จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 381
บทที่ 381: ความเป็นธรรม
ในทางทฤษฎี อาร์คานิส ดอน ไม่ควรที่จะอยู่ในที่แบบนี้
ซึ่งบริษัทเกมได้ให้คำอธิบายธรรมดาๆในเรื่องนี้ว่า ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์ของห้องสมุด ดอนจึงชอบห้องสมุดและเขาก็ไม่ชอบที่จะทำลายมัน เขาจะเคลื่อนที่ไปมาอย่างจำกัดและเขาจะใช้แค่เวทย์มนต์ที่พลังน้อยๆเท่านั้น
แม้กระนั้นก็ตาม มันยังจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการเขา
ลูหลี่ได้ปลดล็อคประตูด้วยกุญแจ ซึ่งเขาก็ได้เห็นนักเวทย์ชราหัวล้านคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่ออ่านหนังสือ
นักเวทย์ชราและหัวล้าน ...
ลูหลี่ไม่อาจเชื่อได้เลยว่า เขามีความกล้าที่จะชอบคนในตระกูลแอ็บเบนดิส ด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ของเขา ดอนเป็นคนที่ผู้เล่นชายหมายหัวมากที่สุดแล้วในเกมนี้
จอมพลแอ็บเบนดิสไม่เพียงแค่จะสวยมากๆเท่านั้น แต่เธอยังดูมีกลิ่นอายที่ดูกล้าหาญด้วย เธอเป็นที่รักและชื่นชอบจากทั้งชายและหญิง
"ข้าเป็นคนหยาบคายมากแค่ไหนเนี้ย ข้าไม่รู้เลยว่ามีแขกมาถึง "ในความระดับฝันร้าย ดอนนั้นดูมีสติปัญญามาก การแสดงออกทางสีหน้าของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไปเลย
"เลิกคุยได้แล้ว ตาแก่ ถ้าแกคุกเข่าลงและขอความเมตตา ฉันจะจัดการแกโดยไม่เจ็บปวดเลย "นอกเหนือจากอาเซอร์ซีบรีสแล้ว การที่จะหาคนอื่นที่กล้าพูดแบบนี้ ก็คงยากที่จะหามาได้ ประโยคของเขามีประสิทธิภาพกว่าทักษะยั่วยุเสียอีก ผมหยิกสีแดงของดอนเริ่มสั่นไปมาจากความโกรธของตัวเขาเอง
"ภายใต้คำสั่งจากบริทเก็ต เรามาที่นี้เพื่อกำจัดชีวิตอันโสโครกของแก" คำพูดของลูหลี่นั้นดูหยาบคายยิ่งกว่าเสียอีก
นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
ใบหน้าอันชราของดอนบิดเบี้ยวไปมา ซึ่งมันผสมผสานไปด้วยความอกหัก และความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้
"หุบปากซะที ไปและเริ่มโจมตีใส่บอสเถอะ" พเนจรกล่าวขณะที่เตะก้นของอาเซอร์ซีบรีสจากข้างหลัง
อาเซอร์ซีบรีสหันมามองข้างหลังอย่างช้าๆด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่จะพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับลูบก้นของเขา
ในตอนนั้นเอง ลูกไฟได้พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของดอน มันกระแทกเข้ากับอาเซอร์ซีบรีสและเกิดข้อความสีแดงขึ้นมา ติดคริติคอล!
"**** ความเสียหายมากกว่า 900 ในครั้งเดียว บอลเพลิงชนิดไหนเนี้ย? ดอกไม้ ดูและเรียนรู้จากมันทีสิ "
อาเซอร์ซีบรีสก้าวถอยหลังด้วยความกลัวและกระแทกโล่ของเขาใส่หัวล้านๆของดอน
"หยุดคุยได้แล้ว เราจะไม่เป็นไรเลย ถ้านายเป็นคนรับความเสียหาย "ลูหลี่ตะคอก ในทุกๆคนที่เขาสามารถกระตุ้นได้ เขากลับเลือกที่จะไปกวนตีนดอกไม้อ้างว้างแทน
ดอนถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้ในมือของเขาและใช้ทักษะไปพร้อมๆกัน ด้วยการขยับมือของเขาไม่กี่เขา เขาก็ได้ร่ายเวทย์มนต์ที่อ่อนแอออกมาด้วยความสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งใดๆมา แต่นั่นเป็นเพราะ ที่นี้คือห้องสมุดที่ดูเก่าแก่และเขาก็ไม่อยากที่จะทำลายมัน
อย่างน้อยมันก็ควรที่จะเป็นแบบนั้น ก่อนที่ HP ของเขาจะลดลงต่ำเกินไป ชายชราคนนี้คงจะไม่ทำอะไรที่ดูรุนแรงเกินไป
เพื่อความยุติธรรมในตัวเกม เวทย์มนต์ที่อ่อนแอพวกนี้ก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายเหมือนกัน HP ของอาเซอร์ซีบรีสได้เด้งขึ้นเด้งลงอย่างต่อเนื่อง จนอาจทำให้ใครบางคนในทีมหัวใจวายไปเลยก็ได้
นักเวทย์ชราได้พึมพำบางอย่างและนักเวทย์สีแดงสอคนก็ได้ออกมาจากช่องว่างมิติ
"ปู่ ทำไมคุณเป็นคนไร้ยางอายเกินไปแล้ว เรียกมอนสเตอร์ทั้งๆที่ตัวเองมี HP 89%" ฮาชิจังเองก็ไม่ประทับใจในเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด
ลูหลี่ไม่ได้มีเวลาในการไปดูถูกดูแคลนดอนพร้อมกับพวกเขา เขารีบพุ่งใส่มอนเตอร์ตัวหนึ่งและพร้อมสั่งให้คนอื่นๆโจมตีใส่มอนเตอร์อีกตัว
มอนเตอร์สองตัวนี้สามารถใช้ทักษะรักษาได้และพวกมันยังสามารถสร้างโล่ขนาดใหญ่ที่สามารถปกป้องตัวมันเองกับบอสได้ โล่นี้ถูกเรียกว่า โล่สีแดง ซึ่งมันทำให้มอนเตอร์ทุกตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อสีแดง ได้รับความเสียหายน้อยลงไป 99%
มันแทบจะเป็นทักษะที่ทำให้อมตะเลย
"ยื้อการต่อสู้ไว้และอย่าตายล่ะ" ลูหลี่ได้สั่งออกมาอย่างสงบ
ตั้งแต่ที่ดอนมีสติปัญญาสูงขึ้น เขาจึงไม่ได้มีรูปแบบการต่อสู้ที่ตายตัว เขาไม่เหมือนกับบอสตัวอื่นๆที่มักจะใช้ทักษะตามที่ HP ของตัวเองหมดลงไป
ตัวอย่างเช่น มอนสเตอร์สองตัวที่ถูกเรียกออกมา บางทีมันก็อาจจะถูกเรียกอีกครั้งก็ได้ในการต่อสู้
มีทีมไม่มากนักที่สามารถจบการต่อสู้กับบอสตัวนี้ได้ เนื่องจาก ไม่มีทางเลยที่ทั้งทีมจะจัดการกับมอนเตอร์ที่ถูกเรียกออกมาได้ในทันที มันจึงเป็นเรื่องแน่นอนที่มอนเตอร์สองตัวนี้จะได้ใช้โล่ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่พวกเขาจะทำได้ดีที่สุดคือการมีชีวิตอยู่รอดให้ได้
หลังจากสามสิบวินาทีผ่านไป โล่ก็ได้หายไปและมอนเตอร์ทั้งสองตัวก็ได้ถูกฆ่าโดยลูหลี่กับคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
"**** ตาแก่คนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว เลือดของเขาฟื้นฟูเร็วไปไหม" ดูเหมือนว่าอาเซอร์ซีบรีสกำลังจะร้องไห้ออกมาเลย ภายใต้เวทย์มนต์ที่ดูราวกับห่าฝนของบอส เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากจะใช้ทักษะลดความเสียหาย
"พยายามเข้าไว้ ไม่ต้องกังวลหรอก มันไม่ได้ยากขนาดนั้น"
น้ำเสียงของลูหลี่ยังคงปกติและเขาก็คอยปลอบสมาชิกทีมของเขาเอง
ในตอนนั้นเอง ดอนก็ได้ชี้นิ้วไปที่มาสเรนและก็ได้มีลมพัดเข้าใส่เธอ จนนักบวชสาวได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ
"ฮาชิจังทำหน้าที่รักษา ซีบรีส ถ้ามีทักษะลดความเสียหายก็ใช้เลย เบี่ยงเบนความสนใจจากบอสให้ออกไปจากมาสเรน ไม่อย่างงั้น การฮีลคงจะเป็นเรื่องที่ยากแน่ ฮาชิจัง เธอจะต้องเป็นคนควบคุมมัน เอาล่ะ ใช้ฟื้นฟูก่อน ... "ลูหลี่กล่าวสนับสนุนเด็กสาวตัวน้อย ด้วยความที่เขากลัวว่าฮาชิจังจะกลัวจนไม่กล้าที่จะทำอะไร
โชคดีที่ฮาชิจังเป็นมืออาชีพในการทำเควส อุปกรณ์ของเธอจึงดีมากและเธอยังมีทักษะพร้อมกับคะแนนทักษะอีกมากมาย
ลูหลี่แนะนำเธอไปทีละขั้นตอนและในขณะที่เธอใช้ทักษะฟื้นฟู สถานการณ์ก็ได้กลับมาสงบเหมือนเดิม
ดอนเป็นนักเวทย์ เขาจึงสามารถใช้โล่กับตัวของเขาเองได้
การที่เขาใช้โล่กับตัวเขาเอง ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สร้างความเสียหายหรือสร้างได้น้อยลง นอกจากนี้แล้ว เขายังสามารถฟื้นฟู HP ของตนเองได้อีก
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดให้กำลังใจของลูหลี่ พวกเขาทั้งหมดคงจะยอมแพ้แล้ว
แถบมานาของมาสเรนกำลังลดลงและต่ำลง เธอต้องเรียกเงาปีศาจของเธอออกมาเพื่อฟื้นฟูมานา ดอนยังคงมีเลือดเหลืออยู่สองในสาม ไม่ว่าเธอจะศรัทธาในตัวของลูหลี่มากแค่ไหน เธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอได้แพ้การต่อสู้นี้ไปแล้ว
เตะ!
ลูหลี่ขัดจังหวะทักษะด้วยเตะของเขา นั้นจึงเป็นการลดแรงกดดันให้กับทีมลงเล็กน้อย
มันยากที่จะยกเลิกทักษะของบอส เพราะการที่จะทำอย่างนั้นได้ ต้องขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้เล่นและโชคด้วย
ไม่ว่าทุกคนจะพยายามต่อสู้มากเท่าใด ฮีลเลอร์ของพวกเขาก็ตกอยู่ในความกดดันอย่างหนัก มานาของมาสเรนในตอนนี้อยู่ในสถานะวิกฤตอีกแล้ว
ซึ่งแท๊งค์นั้นก็ยังแข็งแกร่งอยู่มาก ค่าป้องกันของเขานั้นสูงมากและเขาก็ไม่ได้ถูกฆ่าได้ง่ายนัก ส่วนฮีลเลอร์เองก็มีทักษะทีดีเหมือนกัน เธอสามารถจัดการกับ HP ของแท๊งค์และสมาชิกคนอื่นๆในทีมได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่พวกเขาต้องทำแบบนี้เป็นเวลานาน มันจึงเหมือนกับจุดอ่อนของพวกเขาเอง
สิ่งที่โชคดีอย่างเดียวในการต่อสู้คือ มานาของดอนกำลังลดลงไปเรื่อยๆราวกับหยาดฝนที่ตกลงมา
เขาพยายามที่จะใช้ "อีโวเคชั่น" เพื่อฟื้นฟูมานาของเขา ซึ่งตัวของดอกไม้อ้างว้างก็มีทักษะนี้เหมือนกัน
แต่ลูหลี่ก็ได้ขัดจังหวะทักษะของเขาด้วยการเตะ ถ้าการเตะของเขานั้นล้มเหลว มันจะเป็นเรื่องที่แน่นอนเลยว่าพวกเขาจะต้องถูกกวาดล้างยกทีม ดังนั้นแล้ว ลูหลี่จึงต้องคอยให้เวลาแบบนี้มาถึง
"เวทมนตร์ ไม่มีใครที่เข้าใจเวทมนตร์หรอก! ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความลับพลังของเวทย์มนต์ มานาฟลักซ์!"ดอนหัวเราะอย่างไม่ปกติในขณะที่เขาโยนหนังสือไปที่มือของเขาและกางนิ้วออกมา คลื่นเวทมนตร์ที่มองเห็นได้เห็นได้เริ่มกระจายไปทั่วๆห้องสมุดแห่งนี้
"บ้าเอ้ย ตาแก่มันกำลังใช้ทักษะท่าไม้ตายของมันแล้ว" อาเซอร์ซีบรีสสบถออกมาอย่างสิ้นหวัง ส่วนคนอื่นๆนั้นก็ดูไม่ต่างกันนัก
ซากุระกัดริมฝีปากของเธอเอง เธอกำลังจะลองใช้ทักษะขัดจังหวัด "ลมเฉือน" ของเธอ ซึ่งมันเป็นทักษะในการขัดจังหวะ แต่น่าเสียดายที่เธอใช้มันได้ไม่ค่อยดีนัก
"อย่าไปขัดเขา" ลูหลี่รู้สึกประหลาดใจและรีบดึงเธอกลับมา
"ทำไมล่ะ?"สมาชิกทั้งหมดในทีมแทบอยากจะมุดเข้าไปในกำแพงแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่คาดหวังในทักษะขัดจังหวะของซากุระ แต่พวกเขาก็รู้สึกกังวลในตัวของลูหลี่ ที่ไม่รู้หนาวรู้ร้อนอะไรเลย
ตกลงแล้วนายอยู่ข้างไหนกันแน่เนี้ย?!
"พวกนายยังไม่ได้ดูแถบมานาของตัวเองงั้นเหรอ? มานาฟลักซ์ เป็นทักษะที่ส่งผลต่อทุกๆคนอย่างยุติธรรม ในขณะที่เขาฟื้นฟูมานาของเขา เราเองก็ฟื้นฟูมานาของตัวเองเหมือนกัน "ลูหลี่กล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
ในทางทฤษฎีแล้ว ทักษะนี้เกิดจากการที่ดอนกระตุ้นองค์ประกอบของเวทมนตร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ
เมื่อองค์ประกอบพวกนี้ถูกกระตุ้นแล้ว ทักษะที่ร่ายออกมาก็จะกลับกลายเป็นมานาเหมือนดั่งเดิม
หลังจากที่ทักษะได้ถูกใช้ไปแล้ว ดอนก็จะฟื้นฟูมานาไปทั้งหมด 4,000 จุด ส่วนมาสเรนและคนอื่นๆก็ไม่ได้ฟื้นฟูมานาไปมากถึงขนาดนั้น แต่อย่างน้อย แถบมานาของทุกคนก็เต็มแล้ว
ก่อนหน้านี้ ลูหลี่ได้แต่หวังให้ดอนใช้มานาฟลักซ์
ถ้าดอนไม่ใช้มานาฟลักซ์ พวกเขาทั้งหมดคงจะต้องต่อสู้จนมานาหมดไป และถูกกวาดล้าง จากนั้น พวกเขาคงจะต้องรอเวลาเพื่อที่จะมาเคลียร์ดันเจี้ยนใหม่
ในท้ายที่สุด ดอนก็ได้ใช้ทักษะนี้ออกมา ด้วยแถบมานาที่ฟื้นคืนกลับมา ดอนก็ได้แต่ทำแบบเดิมเหมือนกับการหน้านี้ แต่กลุ่มทหารรับจ้างซินซินก็สามารถจัดการกับเขาได้แล้วในตอนนี้ [ฟื้นฟูมานา แต่ hp ก็เท่าเดิม]