จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 387
บทที่ 387: ใช้ความแข็งแกร่งของนายเองจัดการมัน
เยติมัสสูงราวๆคนสามสี่คนต่อตัวกัน ลูหลี่นั้นดูเหมือนกับเด็กน้อยเลยทีเดียว เมื่อยืนอยู่ต่อหน้ามัน
ด้วยการตบอย่างแรงหนึ่งครั้ง มันได้ส่งลูหลี่ลอยละลิ่วไปไกล ทั้งสองฝ่ายมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันมาก ลูหลี่ถูกตบราวกับลูกปิงปอง
โชคดีที่พนักงานเสิรฟ์สาวเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ร่างอันแสนบอบบางของเธอวิ่งตรงเข้าไปหาเยติมัสที่มีความเร็วที่ดูไม่สมส่วนกับร่างกายขนาดใหญ่ของมันเลย และมันก็ได้ดึงมืออันใหญ่ยักษ์ของมันกลับมาในขณะที่มันกรีดร้องเสียงแหลมออกมา
อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่มันได้รับมาไม่ได้ทำให้มันหวาดกลัวเลย มันกลับยิ่งบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
มันกรีดร้องออกมาขณะที่พุ่งเข้าใส่ มือของมันอยู่เหนือศรีษะและทำท่าราวกับค้อนกำลังพุ่งลงมา
พนักงานเสิรฟ์สาวไม่ลังเลเลยที่จะหันกลับไปและวิ่งหนี่ เธอนั้นดึงลูหลี่ที่อยู่ข้างหลังเธอไปด้วย ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ มีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่เขาจะลอยขึ้นไปอยู่เหนือท้องฟ้าร้อยเมตร
ทั่วทั้งหุบเขาดูเหมือนจะสั่นสะเทือนจากความแข็งแกร่งของการโจมตีของมัน
"นี่เป็นครั้งแรกของท่านที่มาที่ฮิลส์แบรดใช่ไหม?"พนักงานเสิรฟ์สาวถามออกมาอย่างเย็นชา
ในฐานะที่เป็นโจรแล้ว เธอจะต้องไม่เผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามโดยตรง ซึ่งนี้เป็นวิธีการต่อสู้ของเธอ ตามปกติแล้ว เธอคงจะหนีออกมาจากมันแล้ว
"ข้าขอสาบานกับเทพธิดาแห่งดวงจันทร์เลยว่า ข้าพึ่งมาที่นี้เป็นครั้งแรก มอนสเตอร์ทั้งหมดในที่นี่มีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?"เสียงของลูหลี่ดูเศร้ามาก ราวกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขามายังที่ภูเขาฮิลส์แบรนแห่งนี้
"ท่านไม่ควรที่จะกระตุ้นข้านะ" พนักงานเสิรฟ์สาวกล่าวขณะที่ขมวดคิ้ว เมื่อเธอมองไปที่เยติมัสพร้อมกับถอนหายใจ
"ขอโทษที ข้าต้องดื่มเหล้าองุ่นมากเกินไปหน่อยและมันทำให้ข้าสูญเสียความสงบของข้าไปบ้าง" ลูหลี่กล่าวขอโทษ จากนั้นก็หยุดอยู่สักครู่ ก่อนที่จะพูดต่อว่า "ต่อหน้าผู้หญิงอย่างเจ้า คงจะมีชายมากมายที่อยากจะแสดงความกล้าหาญให้เจ้าเห็นอย่างข้า" [ลูหลี่พูดเหมือนกับตัวเองจะโชว์ออฟให้พนักงานสาวดู แต่จริงๆแล้วจะหลอกใช้เลยพูดแบบนี้ออกไป]
คำพูดที่ลูหลี่กล่าวออกมานั้นคล้ายคลึงเป็นอย่างมากกับภาษาที่ NPC ใช้คุยกัน
เขาไม่ค่อยมีความรู้ในการใช้ภาษา NPC มากนัก แต่ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเล่นเกมรุ่งอรุณและคุยกับ NPC เป็นเวลามากกว่าสองปี นอกจากนี้แล้ว เขายังได้อ่านงานวิจัยและอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเกมรุ่งอรุณ รวมถึงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์และแม้แต่เรื่องของหญิงสาวคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขา มันเหมือนกับว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
คำเยินยอของเขานั้นไม่ได้มากเกินจนทนไม่ไหว แต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะส่งผลต่อตัวของเธอเอง
"ไม่ใช่ความกล้าหาญเลยสักนิด มันก็แค่ความโง่เขลาเท่านั้น" พนักงานเสิรฟ์สาวกล่าวออกมาอย่างรุนแรง แต่เธอก็ให้อภัยลูหลี่อย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "ตั้งแต่ที่เจ้าได้ยั่วยุมันแล้ว ถ้างั้นก็จัดการมันด้วยกันเถอะ"
"ข้ายินดีที่จะต่อสู้เพื่อเจ้า พนักงานเสิรฟ์สาวผู้น่าหลงใหล" ลูหลี่กล่าวออกมาอย่างไร้ยางอายขณะที่เลียริมฝีปาก
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามที่คาด
ตอนนี้พวกเขาแค่ต้องกังวลเรื่องที่ว่า พวกเขาทั้งสองคนจะสามารถรับความเสียหายจากความแข็งแกร่งที่มาจากทักษะของมอนเตอร์ตัวนี้ได้หรือเปล่า
ทั้งสองคนเป็นโจรและพวกเขาก็ไม่มีฮีลเลอร์ ดังนั้นแล้ว ลูหลี่จึงไม่กล้าที่จะสู้กับเยติมัสโดยตรง นั้นทำให้เขาต้องวิ่งไปรอบๆด้านหลังของมอนเตอร์ตัวนี้และแทงไปที่มันด้วยกริชของเขา
-74!
นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่มากนัก แต่พลังโจมตีของเยติมัสก็สูงมากกว่า 300 จุด ดังนั้นแล้ว มันจึงดูเป็นความแตกต่างที่มากโข
หากไม่มีเควสเนื้อเรื่องแบบพิเศษ มันคงจะเหมือนกับตอนที่ลูหลี่และพาลาดินเดลแกรนได้ฆ่าผู้ขี่หมาป่าในด่านหน้ามาเอสท่า เมื่อผู้เล่นและ NPC ได้ร่วมมือกันสู้กับมอนสเตอร์ ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องสร้างความเสียหายมากกว่า 10% เพื่อที่จะให้อุปกรณ์ดรอบลงมา
ไม่อยา่งนั้นแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม นี้เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป ลูหลี่นั้นกำลังทำเควสคุ้มกันอยู่ แต่เขาได้ทำตัวเถลไถลไปมา เพื่อที่จะให้ตัวเองได้ปะทะกับบอส
ลูหลี่ไม่สามารถมองเห็นความเสียหายที่พนักงานเสิรฟ์สาวสร้างให้แก่บอสได้ แต่จากการสังเกตของเขา เขาคาดว่ามันคงจะมีค่าอยู่รอบๆ 500 จุด
ซึ่งเยติมัสมี HP ทั้งหมดกว่า 300,000 จุด!
แต่น่าเสียดายที่ลูหลี่นั้นคำนวณความเสียหายของพนักงานเสิรฟ์สาวผิดไป
พนักงานเสิรฟ์สาวมีอาวุธเป็นสะเก็ดมลพิษ ซึ่งเป็นอาวุธที่มีความเร็วในการโจมตีสูงสุดในเกม ตามที่เขาคิดไว้ ทุกๆการโจมตีหนึ่งครั้งของเขา เธอจะสามารถโจมตีได้สามครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกๆการโจมตีหนึ่งครั้งของเขา เธอสามารถโจมตีได้ถึงหนึ่งครั้งครึ่ง
หลังจากลองคิดดูสักนิด ลูหลี่ก็เริ่มที่จะกังวลเล็กน้อยและเริ่มเพิ่มความเร็วโจมตีอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเยติมัสก็ทุบกำปั้นลงกับพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ลูหลี่นั้นตอบสนองช้าไปหน่อย รอยแตกของพื้นแผ่กระจายไปทั่วๆและส่งเขาลอยขึ้นไปบนอากาศ
เขาอยู่ในอากาศสูงอย่างน้อย 300 เมตร!
ในความสูงขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ตกถึงพื้นจะต้องตายอย่างแน่นอน
ซึ่งการแสดงออกของพนักงานเสิร์ฟสาวต้องการที่จะช่วยเขา แต่เธอไม่สามารถทำมันได้ เพราะเธอต้องหลบการโจมตีจากมันอีก นอกจากนี้ ตัวของลูหลี่ยังอยู่ข้างหลังของมอนเตอร์ นั้นทำให้พวกเขานั้นอยู่ห่างกันเกินไป
ขณะที่เธอกำลังคิดว่าลูหลี่ตายไปแล้ว เขาก็ได้กลายร่างเป็นเสือดาวต่อหน้าต่อตาเธอ
การกลายร่างนี้ทำให้เธอตกใจมาก เพราะเธอคิดว่าลูหลี่นั้นเป็นแค่โจร
เธอเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบในการนำคนเข้าไปยังคฤหาสน์เรเวนฮอล์ ดังนั้นแล้ว เธอจึงมีทักษะการสังเกตอันยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เธอเริ่มคิดว่าเธอต้องเข้าใจบางอย่างผิดไปแน่ๆ
เมื่อลูหลี่ลงมาถึงพื้น เลขความเสียหายขนาดใหญ่ -1487 ปรากฏขึ้นมา ซึ่งเป็นการบอกว่าเขาสูญเสีย HP ไปเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะกลายร่างเป็นลูกแห่งป่า ซึ่งทำให้เขาได้บัพลดความเสียหายจากการตกลงมาจากที่สูง แต่กฎของแรงโน้มถ่วงก็ยังคงอยู่ แม้จะได้บัพแต่มันก็คงจะไม่เพียงพอที่จะกันความเสียหายได้ทั้งหมด
เขารีบดื่มโพชั่นระดับกลางและกลับไปต่อสู้อีกครั้ง
การแสดงออกของพนักงานเสิรฟ์สาวก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากที่ลังเลใจอยู่ชั่วครู เธอก็ได้กลับไปโจมตีเยติมัส
ผู้เล่นบางคนคงจะถอยออกไป หากโดนโจมตีแบบนั้น แต่ลูหลี่ได้ใช้ช่วงเวลานั้นในการเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง ดังนั้นแล้ว มอนเตอร์ตัวนี้จึงไม่สามารถที่จะคุกคาม HP ของเขาได้อีกแล้ว
นอกจากนี้ พนักงานเสิร์ฟสาวยังแข็งแกร่งมากและโจมตีใส่บอสราวกับเป็นนักรบ ดังนั้นแล้ว สถานการณ์ต่อจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรอันตรายเลย
ซึ่งในบางครั้ง ก็จะเกิดหมอกเลือดรอบตัวของเยติมัส ซึ่งพวกมันล้วนแต่ถูกดึงดูดเข้าไปยังตัวของพนักงานเสิร์ฟสาวเอง มันดูคล้ายๆกับการดูดซับพลังชิ [น่าจะเหมือนพลังปราณมัง้ครับ]
ดูดเลือด!
ลูหลี่อดไม่ได้ที่จะคิดเกี่ยวกับแหวนซูพรีมของเขา มัก็เคยมีคุณสมบัติที่คล้ายๆกัน แต่เมื่อเขาเพิ่มระดับของมันครั้งล่าสุด คุณสมับิตดูดเลือดก็ได้หายไป
เขาสงสัยว่า สะเก็ดมลพิษมีคุณสมบัติแบบนั้นเช่นกันงั้นเหรอ?
ลูหลี่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง ...
มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะได้ติดต่อกับเรเวนฮอล์ ลูหลี่รู้เฉพาะเรื่องของภูเขาน้ำแข็งเพียงอย่างเดียวในชีวิตก่อนหน้านี้ คงเพราะมันเป็นความลับ เขาจึงไม่ได้รู้อะไรมากนัก
หลังจากที่มองพนักงานเสิร์ฟสาวต่อสู้ ลูหลี่ก็กลืนคำถามที่เขาจะถามออกมาลงไป
เขารู้ดีว่า ปัญหาบางอย่างก็อาจจะเกิดขึ้นจากความขัดแย้งเล็กน้อย ดังนั้นมันคงจะดีกว่า หากเขาไม่ถามออกไป ลูหลี่กลัวว่ามันจะเป็นการล่วงเกินพนักงานเสิร์ฟสาว เพราะพวกเขายังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
หลังจาก 25 นาทีผ่านไป เยติมัสก็อ่อนแอลงมาก
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ก็ไม่ได้มีความสุขเลย เขาไม่สามารถทำความเสียหายได้ถึงเกณฑ์ 10% และพนักงานเสิร์ฟสาวก็โจมตีติดคริติคอลหลายครั้ง นั้นทำให้ความหวังของเขาริบหรี่ยิ่งกว่าเดิม
ถ้าเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ถึง 10% เขาคงจะไม่ได้รับเขาอันบิดเบี้ยวของเยติมัส
เขาต้องเรียกคนทั้งสมาคมมาจัดการกับมอนเตอร์ตัวนี้เพื่อที่จะเอาไอเท็มชิ้นนั้นหรือเปล่านะ?
แม้ว่าเขาจะรวบรวมมาทั้งสมาคม แต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะได้มันมา เพราะว่าคงจะไม่มีใครที่สามารถทนรับความเสียหายจากมอนเตอร์ระดับ 40 ได้ ซึ่งอาเซอร์ซีบรีสนั้นทำได้ แต่เขาจะต้องระดับมกากว่า 40 เสียก่อน
นอกจากนี้แล้ว สมาคมอื่นๆคงจะได้รับข่าวนี้และไม่น่าจะให้สมาคมกฏแห่งดาบต่อสู้กับบอสเพียงลำพังอย่างแน่นอน
"รีบๆโจมตีมันสิ ข้าให้เวลาท่านสิบนาที"
ลูหลี่รู้สึกทึ่งเล็กน้อย เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าเขา
พนักงานเสิร์ฟสาวยืนนิ่งและกำลังดึงค่าความโกรธจากบอสอยู่ แต่เธอหยุดโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว