จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 459
บทที่ 459: ขอให้เจ้าสมปราถนา
ก็ท่านขายให้ข้า!
เมื่อได้ยินประโยคนี้ นักวิศวกรรมก็อบลินก็ได้น้ำตาแตกในทันที เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา เพราะมันคือสาเหตุที่เขาได้สูญเสียสูตรการสร้างระเบิดไป!
เขามีโอกาสที่จะกลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและจะได้กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่ก็อบลิน เขากำลังจะร่ำรวยแล้ว ...
แต่เขากลับขายสิ่งที่จะให้เขาได้เป็นอย่างนั้นแค่ 3 เหรียญทอง
"ท่านขายให้ข้าไป 3 เหรียญทอง" ลูหลี่ได้พูดย้ำอีกครั้ง เขาไม่รู้เลยว่า คำๆนี้เสียดแทงใจของอะคาเร่ผู้น่าสงสารไปมากเสียแค่ไหน
บอสนักวิศวกรรมก็อบลินระดับ 60 จ้องมองไปที่เขาอย่างหน้ามืด ไม่มีใครที่ช่วยเขาเลย แม้แต่ยามที่ปกติจะเป็นมิตรกับเขา ตอนนี้ก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
พวกเขาคงเห็นว่าผู้เล่นพวกนี้ไม่ได้มาโจมตีเมืองหวาย แค่มาจัดการปัญหาส่วนตัวกระมั้ง
ในฐานะผู้พิทักษ์เมืองแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
สำหรับเผ่าที่แปลกประหลาดอย่างก็อบลินแล้ว มิตรแท้ก็คือถุงเงิน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่เรื่องทั้งหมดจะลงเอยเป็นแบบนี้
ลูหลี่รู้ดีว่าตอนนี้เขานั้นปลอดภัยแล้ว เขาไม่ต้องห่วงเรื่อง NPC ในเมืองหวายอีกต่อไป เพราะเขาได้นำกลุ่มคนมาขู่และยังติดสินบนก็อบลิน NPC อีกด้วย
มีคนตั้งมากมายอยู่ที่นี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าถูกทำร้ายกัน? มันจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ
แต่หากข้าได้เงินหนึ่งเหรียญทองจากพวกผู้เล่นพวกนี้แต่ละคน ข้าก็จะรวย!
สำหรับอะคาเร่แล้ว ในตอนนี้ เขาได้เข้าใจแล้วว่าลูหลี่มาที่ร้านเขาทำไม ลูหลี่ได้เอาระเบิดฟูลบอมมาให้เขาสองลูกและยังให้สูตรกลับคืนมาให้เขาอีก แต่เขาไม่ได้สนใจมันแล้ว
ในตอนนั้น เขาได้ทำการแลกเปลี่ยนมันกับเหรียญทองจำนวนหนึ่งไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจขายมันไป แต่ผลลัพธ์ยังไงก็คือ ลูหลี่ไม่ได้ขโมยของจากเขาไป
ซึ่งทุกเผ่าพันธุ์ล้วนแล้วแต่ต้องเคารพต่อการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
ตอนที่ลูหลี่ได้ชดเชยของให้กับตัวเขา อะคาเร่ก็ไม่ได้พอใจเท่าไหร่นัก ซึ่งเขาก็ได้แต่พูดอย่างไม่เต็มใจว่าจะไม่เอาเรื่องอีก
ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างลูหลี่ เขาเกลียดซะยิ่งกว่าเกลียดซะอีก ในอนาคต ไม่มีทางเลยที่เขาจะขายของหรือให้เควสกับลูหลี่อย่างแน่นอน
ซึ่งเมื่อปัญหาทั้งหมดได้ถูกแก้ไขไปแล้ว ลูหลี่ก็ได้ขอบคุณทุกคนและสัญญาว่าจะให้แต้มสมาคมกับทุกคนที่มาช่วยเขา
สมาชิกสมาคมมีความสุขมาก เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก พวกเขาใช้เวลาไปแค่ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งส่วนสำคัญนอกเหนือจากนั้นคือ การได้ช่วยเหลือมหาเทพลูหลี่ มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาที่นับถือตัวของลูหลี่ พวกเขานั้นต้องการที่จะช่วยเหลือลูหลี่มาก แม้ว่าจะไม่ได้อะไรเลยก็ตาม
ด้วยความที่เขามีตำแหน่งสูงที่สุดในสมาคม ลูหลี่จึงสามารถให้แต้มกับคนในสมาคมได้ ซึ่งสมาคมระดับสูงส่วนใหญ่ก็มักจะทำแบบนี้กัน เพราะมันจะทำให้สมาชิกในสมาคมได้รับทรัพยากรมากยิ่งขึ้น
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความเงียบสงบก็ได้กลับคืนมาสู่เมืองหวายอีกครั้ง พร้อมๆกับเรือที่ได้เข้ามาเทียบท่าเมืองหวาย
กะลาสีเรือเองก็ได้วิ่งไปมารอบๆพร้อมกับปฏิบัติตามคำสั่งของกัปตันของพวกเขาอย่างเคร่งครัด พวกเขาต่างก็พูดคุยกันด้วยความพอใจในขณะที่พวกเขาได้มาถึงจุดหมายปลายทาง
นกนางนวลสีขาวจำนวนหนึ่งก็ได้บินไปเหนือท้องฟ้าด้วยความตกใจ
เบ็คกี้ที่เห็นแบบนั้นก็ได้กระโดดขึ้นลงไปมา เพื่อที่จะพยายามมองเหล่ากะลาสี แต่เธอนั้นเตี้ยจนเกินไป หากมองจากสายตาของเธอ เธอคงจะเห็นเพียงแค่หมวกสีขาวๆที่เกาะกลุ่มกันเท่านั้น ลูหลี่ที่เห็นแบบนั้น ก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาบนบ่า ดังนั้นแล้ว เธอจึงสามารถมองเห็นกะลาสีเรือได้
ซึ่งมันดูเป็นการพยายามที่เสียเปล่าเลยทีเดียว
เมื่อเรือได้ขนส่งสินค้าลงไปทั้งหมดแล้ว กะลาสีเรือก็ได้เดินทางไปยังโรงแรมหรือโรงเตี๊ยมกัน แต่เบ็คกี้ก็ยังไม่ได้เห็นพ่อของเธอแล้ว
"พ่อของหนูจะกลับมาเหมือนกันใช่มั้ยคะ?"เด็กสาวตัวน้อยๆถามลูหลี่
"ใช่ ตราบเท่าที่เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็จะแล่นเรือกลับมาในสักวัน บางทีเขาอาจจะนำของอร่อยๆและเสื้อผ้าสวยๆกลับมาก็ได้นะ"ลูหลี่กล่าว
"หนูได้แต่หวังว่าพ่อจะกลับบ้านมาในวันพรุ่งนี้" เด็กกำพร้าตัวเล็กบ่น
"มีอะไรอีกไหมที่เจ้าอยากกิน หรือมีที่ไหนอีกไหมที่เจ้าอยากจะไป? บอกข้ามาได้เลย ลุงคนนี้จะพาตัวเจ้าไปเอง "ลูหลี่กล่าวขณะที่มองเวลา เพราะเขาไม่สามารถที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว
"คุณลุงค่ะ ถ้าลุงทำให้ความปรารถนาทั้งหมดของหนูเป็นจริง คุณลุงจะจากหนูไปไหมคะ?"
เด็กกำพร้าดูเหมือนจะอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะอายุเพียง 5 ขวบ แต่เธอก็รู้ดีว่าลูหลี่กำลังคิดอะไรอยู่
"มันก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ แต่ข้าก็จะมาหาเจ้าเสมอในตอนที่ข้าว่าง" ลูหลี่ไม่อยากที่จะมองไปที่ใบหน้าของเธอเลย เพราะใบหน้าที่แสนจะโศกเศร้าของเธอ มันก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจด้วย
มีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ที่ไม่เป็นไปตามหวัง ไม่มีใครที่มีชีวิตสุขใจจริงๆหรอกนะ พวกเขาแต่ละคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ได้เสียพ่อกับแม่ไป ในตอนที่เธออายุได้ห้าขวบ แน่นอนว่าเรื่องราวของเธอนั้นดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ไม่ใช่คนที่มีความเมตตามากนัก
เขาเตือนตัวเองเสมอว่านี่เป็นแค่ NPC เท่านั้น
สำหรับความคิดที่จะไปเยี่ยมเธอในอนาคต มันเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น เขาไม่คิดที่จะเสียเวลาเอามาสนใจในตัวของเด็กคนนี้หรอกนะ
เบ็คกี้คงจะเข้าใจในวันหนึ่ง ว่าลุงคนนี้ไม่ได้ดีไปตลอดไปหรอกนะ
"ในวันหนึ่ง เมื่อตอนที่ผู้พิทักษ์ของหนูได้พาหนูไปเล่นข้างนอก หนูได้เห็นพวกโนมกำลังผลักรถที่เต็มไปด้วยของเล่น มันมีทั้งตุ๊กตา รถทองเหลือง ลูกบอลและว่าว "เธอพูดออกมาอย่างเงียบๆ
"แล้วไงต่อล่ะ?"ลูหลี่ถอนหายใจ
"เมื่อตอนที่คุณแม่ยังอยู่ แม่มักจะพาหนูไปเล่นว่าวกันตลอด หนูอยากจะได้ว่าวอันเล็กๆนะ แต่คุณลุงผู้พิทักษ์เคยบอกว่า หนูจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพื่อชื้อว่าว "เด็กสาวตัวเล็กๆกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย"หนูไม่มีเงินเลย แต่หนูจะโตขึ้นกว่านี้ จากนั้นหนูก็จะไปหาเงิน ... "
"งั้นลุงจะเป็นคนชื้อให้เจ้าเอง เจ้าเลือกได้เลยว่าอยากได้แบบไหน"ลูหลี่กล่าวออกมาพร้อมกับพาเธอไปยังร้านค้า
ร้านค้าส่วนมากมักจะมีของเบ็ดเตล็ดอยู่แล้ว ซึ่งว่าวเองก็เป็นที่นิยมมาก ดังนั้นแล้ว ลูหลี่จึงสามารถชื้อมันได้อย่างง่ายๆเลย
ว่าวที่เขาชื้อมามีทั้งแบบ แมลงปอ มังกรและผีเสื้อ
"ขอบคุณคุณลุงมากเลยค่ะ" เบคกี้กล่าวขอบคุณลูหลี่ในขณะที่เธอถือว่าวที่ลูหลี่ชื้อมาให้
"เบ็คกี้ เมื่อเจ้าโตขึ้น ทุกๆอย่างก็จะดีไปเอง" ลูหลี่พูดปลอบโยนเธอในขณะที่ลูบศีรษะของเธอ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเคยได้ยินคำพูดหนุ่งในภาพยนต์:
Q: ชีวิตมักจะเจ็บปวดเสมอ หรือจะเป็นเฉพาะตอนที่นายยังเป็นเด็กกันนะ?"
A: ไม่หรอก มันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดแหละ
บางทีคำๆนี้ก็พูดถูกแล้ว เมื่อตอนที่ลูหลี่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หัวใจของเขาหนักอึ้งมาก แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะเชื่อคำๆนี้ เขาต้องการที่จะเชื่อว่าเมื่อเขาโตขึ้น ความเจ็บปวดจะหายไป มันเหมือนกับแสงสว่างเล็กๆสำหรับเขาเลยทีเดียวในตอนนั้น
ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความหวังเล็กๆน้อยนี้จะช่วยอะไร NPC ตัวน้อยคนนี้ได้หรือเปล่า
จากนั้นเอง ลูหลี่ก็ได้พาเบ็คกี้กลับไปยังบ้านเด็กกำพร้า
บ้านเด็กกำพร้าตั้งอยู่ในโบสถ์และที่นั่นก็เต็มไปด้วยเสียงเด็กร้องไห้
ลูหลี่มองไปที่เบ็คกี้เดินลับไปสุดสายตา ซึ่งความหวังภายในตาของเธอดูจะมอดดับลงไป ระบบมันสมจริงเกินไปแล้วนะ
"ครั้งหน้าข้าจะขอมาเยี่ยมเธอ?"ลูหลี่ถามผู้พิทักษ์บ้านเด็กกำพร้า
ผู้พิทักษ์พยักหน้ากล่าวมีความสุขว่า "แน่นอนว่าท่านสามารถมาได้ สถานที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับนักผจญภัยอย่างท่านเสมอ มั่นใจได้เลยว่าเราจะดูแลเบ็คกี้เป็นอย่างดี"
ลูหลี่หยุดคิดชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยิบสิบเหรียญทองออกมาจากกระเป๋าเอาไปใส่ไว้บนมือของเธอ
ถึงแม้ว่าลูหลี่จะเป็นคนตระหนี่ แต่เพราะความเอื้อเฟื้อของลูหลี่ มันจึงทำให้เขากับอาเซอร์ซีบรีสและคนอื่นๆสนิทกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ให้เงินแบบนี้โดยไม่หวังอะไรเป็นเรื่องที่หายากมากสำหรับลูหลี่ ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะตกใจมากเลยทีเดียว