จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 399
บทที่ 399: ความไม่พอใจของแฟรี่น้ำ
ลูหลี่เองก็ไม่ได้โชคดีนักในครั้งนี้ เขาได้รับกริชเงินระดับ 30 ที่เลวร้ายยิ่งกว่า กริชสองเล่มที่เขาเคยสวมใส่ แม้แต่ดาบที่เขามีอยู่ในกระเป๋าของเขา ก็ยังดีกว่ามัน ดังนั้นแล้ว เขาจึงส่งมันไปที่คลังเก็บของๆสมาคม เพื่อที่จะเพิ่มคะแนนให้กบัตัวของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ทั้งลูกชิ้นงาและซากุระต่างก็ได้รับไอเท็มดีๆกัน ลูกชิ้นได้รับอุปกรณ์ที่มีค่าสถานะที่ดีพอสมควร ส่วนซากุระเองก็ได้รับหนังสือทักษะ
"ความโกรธเกรี้ยวของชาแมน" ผลของทักษะนี้จะลดความเสียหายที่โดนตัวชาแมนผู้ใช้ลงไป 30% เป็นเวลา 15 วินาที ส่วนสำคัญของทักษะนี้คือสามารถใช้งานได้ในทันที แม้ว่าจะติดสตันอยู่ก็ตาม ดังนั้นแล้ว มันจึงเป็นทักษะลดความเสียหายที่ดีเลยทีเดียว
ส่วนคนอื่นๆก็ได้รับของที่ดีเหมือนกัน แต่พวกมันก็ไม่ได้เหมาะกับพวกเขาเลย
กลุ่มทหารรับจ้างซินซินประสบความสำเร็จในการเคลียร์ครั้งแรกอยู่บ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว อุปกรณ์ของพวกเขาจึงค่อนข้างที่จะพิเศษมาก ซึ่งนั้นทำให้การใช้ไอเท็มธรรมดาๆเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา
ตัวอย่างเช่น กรงเล็บที่ซากุระสวมใส่อยู่เป็นอุปกรณ์ที่มีระดับ 20 แต่เอฟเฟคของมันดีเกินไปที่จะเปลี่ยน นั้นมันเป็นเหมือนกับเสื้อคลุมของลูหลี่เลย เสื้อคลุมอันเก่าของลูหลี่มีระดับ 15 ซึ่งมันก็อยู่กับเขาเป็นเวลานานพอสมควร
"กลยุทธของนาย นายต้องการเท่าไหร่!?"มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา โทนเสียงนี้มีทั้งความก้าวร้าวและตรงไปตรงมา
มันไม่ได้ใช้เวลานานนักที่พวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยน ในขณะที่ทั่วทั้งโลกยังคงพูดถึงกลุ่มทหารรับจ้างซินซินอยู่ แฟรรี่น้ำก็ได้ส่งข้อความมาแล้ว
"ไม่มีกลยุทธ์มากนักหรอกสำหรับคลังแสง เธอแค่ต้องหลบระเบิดเท่านั้น เราโชคดีและทำสำเร็จ "ลูหลี่อธิบาย เขาคงจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถต้านทานความสวยของผู้หญิงคนนี้ได้
แฟรี่น้ำเป็นผู้หญิงที่สวยงามที่มักจะได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการเสมอ เช่นนี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าลูหลี่นั้นไม่สนใจเธอเลย
ผู้หญิงที่งดงามมักจะเป็นจุดอ่อนของฮีโร่ทุกๆคน ผู้ชายส่วนมากก็มักจะประสบปัญหานี้กัน
สมาชิกของสมาคมดิสซี่คอสไม่ได้สูงมากนัก พวกเธอมีเพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น แม้กระนั้นก็ตาม พวกเธอก็ยังคงถูกจัดอันดับให้เป็นสมาคมใหญ่
ถ้าพวกเธอกล่าวว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นๆที่สนับสนุนพวกเธอ พวกเธอคงจะโกหก
เมื่อผู้เล่นได้พบเข้ากับผู้เล่นของสมาคมดิสซี่คอสกำลังสู้กับบอสป่า พวกเธอจะไม่ได้จัดการในบอสป่าทันที แต่พวกเธอจะจัดการกับผู้เล่นคนอื่นๆก่อน
ในกลุ่มผู้เล่นสตาร์ที่เข้าร่วมการ PVP นั้น ครึ่งหนึ่งของกลุ่มคนพวกนี้มักจะเกี่ยวข้องกับสมาคมดิสซี่คอส ผู้เล่นในกลุ่มนั้นรวมถึง มังกรฝุ่น หัวหน้าของสมาคมธงสงครามสีเลือดและอาเซอร์ซีบรีส ดอกไม้อัมพาต
แฟรี่น้ำนั้นรู้สึกโกรธเคืองมากและก็ได้ออกจากห้องสนทนาไป มันค่อนข้างที่จะเป็นประสบการณ์ที่น่าขบขันน่าดู
ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยไม่สนใจเธอมาก่อน แต่ไม่มีใครเลยที่สามารถทำมันได้มากเท่าลูหลี่ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะพิเศษในเรื่องนี้
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว นักธุรกิจหญิงก็ได้ไปฟาร์มเก็บเลเวลต่อ แต่ในใจของเธอยังคิดถึงลูหลี่ด้วยความแค้น
นายคงจะดีเกินไปที่จะให้ฉันช่วย ถ้านายมาขอร้องฉัน ฉันจะไม่ช่วยนายอีกแล้ว
หลังจากที่เคลียร์คลังแสงเสร็จ ลูหลี่และคนอื่นๆก็เข้าไปยังมหาวิหารสีแดงในทันที
นี่เป็นดันเจี้ยนสุดท้ายของอารามสีแดงและเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เมื่อพวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนนี้แล้ว พวกเขาจะถูกพิจารณาว่าสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนทั้งเซ็ตได้
หากจะพูดง่ายๆ มหาวิหารสีแดงคือพื้นที่ที่ยังไงพวกเขาก็จะต้องเข้าไปเคลียร์ในอารามสีแดง
ประวัติของครูเซเดอร์สีแดงสามารถแบ่งออกได้เป็นสองช่วงเวลา หนึ่งใคือช่วงเวลาที่ อเล็กซานเดอร์ มอแกรน ยังคงมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลานี้ จอมพลแอ็บเบนดิส ผู้ตรวจสอบสอิสสิเลียนและไฮท์ลอร์ดมอแกรนได้ร่วมกันสร้างครูเซเดอร์ขึ้นมา
ในสมัยก่อน พวกครูเซเดอร์เป็นองค์กรชั้นสูง ซึ่งพฤติกรรมคลั่งและความรุนแรงที่เห็นได้อยู่ในตอนนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย
ส่วนช่วงเวลาที่สองคือ ช่วงเวลาที่มีการประกาศว่า อเล็กซานเดอร์ มอแกรน ได้ตายลงไปแล้ว นี่คือตอนที่ทำให้ครูเซเดอร์สีแดงเริ่มก้าวเข้าสู่ความบ้าคลั่ง
สาเหตุหนึ่งของการที่ทำให้พวกเขาบ้าคือ อเล็กซานเดอร์ มอแกรน ตาย
เขาถูกสังหารโดยลูกชายของเขาเอง ในตำนานของเกมรุ่งอรุณ เรโนลต์ มอแกรนและอาทัสก็ค่อนข้างคล้ายกันอยู่บ้าง [ใครลืมอาทัสนะครับ อาทัสคือคนดีๆที่กลายเป็นลิชคิง เพราะดาบฟรอสโบนต์ในตำนาน ฆ่าบิดาด้วย]
เมื่อโรคระบาดได้ปรากฏตัวขึ้นมาครั้งแรก เรโนลต์ก็ได้อาศัยอยู่ในโรงงาที่บิล แม่ของเขาเสียชีวิตและแลกเธอก็ได้สละชีวิตของเธอเพื่อน้องชายของเขา
เรโนลต์ได้เข้าร่วมเป็นพาลาดินแห่งหัตถ์เงิน เมื่อเขาอายุประมาณ 15 ปี แต่เมื่อเจ้าชายอาทัสได้ทรยศต่อลอร์ดเดเรียน ลอร์ดเดเรียนก็ราวกับตกนรกทั้งเป็น
ในระหว่างการต่อสู้ที่อันเดอร่า อูเทอร์ไลท์ บริงเกอร์ก็ได้ถูกสังหารโดยอาทัส หัตถ์แห่งเงินได้ถูกทำลายลงแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็มีเพียง อเล็กซานเดอ มอแกรน, อิลสิเลียน, อัลเฟร็ด, แอ็บเบนดิสและคนอื่นๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในหมู่คนพวกนี้ก็เป็นคนที่ช่วยกันสร้างครูเซเดอร์สีแดงขึ้นมา
ส่วนเรโนลต์ มอแกรนเองก็มีการแข่งขันสูงนับตั้งแต่วัยเด็กของเขา เขาเป็นลูกของพาลาดินที่มีชื่อเสียง อเล็กซานเดอร์ นั้นทำให้ความปรารถนาของเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เขาอยากจะเป็นฮีโร่อย่างพ่อของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ลูกชายตระกูลแอชบลิงเกอร์[อาทัส]ได้ถูกเงาของบิดาบดบังตลอดเวลา เขาก็ไม่ต้องการทีจะพึ่งพาพ่อของเขาและพยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อที่จะทำให้เขาเห็นว่าเขานั้นเป็นนักรบที่กล้าหาญและมีเกียรติ อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่ดีที่สุดของเขา มักจะจบลงโดยที่ ไฮลอร์ดมักจะพบความผิดพลาดในตัวเรโนลต์และมักตำหนิเขาในที่สาธารณะชนเสมอ ซึ่งทำให้เขารู้สึกหมดความนับถือในตนเองลงไป
บางทีไฮท์ลอร์ดคงจะยังหวังว่าลูกชายของเขาจะกลายเป็นวีรบุรุษที่ดีได้ ซึ่งนั้นจึงอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาเข้มงวดขนาดนั้น
แม้กระนั้นก็ตาม ตลอดทั้งเรื่องราวย่อมมีบางสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ
ในที่สุด พ่อและลูกชายก็เป็นศัตรูกัน เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง นักบวชสาวไซลี่แห่งครูเซเดอร์สีแดง
ไวท์มีนได้โตขึ้นพร้อมกับเรโนลต์และทั้งคู่ต่างก็ชอบกันตั้งแต่เด็ก
อย่างไรก็ตาม ลูกชายของอเล็กซานเดอร์จะตกหลุมรักลูกสาวบุญธรรมของเขา มันเป็นที่ยอมรับไม่ได้เลยสักนิด เขาอ้อนวอนต่อเรโนลต์ เพราะมันเป็นหลักความเชื่อของพาลาดิน ซึ่งจะต้องมีความนอบน้อม ความมรเกียรติ ความเป็นวีรบุรุษ เสียสละ ความเมตตา ศรัทธาและความซื่อสัตย์ เขาต้องปฏิบัติต่อสตรีด้วยความเคารพและปกป้องพวกเธอ แต่ไม่ใช่ที่จะครอบครองพวกเธอ ความรู้สึกและราคะจะทำให้พาลาดินนั้นไปสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้
"ชายชราคนนั้นน่ารำคาญจริงๆ"
เด็กสาวสองคนที่ดูจะชอบเรื่องเล่าพวกนี้ก็ได้โกรธขึ้นมา เมื่อตอนที่ลูหลี่เล่าให้พวกเธอฟัง
"ไวท์มีนสวยขนาดนั้นจริงๆเหรอ?" พเนจรถามขณะที่เขาค่อยๆลูบคางของเขา เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่ดูดีกว่าเขาอยู่
"ฉันได้ยินว่าขาของเธอสวยกว่าตัวนายทั้งหมดอีก" อาเซอร์ซีบรีสหัวเราะ
"ไอ้สารเลว ทำไมนายต้องดูขาของฉันด้วย?"อารมณ์ของพเนจรพุ่งปรี้ดอย่างรวดเร็ว
"อะไรนะ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยนะเนี้ย" อาเซอร์ซีบรีสตอบกลับไป
มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในครูเซเดอร์สีแดงและไซเทน ดาเทอร์แฮนที่กำลังถูกสิงร่างโดยบัลนาซาอยู่ก็เกิดความกลัวขึ้นมาด้วย [เผ่าปีศาจเผ่าหนึ่ง] นอกเหนือจากนั้นเอง ก็มีเคลทาซัสที่ร่วมแผนการนี้ด้วย
ทั้งสองคนหนุ่มสาวมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและก็ได้เกิดแผนการขึ้นมา
ภายใต้คำแนะนำของผู้ทรยศอาซิเชียร์ เรโนลต์ก็ได้ล่อลวงพ่อของเขา อเล็กซานเดอร์และผู้ตรวจสอบแฟร์แบงค์เองไปยังซากปรักหักพังสตารท์โฮม ซึ่งก็เป็นพื้นที่ๆกำลังถูกรุนรานโดยโรคระบาดอยู่
ผู้ตรวจสอบแฟร์แบงค์ได้หายไปเวลานานและทิ้งให้อเล็กซานเดอร์อยู่คนเดียวพร้อมกับโรคระบาด เรโนลต์เองก็เดินมาจากฆ่าหลังและจัดการพ่อของเขาทำกำลังอ่อนแออยู่
อย่างไรก็ตาม การกระทำทั้งหมดของเรโนลต์ที่ฆ่าพ่อของเขาเอง ได้ถูกเห็นโดยแฟร์แบงค์
ผู้ตรวจสอบได้นำศพที่ติดเชื้อกลับมาที่อารามสีแดงด้วย จากนั้นเอง เขาก็ได้เปิดเผยพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของเรโนลต์ให้ทุกคนได้ฟัง แต่หลายคนรวมถึงอิลสิเลียนไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่ามันเป็นความจริง ไซลี่ ไวท์มีน เองก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสมรู้ร่วมคิดนี้ เธอจึงช่วยปกปิดอาชญากรรมของเรโนลต์ โดยเธอบอกว่า แฟร์แบงค์ ติดเชื้อและเขาก็ได้ถูกนำไปยังห้องลับในอารามสีแดง
หลังจากที่ผู้ตรวจสอบได้ถูกคุมขังแล้ว เขาก็ถูกแทนที่ด้วยไซลี่
ในดันเจี้ยนนี้มีบอสอยู่สามคนคือ ผู้สอบปากคำ จิมมี่ วิเชส ผู้บังคับบัญชาเรโนลต์ มอแกรนและผู้ตรวจสอบระดับสูง ไซลี่