จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 411
บทที่ 411: ห้องใต้ดิน
ไม่มีทางที่ดันเจี้ยนความยากระดับฝันร้ายจะดรอบไอเท็มแค่สามชิ้น ความฝันที่เหลืออยู่ยังคงลูทไอเท็มจากบอสต่อไปและพบเข้ากับศิลาสังเคราะห์
ทั้งศิลาสังเคราะห์และศิลาเสริมแกร่งนั้นเป็นไอเท็มที่ไม่ดี ความแตกต่างระหว่างพวกมันคือ ศิลาเสริมแกร่งนั้นมีมูลค่าคงตัวในตลาด ส่วนศิลาสังเคราะห์จะมีราคาตลาดตามคุณสมบัติของมัน
ศิลาสังเคราะห์บางอันที่มีคุณสมบัติไม่ดี ผู้เล่นบางคนก็ไม่แม้แต่จะเอามัน ถึงจะฟรีก็ตาม
เพราะว่าเจ้าศิลาพวกนี้ มันจำเป็นที่จะต้องเอาไปใส่ในอุปกรณ์ของพวกเขา
ชิ้นที่มีคุณสมับติดีสามารขายได้หลายร้อยหลายพันเหรียญทองโดยไม่มีปัญหา แฟรี่น้ำได้ให้ศิลากับลูหลี่ เพราะต้องการให้สมาคมกฏแห่งดาบกับสมาคมดิสซี่คอสเป็นพันธมิตรกัน แต่ลูหลี่ยังต้องจ่ายเงินให้เธออีกอย่างน้อย 15,000 เหรียญทอง
ซึ่งดวงของความฝันที่เหลืออยู่ก็มากเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว ศิลาสังเคราะห์ที่นักล่าตัวน้อยกำลังถืออยู่ต้องไม่ได้เลวร้ายอย่างแน่นอน
ศิลาสังเคราะห์: ไม่สนใจพลังป้องกัน มีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายให้ศัตรูโดยใช้ค่าเลือดสูงสุด 1,000 หน่วย
"ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างแข็งแกร่งเลยทีเดียว นายสามารถที่จะลดเลือดของใครบางคน 1,000 จุดในทันที ถ้าเป็นการ PVP นายจะสามารถลดเลือดกว่าครึ่งของศัตรูด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว"
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเอฟเฟคพิเศษแบบนี้และมันทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก
"มันไม่ใช่แบบที่นายคิดอยู่" ลูหลี่กล่าวออกมา ทำให้มโนของพวกเขาสลายไป "เอฟเฟคนี้จำเป็นที่จะต้องใช้ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใช้มันในการเริ่มโจมตีครั้งแรก เพราะว่าถ้านายเริ่มสร้างความเสียหายแล้ว เอฟเฟคพิเศษนี้จะลดความสามารถลงไป"
'เลือดสูงสุด' - นั่นคือคีย์เวิรด์สำคัญ
ตัวอย่างเช่นถ้าผู้เล่นมี HP 2000 หน่วยและเปิดใช้งานเอฟเฟคนี้ มันจะลดเลือดของผู้เล่นคนนั้นลงไปเหลือครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หากผู้เล่นมีเลือดเหลือเพียง 999 หน่วยและเปิดใช้เอฟเฟคนี้ ผู้เล่นคนนั้นก็จะมีเลือดเหลืออยู่ที่ 999 หน่วยเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม คุณค่าของศิลาก้อนนี้ยอมรับได้ มันมีค่ามากกว่าศิลาเสริมแกร่งเสียอีก
"แล้วจะเอามันให้กับใคร?"
เนื่องจากพวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการเคลียร์ครั้งแรกแล้ว พวกเขาจึงได้รับอุปกรณ์ระดับทองสามชิ้นและแม่พิมพ์ระดับเงิน แต่พวกเขาก็ยังได้รับหนังสือทักษะสองเล่มและศิลาสองก้อน
นอกจากนี้แล้ว ยังมีของรางวัลจากระบบด้วย
ลูหลี่มองไปที่ข้อความของระบบ มันบอกว่าเขาได้รับหนังสือทักษะ 'หลบหลีก'
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในดันเจี้ยนอารามสีแดง ลูหลี่นั้นไม่ได้โชคดีมากเท่าไหร่ ทั้งสี่ดันเจี้ยนไม่มีอะไรดีๆดรอบลงมาเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้รับ 'หลบหลีก' เขาก็รู้สึกราวกับว่ามันคุ้มค่าเป็นอย่างมาก
หลบหลีก: ใช้งานทันที เวลาคูลดาวน์ 180 วินาที หลบการโจมตีครั้งถัดไปที่คุณได้รับ หลังจากนั้นจะได้รับ อัตราหลบหลีกเพิ่มขึ้น 20% เป็นเวลา 10 วินาที, ความเชี่ยวชาญ 1/5
ทักษะนี้มีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อในการช่วยให้เขามีชีวิตรอด แต่มันก็ทดสอบความสามารถของเขาในการตัดสินใจด้วย
หากฝ่ายตรงข้ามใช้ทักษะที่ทรงพลังออกมา คุณสามารถที่จะใช้ทักษะหลบหลีกในการป้องกันมันได้ นอกจากนี้แล้ว คุณยังจะได้รับโอกาสในการหลบหลีกเพิ่มขึ้น 20% เป็นเวลา 10 วินาที
กุญแจสำคัญคือไม่ควรที่จะใช้มันเร็วเกินไป เพราะหากศัตรูสังเกตุเห็นว่าคุณใช้มัน พวกเขาอาจจะใช้ทักษะที่อ่อนแอก่อนก็ได้
โดยปกติแล้ว ยิ่งผู้เล่นเก่งมาก การที่จะใช้ทักษะนี้ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้ว นี้เป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวมาก
"ฉันดูเหมือนจะจำได้ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างในที่นี้นะ"
พวกเขาไม่จำเป็นต้องให้ลูหลี่เตือนความจำเลย แต่ด้วยความที่ทีมของเขาได้ถูกดึงความสนใจไปที่อุปกรณ์แล้ว ลูหลี่จึงต้องพูดออกมา
ก่อนที่พวกเขาจะได้ต่อสู้กับวิเชส พวกเขาได้เควสมาสองอย่าง
หนึ่งในนั้นคือการช่วยวอเรล เซนกิดฆ่าภรรยาของวิเชส 'แนนซี่' ก่อนที่จะนำแหวนแต่งงานของเขาให้กับโมนิก้าในเทือกเขาฮิลแบรนที่แคมป์ด้านนอกของฝ่ายเผ่าพันธุ์
พวกเขาได้ทำภารกิจเสร็จเพียแค่ครึ่งเดียวและจะต้องหาคนต่อ
ส่วนอีกเควสหนึ่งมาจากโจเชพที่ต้องการหาผู้ดูแลของเขา ผู้ตรวจสอบสีแดงแฟร์แบง ซึ่งเขายังคงมีชีวิตอยู่และต้องการให้พวกเขาตามหาเขา
แม้ว่าพวกเขาจะเคลียร์ดันเจี้ยนเสร็จแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่พบเบาะแสของแฟร์แบงเลย
"เรามาดูเควสนี้กันก่อน แฟร์แบงต้องอยู่ที่นี้แน่ ทุกๆคนลองมองไปรอบๆดูและหาไปจนกว่า เราจะพบกับความลับในที่แห่งนี้ "ลูหลี่ไนั้นไม่ได้เปิดเผยความลับของสถานที่นี้ออกมาเลย เพราะนั้นมันจะดูแปลกประหลาดเกินไป
ห้องโถงนี้มีขนาดใหญ่มากและเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะค้นหาอะไรต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดพวกเขาก็สามารถหาสวิตช์ที่เปิดห้องลับที่ด้านหลังของเสาได้ หลังจากที่ใช้เวลาไปเพียงไม่กี่นาที
"เราอาจจะได้พบกับขุมสมบัติกองภูเขาเลยก็ได้ ดูเหมือนว่าครูเซเดอร์สีแดงก็ค่อนข้างรวยเลยทีเดียวนิ"
อาเซอร์ซีบรีสเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปยังในห้องนั้น
"อุ๊บ!"
อาเซอร์ซีบรีสปิดปากในทันที หลังจากที่เขาได้กลิ่นจากในห้อง
เกมรุ่งอรุณไม่ได้ทำระบบสำหรับกลิ่นมากนัก ดังนั้นแล้ว การที่พวกเขาได้กลิ่นเลือดจึงเป็นเรื่องหายากสำหรับพวกเขา มันคงจะมีเพียงเฉพาะสถานการณ์สำคัญบางอย่างเท่านั้น ที่เกมจะทำให้พวกเขาสามารถรับกลิ่นได้
"มันดูเหมือนกับกลิ่นของซากศพเลย ทุกๆคนปิดระบบกลิ่นได้เลยนะ ถ้าพวกนายต้องการ"
ลูหลี่ยืนอยู่ข้างนอกทำตัวราวกับผู้ทรงภูมิในขณะที่เขากล่าวเตือนทุกคน
ซึ่งสุดท้ายแล้ว มีเพียงแค่อาเซอร์ซีบรีสที่พุ่งเข้ามาในห้องคนเดียว
"เฮ้ มีสมบัติอยู่หรือเปล่าล่ะ?"พเนจรถือโอกาสนี้ในการเยาะเย้ยในโชคร้ายของอาเซอร์ซีบรีส
"ฉันมาที่นี่ก่อน ยังงั้นแล้ว ถ้ามีอะไรที่ดีๆ นั้นจะต้องเป็นของฉัน" อาเซอร์ซีบรีสกล่าวในขณะที่เขาปิดระบบกลิ่นที่กำลังจะฆ่าเขา
ชั้นใต้ดินมืดมากและมีโคมไฟสีเขียวประดับตามกำแพง โคมไฟกระพริบท่ามกลางความมืดจนเผยให้เห็นกับความเก่าแก่ของชั้นใต้ดินแห่งนี้
ชั้นใต้ดินนั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก มีชั้นวางหนังสือและตรงข้ามกับชั้นหนังสือก็เป็น "คน" ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
แฟร์แบงค์
สภาพร่างกายของเขาน่ากลัวมาก มันคงจะเป็นผลจากการติดเชื้อและนั้นทำให้มีกลิ่นเหมือนกับซากศพลอยออกมา คำอธิบายเดียวที่สามารถบอกได้คือ เขาคงจะติดโรคระบาด
อาเซอร์ซีบรีสยกขวานมือเดียวขึ้นมา พร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่มอนเตอร์ตัวนี้
ลูหลี่เอื้อมมือออกไปและรั้งตัวของเขาไว้ข้างหลังในขณะที่รีบพูดออกมาว่า "อย่าพึ่งหุนหันพลันแล่นสิ มองไปที่ดวงตาของเขา"
อาเซอร์ซีบรีสไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ในไม่ช้า เขาก็รู้ว่าแฟร์แบงค์ยังไม่ได้ตายไปจริงๆ
ดวงตาของเขาใสกระจ่าง จนบางทีอาจจะชัดเจนเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปเสียอีก ไม่มีสัญญาณของการควบคุมโดยไซวานัสหรือความวิกลจริตที่มาจากโรคระบาดเลย เขานั้นมีความสงบราวกับทะเลสาปพราย
"สวัสดี ท่านผู้ตรวจสอบที่น่านับถือ" ลูหลี่กล่าว
"โอ้ กลุ่มนักผจญภัย! อารามสีแดงกลายเป็นที่ๆใครเข้ามาก็ได้เมื่อไหร่กัน?"เสียงของแฟร์แบงค์เป็นเสียงที่ดูแหบพร่าเล็กน้อย ด้วยลมที่พาดผ่านช่องว่างลำคอที่เน่าเปื่อยของเขา เสียงของเขาจึงฟังดูราวกับสัตว์ประหลาดเลยทีเดียว
เขาไม่ได้พูดสุภาพมากนัก นั้นจึงทำให้คนอื่นๆรู้สึกกังวล
"เรามาทำตามคำขอร้องของโจเชพ จัดการกับมอแกรนและไวท์มีน จากนั้นเราก็มาหาท่าน"ลูหลี่กล่าว