จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 407
บทที่ 407: คู่รัก (2)
"จงลุกขึ้นมา นักรบของข้า!"
"เพื่อท่าน ท่านหญิงของข้า!""
ลูหลี่และคนอื่นๆนั้นยังติดผลของเอฟเฟคนอนหลับอยู่ พวกเขาจึงไม่สามารถขยับได้ แต่พวกเขายังคงได้ยินและมองเห็น
พวกเขานั้นได้มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเลย ซึ่งพวกเขาในตอนนี้กำลังยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางทั้งคู่ บอสทั้งสองคนนั้นพลอดรักกันโดยที่ไม่สนใจพวกเขาเลยสักนิด
จากนั้นเอง ไวท์มีนก็ได้ยืนอยู่ข้างหลังคนรักของเธอ โดยที่รู้ว่าอาจจะไม่ได้มีชีวิตอีก เธอเต็มใจที่จะยอมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความรัก มอแกรนเองก็ได้ลุกขึ้นมาจากพื้น เพื่อปกป้องทุกๆอย่างที่จะเป็นอันตรายต่อไวท์มีน
ในอดีตก็ได้แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ของคนที่เธอรักแล้ว เธอนั้นเหมือนกับเด็กสาวคนนั้นที่มักจะมีนักรบคอยปกป้องอยู่เสมอ
ด้านหลังของอัศวินนั้นมีไว้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก พวกเขาจะมีชีวิตและตายไปด้วยกัน
ชะตากรรมของไวท์มีนช่างน่าเศร้ามาก เธอได้เห็นฉากที่น่าสยดสยองเมื่อตอนที่อายุยังน้อย ครอบครัวของเธอติดโรคระบาดที่น่ากลัวในตอนที่พวกเขาเดินทางผ่านไปยังลอร์ดเดเรียนทางเหนือ เมื่อสมาชิกในครอบครัวของเธอติดโรคระบาด เธอจึงจำเป็นที่จะต้องฆ่าพ่อแม่และพี่น้องของเธอ ด้วยมือของเธอเอง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มีเพียงแค่สิ่งเดียวที่จะนำความสุขและความพึงพอใจมาให้กับนักบวชสาวผู้แสนขลาดเขลา การกำจัดอันเดต
เธอนั้นเป็นตัวละครที่อ่อนแอและว่าง่าย นั้นจึงเป็นเหตุผลใหญ่ๆเลยที่ทำให้เรโนลต์ต้องฆ่าพ่อของเขา เพราะเธอเอง
แต่คุณจะขอให้ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนความคิดของตัวเธอเองยังไงกันล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ดวงตาของเธอนั้นมืดบอดไปด้วยความรักเลย เพราะทั้งหมดที่เธอเห็นในตอนนี้มีเพียงแค่ เรโนลต์ มอแกรน เท่านั้น
เมื่อได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ความตายของพ่อของเขาดูจะเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้เลย
ช่างโชคร้าย ที่มีคนเป็นแฟนคลับคู่รักคู่นี้มากมาย สำหรับเรโนลต์แล้ว เนื่องจากเขาอยู่กับเทพธิดาที่ผู้เล่นชายหลายคนชื่นชม พวกเขาจึงถูกเรียกว่า 'คู่รักแสนเหี้ยมโหด' โดยที่มีผู้เล่นอิจฉาอยู่มากมาย
ส่วนไวท์มีนเองก็ได้ชื่อว่าเทพธิดา เธอสวยมากและคงจะบอกได้เลยว่า นักพัฒนาเกมจะต้องใช้เวลาสร้างตัวเธอนานมากอย่างแน่นอน เธอเป็นนักบวชที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สวมใส่ชุดสีแดงที่ไม่มีอะไรใกล้เคียงเลยสักนิด
ในเกมแบบออฟไลน์นั้น มีคนหลายคนที่ตั้งชื่อตัวเองว่า ไวท์มีน
ในความเป็นจริงแล้ว ชื่ออย่าง เมอิสเนร่าและแคโรไลน่าหายากมาก คงเป็นเพราะคนแรกนั้นมีน้ำเสียงที่ไม่มีใครสามารถเหมือนได้ ส่วนคนที่สองก็มีอารมณ์ที่ประหลาด แต่พวกเธอทั้งคู่ก็ไม่มีใครที่ดูเซ็กซี่อย่างไวท์มีนเลย
"สนใจหน่อยซีบรีส ไปดึงเรโนลต์ มอแกรนไว้ที ภรรยาเขาได้มาที่นี่แล้ว ดังนั้น เขาอาจจะเก่งขึ้นเล็กน้อย "ลูหลี่กล่าวเตือนสมาชิกในทีมของเขาด้วยเสียงดัง เอฟเฟคจากการนอนหลับหมดลงแล้ว เมื่อตอนที่เขาพูดเสร็จ
อาเซอร์ซีบรีสเหวี่ยงโล่ของเขาไปยังใบหน้าของเรโนลต์ มอแกรน
เรโนลต์รู้สึกโกรธในทันที และเขาก็ใช้ค้อนของเขาโจมตีใส่ศรีษะของอาเซอร์ซีบรีสไปถึง 5 ครั้ง
ถ้าอาเซอร์ซีบรีสตอบสนองได้ไม่เร็วพอโดยการใช้ทักษะลดความเสียหายของเขา เขาคงจะตายไปแล้ว แทนที่จะใช้ทักษะเลย์ออฟแฮน มอแกรนกลับใช้อีกทักษะหนึ่ง ครูเซเดอร์สไตรค์ ฉบับดัดแปลง
หลังจากนั้น เขาก็ใช้ทักษะ พายุศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันเป็นทักษะระยะไกลที่มีผลในระยะ 8 เมตร อาชีพระยะไกลสามารถหลีกเลี่ยงจากมันไปได้ แต่อาชีพโจมตีระยะใกล้ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น พวกเขาแทบทั้งหมดสูญเสียเลือดไปกว่าครึ่งหนึ่ง
"พาลาดินนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว! พเนจร นายไม่ละอายใจตัวนายเองบ้างหรือไง?"อาเซอร์ซีบรีสบ่น
พเนจรนั้นก็เป็นพาลาดินเหมือนกัน แต่ทุกๆอย่างของเขาดูจะอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับบอส
"บางทีพาลาดินคงจะแข็งแกร่งขึ้นมากในอนาคต" ลูหลี่กล่าวปลอบโยน โดยไม่ได้จริงใจมากนักเลย
ไม่มี 'อาชีพที่ดีที่สุด' มีเพียงผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่านั้น
นั้นเป็นเรื่องจริงในเกมรุ่งอรุณ ตราบเท่าที่ผู้เล่นมีความพยายามและเวลามากพอ พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจเกี่ยวกับอาชีพเลย
พเนจรเองก็พยายามอย่างดีที่สุดในการรั้งไวท์มีนไว้ ซึ่งความเสียหายของนักบวชก็ไม่ได้น้อย ตามที่ลูหลี่ได้พูดไว้ เธอมีทักษะสร้างความเสียหาย 2 อย่างคือ เงาแห่งวาจา ซึ่งสร้างความเสียหายสม่ำเสมอตลอดเวลาและ โฮลี่สไมท
ความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก วาจาแห่งเงา นั้นจะสูงอย่างมาก หากไม่ได้ลบล้างมันเร็วพอ
ส่วนโฮลี่สไมทนั้นไม่มีทางรับมือเลย พเนจรต้องทนรับความเสียหายให้ได้ ซึ่งโอกาสที่โฮลี่สไมทของไวท์มีนจะติดคริติคอลก็สูงมาก และเลือดของพเนจรก็พุ่งขึ้นพุ่งลงราวกับรถไฟเหาะ ทั้งหมดที่ฮาชิจังสามารถทำได้ก็คือ การรักษาต่อไป
"ทีมหนึ่ง พวกนายจะเป็นคนสู้กับไวท์มีน ซากุระและพเนจร พวกนายทั้งสองคนจะต้องคอยรับผิดชอบในเรื่องของการขัดจังหวะทักษะฮีลของเธอและทักษะชุบชีวิตแบบกลุ่ม ทักษะการชุบชีวิตแบบกลุ่มจะต้องถูกขัดจังหวะ หรือไม่อย่างนั้นทีมเราก็จะถูกฆ่ายกทีม ... "ลูหลี่ได้พูดคำแนะนำออกมา แต่เขาเองก็สังเกตุเห็นถึงศพของพาลาดินสีแดงที่กำลังลุกขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เขานั้นส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับพูดว่า "ฉันบอกให้พวกนายให้ความสนใจกับการขัดจังหวะทักษะของเธอ ทำไมไม่มีใครขัดจังหวะทักษะการชุบชีวิตแบบกลุ่มเลย?"
"เมื่อกี้เธอใช้ทักษะรักษา ฉันขัดจังหวะทักษะนั้นไปแล้ว" ซากุระตอบกลับไปอย่างไร้เดียงสา
"เราไม่ได้คุยกันเลย ฉันก็เลยใช้ทักษะขัดจังหวะของฉันไปด้วย ... " พเนจรกล่าวเพิ่ม
"เอาใหม่ มาสเรน ฮาชิจัง หาที่ๆเพื่อใช้ชาโดว์เมลและออกจากการต่อสู้ไป ทุกๆคน รับความเสียหายกันก่อนเลย "ลูหลี่นับจำนวนมอนเตอร์ที่ถูกชุบชีวิต มันมีจำนวนอยู่ทั้งหมดสิบแปดตัว ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดของทักษะการชุบชีวิตแบบกลุ่ม มอนเตอร์ระดับหัวหน้าสิบแปดตัวและบอสสองตัว ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้เลย
หลังจากผ่านไปสามสิบวินาที การต่อสู้ก็ได้สิ้นสุดลง
มาสเรนและฮาชิจังก็ได้ใช้ชาโดว์เมล เพื่อที่จะออกจากการต่อสู้ ก่อนที่จะกลับมาชุบชีวิตให้ทุกๆคนที่ตายลงไป
เมื่อพวกเขาได้เตรียมที่จะยอมแพ้แล้ว ลูหลี่และดอกไม้อ้างว้างก็เลยไม่ได้ตาย ความสามารถชาโดว์เมลของเอลฟ์นั้นเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมาก แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรทีมเลย
"ฉันจะปรับรูปแบบของทีมกันก่อน ทีมหนึ่งประกอบด้วยฉัน ซากุระ พเนจรและฮาชิจัง ส่วนคนที่เหลืออยู่ทีมสอง พเนจรและซากุระ พวกนายจะต้องพูดกันเกี่ยวกับการใช้ทักษะขัดจังหวะ ส่วนฉันจะเป็นคนรับหน้าที่ขัดจัดหวะทักษะชุบชีวิตแบบกลุ่มเอง ส่วนกฎของเราก็ยังคงเหมือนเดิม เราจะฆ่ามอแกรนกันก่อน ... "
"เราทำให้พวกเขายืนห่างกันได้ไหม?"พเนจรได้แนะนำออกมาอย่างฉับพลัน" ประมาณว่า ลากบอสคนหนึ่งออกไปข้างนอกของวิหาร?"
"พวกเขาเป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่และตายไปด้วยกัน นายจะไม่รู้สึกแย่งั้นเหรอ ถ้าหากต้องแยกพวกเขาออกจากกัน?"ลูหลี่นั้นกล่าวล้อเล่น เพราะยังไงความคิดของพเนจรนั้นก็ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ไวท์มีนจะปรากฏตัวออกมาในทุกๆที่ที่มอแกรนนั้นอยู่
ตั้งแต่ที่พวกเขาได้เริ่มรอบที่สองนั้นเอง มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงรอบที่สองได้ [รอบแรกมอแกรนคนเดียว รอบสองมีบอสสองคน]
ในตอนนี้ลูหลี่อยู่ทีมแรกและเขาก็รับหน้าที่ในการขัดจังหวะทักษะชุบชีวิตของไวท์มีน มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่งในดันเจี้ยน ดังนั้นแล้ว มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเธอที่จะชุบชีวิตมอนเตอร์หัวหน้าระดับ 32 ขึ้นมา
พเนจรและซากุระรับหน้าที่ในการขัดจังหวะทักษะอื่น คงเป็นเพราะพวกเขาได้พูดคุยกันก่อนว่าใครจะขัดจังหวะทักษะเป็นคนแรก พวกเขาจึงสามารถขัดจังหวะทักษะรักษาของไวท์มีน โดยที่ไม่ได้ใช้ทักษะทับซ้อนกันเลย
นอกจากทักษะการรักษาของเธอแล้ว ไวท์มีนยังมีทักษะ ถ้อยคำอันทรงพลัง:โล่ มาสเรนเองก็เรียนรู้ทักษะนี้เหมือนกัน มันจะช่วยสร้างโล่ป้องกันความเสียหายจำนวนหนึ่งให้แก่เพื่อนร่วมทีม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อทักษะแบบนี้ได้มาอยู่ในมือของบอส มันจะทรงพลังมากขึ้นแค่ไหน
ถ้อยคำอันทรงพลัง: โล่ ของไวท์มีน สามารถดูดซับความเสียหายได้ 10,000 แก่สามีของเธอเอง
ทักษะนี้เป็นทักษะใช้งานทันทีและไม่สามารถถูกขัดจังหวะได้ ดังนั้นแล้ว ทุกๆคนจะต้องทำลายโล่ก่อน เพื่อที่จะสร้างความเสียหาย โชคดีที่ทักษะนี้มีเวลาคูลดาวน์ ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงสามารถต่อสู้ต่อไปได้ด้วยคำแนะนำของลูหลี่