จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 388
บทที่ 388: เดินโฮลคีป
ลูหลี่รู้ดีว่าเขานั้นเป็นใคร เพื่อที่จะมาถึงจุดนี้เขาจึงต้องเคยตกต่ำมาก่อน
เขานั้นไม่เคยรู้สึกเลยว่าได้รับสิ่งต่างๆจากคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนรอบตัวเขา เมื่อพนักงานเสิร์ฟสาวได้กล่าวแบบนี้ออกมา เขาจึงเริ่มขยับเล็กน้อย
แน่นอนว่า ใบหน้าของลูหลี่ในตอนนี้ไม่ได้ซ่อนอารมณ์อะไรเลย
ด้วยความเอื้ออาทรของพนักงานเสิร์ฟสาว ลูหลี่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการสร้างความเสียหายเลย
ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนถึงตอนนี้ ความเสียหายส่วนมากที่สร้างขึ้นมาก็มาจากพนักงานเสิร์ฟสาว ดังนั้นแล้ว ค่าความโกรธทั้งหมดของมันจึงอยู่ที่เธอ มันพยายามโจมตีใส่เธออย่างรุนแรงด้วยหมัดของมัน
ไม่มีทางเลยที่ลูหลี่จะสามารถดึงค่าความโกรธมาที่เขาได้ แม้ว่าเขาจะโจมตีไปเรื่อยๆก็ตาม
หลังจากผ่านไป 6 ถึง 7 นาทีเยติมิสก็ได้ร้องคำรามออกมา ก่อนที่จะลงไปกองกับพื้น
"ขอบคุณมาก"
ลูหลี่มองเห็นค่าประสบการณ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นและก็ได้กล่าวขอบคุณเธอไป
พนักงานเสิร์ฟสาวไม่ได้สนใจอะไรเขานักในตอนแรกและปล่อยให้เขาปกป้องตัวเอง แต่เธอก็ยังยอมให้เขาสร้างความเสียหายเพื่อเอาไอเท็มไป
"โจรสามารถใช้ทักษะของดรูอิดได้ยังไงกัน? ท่านช่วยบอกข้าได้ไหม?"พนักงานเสิร์ฟถาม
เธอถามไปตรงจุดทันทีโดยที่ไม่อ้อมค้อมอะไร
"ข้าได้รับไอเท็มพิเศษบางอย่างมา มันทำให้ข้าสามารถใช้ทักษะบางอย่างของดรูอิดได้" ลูหลี่ไม่ได้บอกทุกอย่างที่เขารู้ไป แต่เขาก็ไม่ได้เงียบกลับ
"ไอเท็มพิเศษ ... " พนักงานเสิร์ฟสาวพึมพำในขณะที่เธอเก็บกริชของเธอไปอย่างรวดเร็ว
อาเซรอธเป็นทวีปใหญ่และทุกคนก็ต้องการที่จะมีพลังมากขึ้น พนักงานเสิร์ฟสาวคนนี้ทำงานให้กับคฤหาสน์เรเวนฮอล์ ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่แน่ใจว่าเธอจะพอใจกับคำตอบที่เขาให้เธอไปหรือเปล่า บางทีเธอคงหวังว่ามันจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวของเธอเอง
เมื่อระดับ 45 แล้ว การจะเพิ่มความแข็งแกร่งนั้นใช้เวลานานมาก เธอจึงต้องหาวิธีบางอย่างในการเพิ่มพลังของเธอเอง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงรู้สึกตกใจมาก เมื่อเห็นลูหลี่กลายร่างเป็นเสือดาว
นี้เป็นแค่โจรที่อ่อนแอ (เมื่อเทียบกับเธอ) และนอกจากนี้แล้ว เขายังเชี่ยวชาญในการใช้ทักษะที่ทรงพลังอีก
ลูหลี่คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อลูทศพ เขาไม่ทราบเลยว่าพนักงานเสิร์ฟสาวกำลังคิดอะไรเลย เขาไม่แน่ใจว่าเธอวางแผนจะฆ่าเขาหรือเปล่า เพราะเธอดูตื่นเต้นมาก
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้กังวลอะไร แต่เพราะว่า ถึงเขาจะกังวลอะไรไป ก็คงจะไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้
นอกจากเขาอันบิดเบี้ยวของเยติมัสที่ลูหลี่ต้องการแล้ว มันยังมีค้อนเงินของพาลาดินสายสร้างความเสียหายระดับ 40 แต่มันก็ไม่ได้ดีเด่เท่าไหร่ ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมคนไม่ชอบที่จะฆ่ามอนเตอร์ระดับ 40 ตัวนี้กัน
การฆ่าเยติมัสเป็นงานที่ดูไม่มีคุณค่าอะไรเลย เขาอันบิดเบี้ยวของเยติมัสเองก็แทบจะไร้ค่าหากไม่ได้เอาไปใช้ในการทำบางอย่าง
ลูหลี่เก็บเขาอันบิดเบี้ยวของเยติมัสไว้ในกระเป๋าของเขา พวกมันมีขนาดใหญ่มากจนกินพื้นที่ว่างกระเป๋าไปสามช่อง จากนั้นเอง เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมองพนักงานเสิร์ฟสาว
เธอเองก็เพิ่งจะจ้องมองมาที่เขาเช่นเดียวกัน
เมื่อเธอเห็นลูหลี่มองไปที่เธอ เธอก็ได้พยักหน้าและพูดออกมาว่า "ไปกันเถอะ หวังว่าเราจะไปถึงที่นั่นก่อนมืด ... โอ้ มันมืดแล้ว ถ้าท่านยังอยากจะไปต่อ ข้าคิดว่าท่านจะต้องไปพักที่โรงแรมในทะเลทางใต้ก่อน "
"ข้าอยากไปที่คฤหาสน์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" ลูหลี่รู้ว่าเขายังมีเวลาเหลืออีก 40 นาทีและอาจจะไปได้ทันเวลา
เหตุผลที่นักผจญภัยส่วนใหญ่ยืนยันว่าจะออกจากระบบในโรงแรม ก็เนื่องจากพวกเขาสามารถได้รับค่าประสบการณ์คูณสองในวันถัดไป
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ยืนยันว่าพวกเขาจะพักเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินทางไปต่อ
ในตอนกลางคืน ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดนอกเหนือจากเยติมัสคือ โอเกอร์ ลูหลี่พบกับพวกมันสองตัวในระหว่างทาง พวกมันกำลังพยายามที่จะขโมยกวางบางตัวจากกลุ่มสิงโตภูเขา
โอเกอร์พวกนี้เดินไปรอบๆตลอดทั้งวันและแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากในเวลากลางคืน พวมันเป็นมอนเตอรหัวหน้าระดับ 35
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่สามารถต่อต้านการคอมโบทักษะของพนักงานเสิร์ฟสาวระดับ 45 ได้เลย ซึ่งลูหลี่ก็ไม่ได้มีโอกาสโจมตีด้วย ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่ได้ทั้งค่าประสบการณ์หรือไอเท็มเลย
เขาวางแผนที่จะมาที่นี้และฟาร์มโอเกอร์พวกนี้ เผื่อบางทีพวกมันจะดรอบสูตรสร้างโพชั่นเลือดระดับสูงไว้
สูตรโพชั่นเลือดระดับสูงไม่ได้หายากมากกว่าโพชั่นระดับกลางเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดี เมื่อพวกเขาได้มันมาแล้ว มันก็จะช่วยให้พวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนและต่อสู้ PVP ได้ดียิ่งขึ้น
หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที พวกเขาก็ได้มาถึงจุดหมายปลายทาง
เกี่ยวกับคฤหาสน์เรเวนฮอล์แล้ว ลูหลี่รู้แค่ว่า มันอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเดินโฮลคีป ซึ่งเขาไม่ได้รู้เกี่ยวกับที่ตั้งของมันจริงๆเลย แม้กระทั่งผู้ที่เข้ามายังในคฤหาสน์บางคน ก็ยังไม่สามารถระบุเส้นทางที่พวกเขาใช้เข้ามาได้
ส่วนเรื่องของเดินโฮลคีป มันเป็นสถานที่ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับตัวละครอันแสนยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
มีจ่าสิบเอกคนหนึ่งชื่อ เอเดลัส แบล็คมอล เขาได้พบเข้ากับออร์คทารกตนหนึ่งในป่า แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของฝ่ายพันธมิตรจะบอกให้เขาฆ่ามัน แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
ทาสออร์คมีราคาที่ถูกมาก ดังนั้นแล้ว จึงไม่มีใครที่ต้องการทารกออร์ค
แบล็กมอลได้ตั้งชื่อทารกออร์คตนนี้ว่า ซาร์ ซึ่งหมายถึงทาสในภาษาอื่น และเขาก็ได้นำทารกออร์คไปยังคุกของเดินโฮลคีป
ที่นั่น แบล็คมอลไม่เพียงแต่ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่เขายังได้ว่าจ้างอาจารย์มาสอนเขาเกี่ยวกับการทำสงครามยุทธวิธีและทักษะการต่อสู้ต่างๆ
แบล็คมอลต้องการให้ซาร์เป็นผู้นำที่ได้รับการสั่งสอน เพื่อที่จะให้เขาสามารถเข้ายึดออร์คฝ่ายเผ่าพันธุ์และใช้กองทัพออร์คเพื่อที่จะยึดครองโลก
หลังจาก 19 ปีผ่านไป ซาร์ก็ได้กลายเป็นออร์คที่แข็งแกร่งและมีความคล่องตัวสูง
หลังจากนั้นเอง เขาก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษซึ่งpืนหยัดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายพันธมิตร ลูหลี่นั้นให้ความเคารพกับออร์คตนนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะถูกปลูกฝังมาแต่วัยเด็กตาม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความสำเร็จของซาร์เป็นเพราะ แบล็กมอล ถ้าไม่มีเขา ซาร์คงจะตายโดยการอดยากในป่าก็เป็นไปได้
เดินโฮลคีปเป็นที่ที่ซาร์นั้นเติบโตขึ้นมา ซึ่งแม้กระทั่งคนอย่างเขา ก็ยังไม่รู้เลยว่า มีองค์กรลึกลับซ่อนอยู่ในเนินขาที่เขาอยู่อาศัย
บางคนบอกว่า เมื่อซาร์ออกมาจากเดินโฮลคีป เขาได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมนักฆ่าและนั้นทำให้เขาใกล้ชิดกับพวกเขาอยู่บ่อยๆ
แต่ในวันนี้ เดินโฮลคีปป็เพียงนเมืองที่ไร้ผู้คนและเป็นเพียงแค่เมืองของคนตายเท่านั้น คงจะเป็นแค่ตอนเนื้อเรื่องดำเนินไปถึงช่วงหนึ่งเท่านั้น ผู้เล่นถึงจะสามารถย้อนเวลากลับมาดูได้ว่า เดินโฮลคีปนั้นเคยเป็นอย่างไร
โครงเรื่องที่จะทำให้เกิดแบบนั้นได้เป็นเควสหายากที่มีชื่อว่า 'หลบหนีจากเดินโฮล' ซึ่งคุณจะต้องไปช่วยซาร์
ผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์และฝ่ายพันธมิตรสามารถทำภารกิจนี้ได้ มันเป็นเรื่องไร้สาระเล็กน้อยที่ฝ่ายพันธมิตรจะทำเควสแบบนี้ แต่มันก็ให้รางวัลดีพอสมควร ซึ่งลูหลี่ก็วางแผนว่าสักวันหนึ่งเขาจะมาทำมันเหมือนกัน
พวกเขาผ่านเดินโฮลครีปไปและพบว่าด้านหน้าของพวกเขาคือเทือกเขา
"ตามมาใกล้ๆล่ะ หรือไม่อย่างนั้นท่านก็จะหลงทางในเขาวงกตแห่งนี้" พนักงานเสิร์ฟสาวเตือน
"ข้าจะตามรอยเท้าของเจ้าไป ขอบคุณที่ดูแลข้ามาตลอดทาง" ลูหลี่นั้นไม่ได้สุภาพเกินไปเลยสักนิด เพราะมีคนต่อหลายคนที่ได้หลงทางอยู่ในที่แห่งนี้ ตราบเท่าที่พวกเขายังไม่ได้พบกเข้ากับคฤหาสน์เรเวนฮอล์ มันก็ยังไม่ใช่ชัยชนะที่แท้จริง