จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 406
บทที่ 406: คู่รัก (1)
มอนเตอร์ทั้งหมดถูกจัดการไปหลังจากนั้นไม่กี่นาที และคนที่ตายก็ได้ถูกชุบชีวิตขึ้นมา
ลูหลี่และคนอื่นๆเดินเข้าไปในมหาวิหารและเริ่มเดินทางไปหาเรโนลต์ มอแกรน
"มันไม่ควรที่จะเป็นไวท์มีนงั้นเหรอ?"พเนจรถามออกมาอย่างสับสน
จากเรื่องเล่าที่ลูหลี่ได้พูดมา ไวท์มีนและมอแกรนเป็นคู่รักที่ปกครองครูเซเดอร์สีแดงด้วยกัน ในแง่ของผู้มีอำนาจแล้ว ไวท์มีนเป็นผู้ตรวจสอบระดับสูง ดังนั้นแล้ว พวกเขาควรจะพบกับเธอ หลังจากที่จัดการกับคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าเธอแล้ว
"ขอแสดงความยินดีด้วยทุกๆคน! เรากำลังจะทำอะไรที่ท้าทายกัน เราจะต้องพบกับบอสสองคนในครั้งเดียว "ลูหลี่ประกาศในขณะที่เขาตบมือเพื่อพยายามที่จะทำให้บรรยากาศนั้นดีขึ้น
แกร๊ง!
อาเซอร์ซีบรีสตกตะลึง อาวุธของเขาเองก็ร่วงลงไปกับพื้น
เขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่ตกใจมากๆ ไม่มีใครที่จะสามารถสงบสติอารมณ์ได้ หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ ซึ่งลูหลี่นั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะเขารู้เรื่องนี้แล้ว
"หลังจากที่เรโนลต์ได้ฆ่าพ่อของเขา จิตใจของเขาก็ค่อนข้างที่จะไม่มั่นคง แต่ไวท์มีนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ในเรื่องนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันที่มหาวิหารแห่งนี้และปลอบโยนซึ่งกันและกัน ดังนั้นแล้ว ระบบจึงได้ทำให้พวกเขานั้นต่อสู้ไปด้วยกัน "ลูหลี่กล่าวอธิบาย พร้อมกับแบมือ เพื่อที่จะแสดงว่าเขานั้นบริสุทธิ์ใจ
โทษระบบเลย ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นความผิดพลาดของระบบ
"ลูหลี่ นายรู้ไหมว่านายกำลังเล่นกับไฟ?"แม้แต่ดอกไม้ไม้อ้างว้างที่มักจะเย็นชาอยู่เสมอก็ยังไม่สามารถอดได้ที่จะพูดกับลูหลี่ แค่ดันเจี้ยนความยากระดับฝันร้ายก็หนักแล้วสำหรับพวกเขา แล้วในตอนนี้อีก มันเหมือนกับพวกเขาตายทั้งเป็นเลยทีเดียว
"ไม่ต้องกังวลหรอก เราทำมันได้น่า" ลูหลี่กล่าวให้กำลังใจ
ทุกๆคนนั้นรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่มีเหตุผลอะไรรับรองเลย แต่เขาก็พูดจริงทำได้จริงอยู่แล้ว ซึ่งในความยากระดับฝันร้ายนั้น วิเชสเองก็ได้ทำให้พวกเขาค่อนข้างลำบากนิดหน่อย พวกเขาถูกกวาดล้างยกทีมไปสามครั้ง ก่อนที่ในรอบที่สี่พวกเขาจะสามารถจัดการกับมันได้
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ไม่เคยที่จะสู้หากเขาจะแพ้ เขานั้นไม่คิดที่จะเลือกความยากระดับฝันร้ายเลย หากพวกเขานั้นไม่มีโอกาสที่จะเคลียร์มันได้
"บอกพวกเรามาว่าต้องทำอะไรบ้าง"
ในที่สุดพวกเขาทุกคนก็เลิกกังวล เพราะพวกเขาได้ฆ่าบอสตัวแรกไปแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถเปลี่ยนระดับความยากได้อีกหนึ่งสัปดาห์
"ฉันจะบอกนายถึงกฏพื้นฐานกันก่อน ประการแรก เราจะต้องเผชิญหน้ากับผู้บังคับบัญชามอแกรน เราจะต้องฆ่าเขาก่อน ... "ลูหลี่เริ่มบอกกลยุทธให้แก่ทีมของเขา
"เดี๋ยวก่อนนะ นายจะบอกว่าไวท์มีนจะไม่ทำอะไรเลยในตอนที่เราฆ่าผู้บังคับบัญชางั้นเหรอ? แล้วแบบนี้จะนับว่าต้องเจอกับบอสสองตัวได้ยังไง?"พเนจรนั้นรู้สึกสับสนในคำอธิบายของลูหลี่
"นายอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ ก่อนที่เราจะฆ่าผู้บังคับบัญชา ไวท์มีนก็จะไม่ปรากฏตัวออกมา แต่หลังจากที่เราฆ่าผู้บัญชาการไปแล้ว เธอจะเดินออกจากด้านหลังของห้องโถง เพื่อชุบชีวิตเรโนลต์ ... "
"เราจะขัดขวางการคืนชีพของเขาได้ไหม?"อาเซอร์ซีบรีสถามอย่างสิ้นหวัง
"นายคิดยังไงล่ะ?"ลูหลี่ส่ายหัวและพูดต่อ" ต่อจากนั้นจะเป็นการพบกันกับบอสสองตัวแล้ว "
"ฉันควรจะดึงความสนใจบอสคนไหน? มันเป็นความกดดันที่มากเกินไปหรือเปล่า?"พเนจรถาม
"นายจะต้องรับผิดชอบไวท์มีน เธอเป็นนักบวช ดังนั้นแล้ว ความเสียหายที่เธอสร้างขึ้นมาจึงน้อยมากเลยทีเดียว สิ่งที่นายต้องระวังคือ วาจาแห่งเงา ของเธอ มันเป็นทักษะที่มีผลเป็นเอฟเฟคและนายจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการขจัดเอฟเฟคนั้นออกไป ส่วนทักษะอื่นๆที่นายต้องคอยเฝ้าระวัง คือทักษะรักษาของเธอ นายจะต้องขัดจังหวะทักษะนี้... "
"นั่นมันกดดันมากเกินไปแล้ว" พเนจรกล่าวออกมา หัวของเขาตอนนี้ปวดเป็นอย่างมาก
"แล้วเราจะฆ่าใครก่อนล่ะ"มูนไลท์ได้ถามเผื่ออาชีพที่สร้างความเสียหายทั้งหมดในทีม
"นายไม่สามารถที่จะฆ่าใครก่อนได้ ถ้าไวท์มีนตายก่อน เรโนลต์จะบ้าคลั่ง ถ้าเรโนลต์ตายก่อน ไวท์มีนจะชุบชีวิตเธอ เราจะต้องฆ่าพวกเขาพร้อมๆกัน "ลูหลี่กล่าวอย่างจริงจัง
ดันเจี้ยนนี้ยากมากพอแล้ว และตอนนี้พวกเขายังต้องฆ่าบอสสองตัวให้ตายในเวลาใกล้ๆกันด้วย
"อย่าหมดกำลังใจสิ ตราบเท่าที่พวกนายทำตามคำแนะนำของฉัน เราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน "ลูหลี่กล่าวออกมาเพื่อสร้างกำลังใจ เพราะพวกเขานั้นต้องการคำบางคำ เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาเอง
"เรโนลต์มีทักษะพิเศษอะไรหรือเปล่า?"อาเซอร์ซีบรีสถามในขณะที่เขากำขวานของเขาแน่น
"ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ควรที่จะดูถูกเขา เพราะเขาเป็นผู้บังคับบัญชาของครูเซเดอร์สีแดงและเขาก็เป็นพาลาดิน ดังนั้นแล้ว เราจึงต้องคอยระวังทักษะพาลาดินของเขา "ลูหลี่ตอบเขากลับไป ในขณะที่ส่งสัญญาณให้เริ่มต่อสู้
จากนั้นเอง อาเซอร์ซีบรีสก็ได้พุ่งเข้าไปปะทะ
"ข้าจะเป็นวีรบุรุษให้ได้ ท่านพ่อ"
พาลาดินหนุ่มคุกเข่าลงตรงกลางห้องโถงแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับโบกดาบยาวที่อยู่ในมือของเขา โล่ของอาเซอร์ซีบรีสถูกฟันและตัวของเขาก็ลอยออกไป
อาเซอร์ซีบรีสรีบลุกขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่บอสอีกครั้ง
"อย่าพึ่งโจมตี ปล่อยบอสให้ความสนใจทั้งหมดไปที่ซีบรีสก่อน"
นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากเลยทีเดียว หลังจากที่อาเซอร์ซีบรีสได้ติดสตันเป็นเวลา 6 วินาที ด้วยค้อนแห่งความเที่ยงธรรม เรโนลต์ก็ไม่หันไปสนใจคนอื่นอีก เพราะเขาได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่อาเซอร์ซีบรีสแล้ว
ทักษะการอุทิศของพาลาดินนั้นทำให้พื้นรอบๆนั้นลุกเป็นไฟ และแค่เพราะทีมของเขาไม่ได้โจมตี มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ได้รับความเสียหาย
แม้ว่าพวกเขาจะสัมผัสเปลวเพลิงแค่แปปเดียวก็ตาม HP ของพวกเขานั้นก็ลดลงเรื่อยๆ ดังนั้นแล้ว ทุกคนจะต้องโจมตีไปด้วยในขณะที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ
บอสนั้นเป็นอาชีพที่ต่อสู้ระยะใกล้ อาเซอร์ซีบรีสจึงถูกขอให้ลากบอสไปยังจุดที่ไม่มีเปลวเพลิง เพื่อที่จะให้สมาชิกทีมของเขาสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างเต็มที่
"ฮีลเลอร์ สนใจการใช้มานาของตัวเองด้วย ส่วนคนอื่นๆ อย่าลืมดื่มโพชั่นแทนการรอรักษาโดยฮีลเลอร์ด้วย"
ลูหลี่นั้นสังเกตุเห็นว่ามาสเรนรับภาระการรักษาหนักเกินไปและต้องเตือนเธอให้รักษามานาของตัวเองไว้
บอสทั้งสองตัวของมหาวิหารสีแดงต้องยากอย่างแน่นอน
ด้วยระยะเวลาการต่อสู้ที่นาน มันย่อมแน่นอนว่าทีมจะต้องถูกกวาดล้าง
เพราะมานาของฮีลเลอร์นั้นไม่ได้มีไม่จำกัด
"ซากุระ อย่าพึ่งใช้กระหายเลือดตอนนี้ ใช้มันในตอนที่ฉันบอกเธอ"ลูหลี่กล่าวในขณะที่เขาตั้งใจดู HP ของบอสอย่างใกล้ๆ
ภายในสิบนาที เรโนลต์ มอแกรนก็ได้สูญเสียเลือดไปกว่าครึ่งหนึ่ง เขามีพลังป้องกันที่สูง แต่เขาก็ไม่ได้สร้างความเสียหายได้มากนัก ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่ได้ท้าทายอะไรนัก หลังจากที่พวกเขาทุกคนเข้าใจทักษะส่วนหนึ่งของเขา
นี้ยังไม่ได้พูดถึง HP 120,000 จุดของเขา ซึ่งต่ำมาก หากเอาไปเทียบกับบอสคนอื่นๆที่มีระดับเดียวกัน
"โอ้ **** บอสนี้มันจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว พาลาดินมีทักษะนี้เหมือนกันงั้นเหรอ?"พเนจรสบถออกมาเสียงดัง
หลังจากที่พวกเขาได้ทำให้เลือดของเรโนลต์ มอแกรนลดลงเหลือ 30% เขาก็ยกมือขึ้นมาแล้วก็ใช้ทักษะเพื่อฟื้นฟูเลือด
เลย์ออนแฮน! [ถ้าจะแปลว่า วางมือ มันก็ยังไงยังไงอยู่]
นี่คือทักษะรักษาที่แข็งแกร่งที่สุดของพาลาดิน
หากต้องการที่จะเรียนทักษะเลย์ออนแฮน พาลาดินจำเป็นที่จะต้องมีค่าสถานะด้านสติปัญญาจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้มันมากเลยทีเดียว พาลาดินสายป้องกันและโจมตีนั้นไม่สามารถที่จะเรียนรู้ทักษะนี้ได้ คงจะมีแต่พาลาดินสายฮีลเลอร์เท่านั้นที่ทำได้ เพราะพวกเขาจะลงค่าสถานะส่วนมากไว้ที่ค่าสติปัญญา
อย่างไรก็ตาม NPC ไม่ได้ถูกจำกัดโดยกฎของระบบพวกนี้ ตราบเท่าที่ทักษะนั้นเป็นทักษะของพาลาดินและระบบตั้งค่าว่าเขาสามารถเรียนรู้ได้ เขาก็จะใช้ได้
โชคดี หลังจากที่บอสสองตัวได้ออกมาสู้ด้วยกัน เลย์ออนแฮนจะไม่ถูกใช้อีก ไม่อย่างนั้นแล้ว ดันเจี้ยนนี้คงจะไม่มีใครที่สามารถเคลียร์มันได้
"ซากุระ ใช้กระหายเลือด คนอื่นๆสร้างความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราจะต้องฆ่าบอสภายในสิบห้านาที ไม่อย่างนั้นเราจะต้องพบกับเลย์ออนแฮนอีกครั้ง "ลูหลี่นั้นได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ซึ่งนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาให้ทุกๆคนเก็บทักษะที่สำคัญไว้ก่อน
ระบบนั้นได้คำนวณทุกๆสิ่งไว้แล้ว เฉพาะทีมที่มีความสามารถเท่านั้นที่จะสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ได้และทีมส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ต้องถูกคัดกรองกัน
สำหรับทีมของลูหลี่แล้ว พวกเขาถือว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด
กระหายเลือด เป็นทักษะที่มีประสิทธิภาพและทุกคนก็มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการต่อสู้ในแบบของตัวเอง หลังจากที่สร้างความเสียหายมาสักพัก พวกเขาก็ได้มาถึงเป้าหมายช่วงแรกของการต่อสู้แล้ว
เรโนลต์ มอแกรนไม่ได้ใช้เลย์ออนแฮน เพราะติดคูลดาวน์และเขาก็ร่วงลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ
"มอแกรนตายงั้นเหรอ? พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องชดใช้!"มีเสียงหนึ่งได้ดังก้องอยู่ในห้องโถงที่ว่างเปล่า ตามด้วยทักษะสตันที่ทำให้กลุ่มทหารรับจ้างซินซินทุกๆคนติดสถานะหลับไหล
แน่นอนว่าทักษะนี้ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นนอนหลับจริงๆ มันแค่ไม่ให้พวกเขาทำอะไรเท่านั้น
ในตอนนี้ พวกเขาทุกคนทำได้เพียงมองหญิงสาวผู้แสนงดงามที่มีขาเรียวยาวและสวมใส่เสื้อสีแดง ก้าวออกมาจากห้องโถง