จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 444
บทที่ 444: ความสำเร็จคือจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด
"การค้นหาที่ยาวนานและยากลำบากได้หยุดลงแล้ว ความยุติธรรมที่แท้จริงจักถูกตัดสินโดยโชคชะตา เหล่าเด็กๆเอย จงมาเฉลิมฉลองกันเถอะ "พาลาดินไร้หัวกล่าวขณะที่เขาโบกดาบยาวในมือของเขาไปมา
ทันใดนั้นเอง เหล่าฟักทองก็ได้ระเบิดเสียหัวเราะออกมาพร้อมกับกลิ้งมาทางด้านหน้า
"หลบไปทางซ้าย" ลูหลี่ตะโกนออกมาทันทีที่ฟักทองโผล่ออกมา
ทักษะนี้ดูเหมือนกับไม่ได้รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ควรที่จะดูถูกมันเลย มีคนสองคนที่ไม่ได้หลบทักษะนั้นและตายลงไปในทันที
การต่อสู้แบบทีมร้อยคนนั้นแตกต่างไปจากลงดันเจี้ยนแบบปกติ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะถูกฆ่าโดยการโจมตีในทีเดียวในดันเจี้ยนแบบปกติ แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างมากในการลงทีมแบบร้อยคน
"ฉันจะพูดอีกครั้งและพวกนายจะต้องฟังคำสั่งของฉันด้วย ถ้าฉันบอกให้พวกนายไปทางซ้าย พวกนายทุกคนก็ควรจะต้องไปทางซ้าย ถ้าทุกคนไปทางซ้ายแล้ว แล้วทำไมยังมีคนพลาดอีก?"
มันเป็นเรื่องที่ดูสมเพชมากที่มีคนตายตั้งสองคนตั้งแต่ต้น ซึ่งที่พวกเขาตายก็คงจะเพราะการแยกระหว่างซ้ายและขวาไม่ออก
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆน้อย และลูหลี่ก็ได้บอกให้คนอื่นชุบชีวิตสองคนนี้ขึ้นมา
การโจมตีระยะไกลมากมายได้พุ่งเข้าใส่พาลาดินไร้หัว ซึ่งตัวเลขสีแดงหลักร้อยก็ได้เด้งขึ้นมาเป็นระยะๆ บอสนั้นมีเลือดอยู่ที่ 1.2 ล้านจุด แต่ถ้าหากพวกยังคงสร้างความเสียหายได้อัตราประมาณนี้เรื่อยๆ พวกเขาก็จะสามารถจัดการมันลงได้
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นถึงบอสระดับสูง ดังนั้นแล้ว การที่พวกเขาจะจัดการมันลงได้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ
เพียงแค่การกวัดแกว่งดาบไปมา พาลาดินไร้หัวก็สารามสร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้างเลยทีเดียว ผู้เล่นโจมตีระยะใกล้ที่อยู่ใกล้ตัวเขาต่างก็ถูกโจมตี และมีคนสี่ถึงห้าคนที่ตายลงไปในทันที
บ้าคลั่ง!
บ้าคลั่งทับซ้อนห้าครั้ง มันทำให้บอสสร้างความเสียหายได้สูงขึ้น 50% แม้แต่อาเซอร์ซีบรีสยังเสียเลือดไปอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่เขาได้ใช้ทักษะลดความเสียหายได้ทันเวลา และที่เขายังมีชีวิตรอดอยู่ได้ ก็เพราะมีคนคอยฮีลเขาตลอดเวลาด้วย
เอฟเฟคบ้าคลั่งของพาลาดินไร้หัวค่อนข้างที่จะน่ากลัว ถ้าเขาได้ใช้ทักษะนี้และสามารถฆ่าศัตรูได้คนหนึ่ง เอฟเฟคบ้าคลั่งจะทับซ้อนหนึ่งสแตค ซึ่งสามารถทับซ้อนได้สูงสุดสิบสแตค
แต่ละสแตคจะทำให้เขาสามารถสร้างความเสียหายได้สูงขึ้น 10%
"ดรูอิด ชุบชีวิตคนที่ตาย ซีบรีสป้องกันในขณะที่นายเคลื่อนที่ด้วย ส่วนคนอื่นๆก็โจมตีและให้เคลื่อนที่เหมือนกัน ห้ามอยู่ใกล้กับแท๊งค์หลักในระยะห้าเมตรเด็ดขาด ผู้เล่นโจมตีระยะประชิดให้ใช้ทักษะลดความเสียหายในทันที ถ้าเห็นว่า 'บอสชูอาวุธขึ้นมาเหนือศรีษะของมันเอง' "ลูหลี่ได้ทำการปรับเปลี่ยนกลยุทธของทีมและได้แก้ไขสิ่งต่างๆที่มีโอกาสจะทำให้ทีมส่วนใหญ่ถูกกวาดล้างออกไปได้ในทันที
มันเหมือนกับว่าลูหลี่นั้นใช้ทักษะการสังเกตุของเขาเอง แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาก็เคยต่อสู้กับพาลาดินไร้หัวมาถึงสองครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับมันได้ แต่เขาก็ได้เรียนรู้การต่อสู้เกี่ยวกับมันมามากเลยทีเดียว
มีคู่มือการต่อสู้กับพาลาดินไร้หัวมากมาย แต่มีเพียงทีมระดับสูงจากสมาคมใหญ่ๆเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับมันลงได้
ในขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป พวกฟักกองก็ได้กลิ้งมาหลายๆครั้งด้วยกัน ซึ่งเอฟเฟคบ้าคลั่งก็ไม่ต่างกันนัก แต่ทุกคนก็สามารถรอดมาได้ และก็ไม่ได้มีเหตุการณ์แบบที่ตายห้าคนพร้อมกันเหมือนตอนแรกเกิดขึ้นเลย ส่วนเลือดของพาลาดินไร้หัวก็ลดลงเรื่อยๆและไม่นานนักก็ได้ลดลงมาเหลือ 80% ซึ่งนั้นหมายความว่าได้มาถึงระยะที่สองของการต่อสู้กับบอสแล้ว
"อัศวินผู้ร่วงหล่น จงฟังคำบัญชาของข้า จงต่อสู้เพื่อชัยชนะ "
อัศวินผู้ร่วงหล่นจำนวนหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพาลาดินไร้หัว และพวกมันก็ได้ย่ำเท้าพร้อมกับมุ่งหน้าเข้าใส่ผู้เล่น
"ซีบรีสดึงบอสออกไป ความมืดและฮาชิจัง พวกเธอคอยรักษาเขาด้วย ส่วนแท๊งค์อีกสามคนให้ดึงอัศวินวิญญาณไปทางซ้ายและขวาแยกกันไป ผู้เล่นระยะไกลให้สร้างความเสียหายใส่บอสอย่างเดียว ส่วนผู้เล่นระยะใกล้ให้โจมตีใส่มอนเตอร์ที่ถูกอัญเชิญมา"
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากในทีมแบบกลุ่ม ลูหลี่จึงไม่สามารถที่จะอธิบายได้อย่างละเอียดนัก เขาทำได้แค่อธิบายไปแบบรวมๆเท่านั้น เมื่อพาลาดินไร้หัวได้พูดตามบทออกมา เขาจึงต้องทำให้มั่นใจว่าแท๊งค์รองทั้งหมดจะต้องยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดี
ในระยะที่สองนั้นยากกว่าระยะแรกมาก
สิ่งที่ยากที่สุดของระยะแรกคือฟักทองที่กลิ้งเข้าใส่ผู้เล่น พวกมันมีจำนวนมาก แต่พวกมันก็ช้าและเคลื่อนที่มีแบบแผน มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่ผู้เล่นจะสามารถหลบมันได้
อย่างไรก็ตาม อัศวินวิญญาณเก้าคนนี้แตกต่างกันเป็นอย่างมากกับฟักทอง พวกมันแต่ละคนแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบอสธรรมดาๆ และถ้าแท๊งค์ลากพวกมันไปไม่ได้ล่ะก็ ความหายนะจะมาถึงพวกเขาในทันที
ลูหลี่ได้มอบหมายให้แท๊งค์สามคนลากอัศวินวิญญาณเก้าตนออกไป เพราะว่าอัศวินวิญญาณนั้นมีบัพพิเศษคือ "ความแน่วแน่" บัพนี้จะมีอยู่เก้าสแตคและถ้าหากว่ามีต่ำกว่าสามล่ะก็ พวกมันจะเข้าสู่สถานะบ้าคลั่ง
อัศวินวิญญาณที่บ้าคลั่งนั่นคือหายนะที่แท้จริง มันจะวิ่งไปทั่วและฆ่าผู้เล่นทุกคนที่มันเจอหน้าในทันที
นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากอัศวินวิญญาณนั้นอยู่ใกล้กันเกินไปโดยโดนแท๊งค์คนหนึ่งดึงมา บัพความแน่วแน่จะเพิ่มค่าป้องกันให้พวกมันด้วย ซึ่งการที่จะสร้างความเสียหายใส่พวกมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากพวกมันนั้นอยู่ใกล้กันจนเกินไป [สแตคจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนอัศวินวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ]
มอนเตอร์สามตัวต่อแท๊งค์หนึ่งคน นี้เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดจากการทดลองอันแสนเข้มงวด
แต่น่าเสียดาย ทฤษฎีนั้นไม่ได้เป็นไปตามความจริงเสมอไป มิตรภาพระดับโลกได้ดึงมอนเตอร์ไปเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ซึ่งอีกตัวหนึ่งที่เขาควรจะดึงมาด้วยก็ไปอยู่กับเทพเจ้าแห่งโชคชะตา นอกจากนี้แล้ว เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามอนเตอร์ที่เขาดึงนั้นเป็นมอนเตอร์พิเศษ
แม้ว่าจะต้องรับมือกับมอนเตอร์พิเศษ แต่เทพเจ้าแห่งโชคชะตานั้นเป็นดรูอิดสายป้องกัน เขาจึงมีเลือดมากและไม่ได้ตายเร็วจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม มอนเตอร์ทั้งสองตัวที่มิตรภาพระดับโลกได้ดึงมาก็เข้าสู่สถานะบ้าคลั่งไปเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นเอง อัศวินวิญญาณสองตัวก็ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับแสงสีขาวที่อยู่ปลายดาบของมัน
"****" ลูหลี่ได้สบถออกมา เมื่อเห็นอัศวินวิญญาณได้พุ่งผ่านเขาไป
อัศวินวิญญาณพวกนี้ได้จัดการกับผู้เล่นมากมายไปตามทาง รวมถึงผู้บังคับบัญชาการด้วย [ลูหลี่] ไม่มีใครที่จะสามารถจัดการกับอัศวินวิญญาณที่บ้าคลั่งได้เลย มอนเตอร์สองตัวนี้ราวกับเครื่องจักรสังหารเลยทีเดียว
"รีเซ็ต คนที่ไม่ตายให้วิ่งออกไปจากดันเจี้ยน ส่วนคนที่หนีไม่ทันก็แค่ตายเท่านั้น"ลูหลี่สั่งผ่านแชทขณะที่เขายังคงมองดูศพของเขา
เขาไม่สามารถตำหนิแท๊งค์ที่ดึงอัศวินวิญญาณพลาดได้เลย เพราะนี้เป็นครั้งแรกของพวกเขาและสถานการณ์ก็เร่งด่วนจนเกินไป
ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องยากมากที่ทีมของพวกเขาจะสามารถจัดการกับมันได้ในรอบเดียว
แต่เพราะด้วยการนำของลูหลี่ สมาคมกฏแห่งดาบจึงสามารถต่อสู้กับบอสได้ง่ายกว่าสมาคมอื่นๆมาก
เมื่อได้รีเซ็ตบอสแล้ว การต่อสู้จะเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ไม่มีทั้งอัศวินวิญญาณและพาลาดินไร้หัว เพราะบอสจะต้องถูกอัญเชิญก่อน
"เอาเถอะ ความสำเร็จคือจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด ... " ลูหลี่ไม่ได้โทษใครและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
"มันควรจะเป็น ความผิดพลาดคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จสิ" อาเซอร์ซีบรีสได้หาข้อผิดพลาดของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหัวเราะลั่นออกมา
"นายยังไม่เข้าใจส่วนสำคัญของคำพูดนี้สักหน่อย" ลูหลี่กล่าวขณะที่เขาเหลือบมองไปที่อาเซอร์ซีบรีสและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เคยพูดอะไรออกมา "ทุกคนทำได้ดีมากในระยะแรก ที่เราหลบฟักทองกัน ถึงแม้ว่าเราจะสูญเสียคนไปตอนเริ่มก็ตาม แต่มันก็เพราะว่าเรายังไม่คุ้นชินกับมันต่างหาก ส่วนในระยะที่สองนั้น กุญแจสำคัญคือการดึงมอนเตอร์ แท๊งค์รองนั้นถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่สุด พวกนายจะต้องทำให้แน่ใจว่าพวกนายนั้นดึงมอนเตอร์มาแค่สามตัวและไม่ได้ลากมาเพิ่ม ... "
เนื่องจากระยะเวลาคูลดาวน์ทักษะชุบชีวิตของดรูอิดยังไม่พร้อม ลูหลี่ก็ได้ให้ทุกคนหยุดพักก่อนสองนาที
"บอส มอนเตอร์ตัวนี้จะดรอบพาหนะหรือเปล่า?"ลิงอ้วนถามขณะที่เดินเข้ามา เขาตกหลุมรักวิญญาณม้าสงครามตั้งแต่ที่เขาเห็นพาลาดินไร้หัวแล้ว
แม้แต่อัศวินวิญญาณก็ขี่ม้าพวกนี้ด้วย ม้าพวกนี้มันดูเท่ชะมัดยากเลย