่ได้ที่เธอจะเห็นใจกับผู้เชี่ยวชาญ PVP คนอื่นๆ และข้อเสนอของลูหลี่ก็ทำให้เธออึดอัดมาก

"ให้ฉันพูดเสร็จก่อนเถอะ" ลูหลี่โกรธเพราะถูกขัดจังหวะ

เขารู้สึกเหมือนกับถูกแฟรี่น้ำทรยศเลย

"... ." แฟรี่น้ำหน้ามุ่ยและเงียบลงไป

"หนึ่งล้านอาจจะต่ำเกินไป แล้วประมาณ 1.8 ล้านเหรียญล่ะ?"ลูหลี่พูดออกมา เมื่อจำได้ว่าตอนที่มู่ฉีเซ็นต์สัญญากับสมาคมธงสงครามสีเลือด เขาได้รับเงินไปถึง 1.5 ล้านเหรียญ ซึ่งนั้นก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้เล่น PVP เลย

แม้ว่าลูหลี่จะเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้วิธีใช้จ่ายเงิน ข้อเสนอที่เขาให้ไปนั้น ไม่ได้ต่ำและสูงจนเกินไป

แม้ว่าเขาจะเสนอราคาต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญ แต่มู่ฉีก็คงจะลดฐิติลงและยอมรับมันอยู่ดี อย่างไรก็ตาม เขาจะเก็บความขุ่นเคืองใจไว้และในอนาคตมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับตัวลูหลี่ จากนั้น เมื่อใกล้จะหมดสัญญาเขาก็จะเรียกเงินเพิ่ม ซึ่งหากเกิดแบบนั้นขึ้น ลูหลี่ก็จะเสียเงินไปในระยะยาว

ด้วยข้อเสนอที่ได้รับเงินเพิ่มขึ้น มู่ฉีก็รู้สึกดีใจและยอมรับมัน

"แม้ว่าผมจะคิดว่าคุณมีคุณค่ามากว่านี้ แต่สมาคมกฏแห่งดาบเพิ่งจะสร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้นแล้ว เราจึงไม่สามารถที่จะให้ได้มากกว่านี้แล้ว พี่ชาย ผมเสียใจจริงๆ แต่นี่คือทั้งหมดที่ผมสามารถให้ได้แล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะทำให้หลายคนเสียใจเลย หากคุณไม่ได้เซ็นต์สัญญาร่วมทีมกับเรา "ลูหลี่กล่าวขณะที่กอดอกพร้อมกับมองไปรอบๆเขา

"สมาคมกฏแห่งดาบไม่มีเงิน" แฟรี่น้ำกล่าวขัดจังหวะในทันทีทันใด "แต่ฉันมีนะ... "

ลูหลี่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด

"ตกลง สัญญาของฉันกับสมาคมกฏแห่งดาบจะหมดลงในอีกสองสามวัน พวกเขาไม่ต้องการจะเซ็นต์สัญญากับฉันอีกครั้งแล้ว ดังนั้นฉันดีใจมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ "มู่ฉีตอบกลับไปขณะยืนที่ขึ้นและจับมือของลูหลี่" ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันก็เป็นสมาชิกสมาคมกฏแห่งดาบแล้ว "

แม้ว่าสมาคมธงสงครามสีเลือดจะไม่ได้มีประวัติที่สะอาดนัก แต่ก็ยังเป็นสมาคมที่มีความเป็นธรรมและยุติธรรมดี พวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับมู่ฉีเลย แม้ว่าเขาต้องการจะออกไปก็ตาม

"งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกเรื่องนี้ให้กับสแควรูทสามฟัง ส่วนคุณก็ควรที่จะเก็บของแล้วไปที่เมืองกังนัมได้แล้วนะ ที่นั่นจะมีคนช่วยคุณจัดการเรื่องต่างๆเอง "ลูหลี่กล่าว

"เมืองกังนัมงั้นเหรอ?"แฟรี่น้ำรู้สึกประหลาดใจ ราวกับว่าเธอได้รู้ความลับบางอย่าง เธอไม่รู้เลยว่าลูหลี่จะอยู่ใกล้กับเธอมากขนาดนี้

"ตกลง ฉันจะไปที่นั่นในวันพรุ่งนี้แล้วกัน "มู่ฉีกล่าวขึ้นมา เขาณู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้าร่วมกับสมาคมใหม่

"นี่คืออนาคตที่สดใสสำหรับสมาคมกฏแห่งดาบ"ลูหลี่ยกแก้วขึ้นมาเชียร์พร้อมส่งเสียงพูดดังลั่น

ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นวัยรุ่นที่เดินเล่นตามถนนในเขตสลัมและขอร้องคนอื่น เพื่อที่จะได้รับเงินมาพอประทังชีวิต ครั้งหนึ่ง เขาเป็นพี่ชายที่ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อหาเงินมารักษาน้องสาวของเขา ตอนนี้ ชายคนนั้นได้กลายเป็นผู้นำที่กระหายทั้งความสำเร็จและชัยชนะแล้ว

แฟรี่น้ำเองก็รู้สึกฮึกเหิมพร้อมกับยกแก้วของเธอขึ้นมาเชียร์ด้วย

หลังจากกินไวน์ไปหมดแล้ว เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะยกแก้วมาเชียร์ด้วยทำไม ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลยนิหว่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด