จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 376
บทที่ 376: อาหารสุนัข
ความยากระดับฝันร้ายอีกครั้งงั้นเหรอ?
อาเซอร์ซีบรีสและคนอื่นๆพูดไม่ออกเลย พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่ลูหลี่
พวกเขารู้ดีว่ารางวัลของการเคลียร์ครั้งแรกนั้นดีมากเลยทีเดียว แต่พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่า ลูหลี่จะเลือกความยากระดับฝันร้ายในดันเจี้ยนถัดไป
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถเคลียร์มันได้ แต่พวกเขาแค่คิดว่าการทำแบบนั้นมันไม่จำเป็นก็แค่นั้น
ว่าแต่ตะกี้เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
อ้อใช่ พวกเขาพึ่งจะได้การเคลียร์ครั้งแรกมา!
เมื่อการเคลียร์ครั้งแรกได้ถูกประกาศ ทั่วทั้งโลกก็ตกสู่ความเงียบงัน แต่สมาคมกฏแห่งดาบก็เริ่มที่จะเฉลิมฉลองกัน
บางที มันคงเป็นเพราะความรู้สึกแบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆกับกลุ่มทหารรับจ้างซินซิน พวกเขาก็เลยไม่รู้สึกอะไรนัก แต่สมาชิกคนอื่นๆนั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาในตอนนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสมาคม พวกเขาจึงทนไม่ไหวแล้วที่จะได้ออกไปทำตัวโอ้อวด
เพื่อที่จะให้ได้การเคลียร์ครั้งแรก พวกเขาจึงได้เลือกความยากระดับสูงสุด ถึงกระนั้นแล้ว พวกเขาเองก็ยังต้องพยายามอย่างหนักมากเลย แล้วทำไม ในตอนนี้เขาถึงจะเลือกความยากระดับฝันร้ายกัน?
ไม่ใช่ว่าลูหลี่เป็นคนที่อวดดีหรือทะเยอทะยานมากเกินไปงั้นเหรอ?
"ฮะ ถ้านายอยากลองความยากระดับฝันร้าย ก็ลองดูสิ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวหรอก "อาเซอร์ซีบรีสซึ่งเป็นคนที่บ่นมากที่สุด ก็ได้เป็นคนแรกที่พูดตอบกลับมา" สมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศเพิ่งจะเคลียร์อารามสีแดงในเมื่อคืนนี้ แต่เราก็นำหน้าพวกเขาได้อยู่ดี ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นสตาร์คนไหนบ้าง เพราะพวกเราคือที่สุดของที่สุด"
"ฮ าฮ่า" พเนจรหัวเราะออกมาอย่างเหน็บแหนม
ในที่สุด การตัดสินใจที่จะเลือกความยากระดับฝันร้ายก็เป็นเอกฉันท์ แม้ว่าทุกคนจะมีความต้องการของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครที่จะขัดลูหลี่
ลูหลี่เป็นแกนหลักของทีมและก็เป็นผู้นำที่ไม่มีปัญหาอะไร แม้แต่ผู้เล่นที่ทระนงตัวอย่าง พเนจร มูนไลท์และดอกไม้อ้างว้าง ก็ยังไม่ได้มีคำถามอะไรกับเขาเลย
"ห้องสมุดมีการป้องกันที่แน่นหนา แต่ฉันก็รู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับอารามสีแดงมา ซึ่งมันจะช่วยเราได้มากเลยทีเดียว" ลูหลี่กล่าวออกมา ซึ่งมันก็ช่วยปลอบโยนทุกคน เขานั้นไม่ได้บ้า เพราะการที่เขาเลือก มันก็เป็นเหตุผลพอแล้วว่า การเคลียร์ครั้งนี้มีความเป็นไปได้
มีบอสหลักสองตัวอยู่ในห้องสมุดสีแดง แต่มีจริงๆแค่สองตัวและอีกครึ่งบอส
บอสตัวแรกคือ ลิงตอน เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมลิงตอน เขาเป็นครึ่งบอสและเจ้าหน้าที่ในหมู่ครูเสดสีแดง เขาทำหน้าที่ฝึกทหารให้สู้และยิงเป็น
เขาได้ฝึกนักธนูครูเซดสีแดงและควบคุมพวกเขาไว้ในกำมือของเขาเอง
ความแข็งแกร่งของเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาควบคุมทีมนักธนูสองทีม ที่มีนักธนูยี่สิบคนเท่านั้น ซึ่งมันบอกได้เลยว่า แค่นักธนูพวกนี้ก็ทรงพลังมากพอแล้ว เมื่อหมู่มอนเตอร์หัวหน้าระดับ 30 โจมตี คุณแทบจะไม่มีสิทธิยืนรับความเสียหายของพวกมันได้เลย
ผู้เล่นที่ได้รับการโจมตีจากพวกมันทั้งหมดในการโจมตีระลอกเดียว รับประกันได้แน่ว่าตาย
ลูหลี่เชื่อว่า คงจะไม่มีใครไขวิธีแก้นักธนูพวกนี้ได้ในตอนนี้ ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้เลือกความยากระดับฝันร้าย
"ลูหลี่ผู้ยอดเยี่ยม บอกได้ไหมว่าความลับนั้นคืออะไร?"อาเซอร์ซีบรีสถาม
จากนั้นเอง เขาก็ได้เห็นลูหลี่หยิบสิ่งที่ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษออกมา ในตอนนั้นเอง คนอื่นๆก็เริ่มขยับออกห่างไปจากตัวเขา
"ทุกคนเก็บพวกนี้บางส่วนไว้กับตัวด้วย มันแค่อาหารสุนัขเท่านั้นเอง โยนมันในตอนที่พวกนายเห็นสุนัขล่าเนื้อ "ลูหลี่กล่าวอย่างสงบและเอาอาหารสุนัขออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างระมัดระวัง
"มันน่าขยะแขยง หนูไม่เอามันไปได้ไหม? หนูแค่เป็นเด็กเองนะ "ฮาชิจังย่นจมูกด้วยความรังเกียจ
"เขาไม่ได้ขอให้เธอกินมันซะหน่อย ... "
"แหวะ" เด็กสาวตัวน้อยได้อาเจียนออกมา
"เอาล่ะ เลิกจู้จี้ได้แล้ว ไอเท็มนี้มัสำคัญมากจริงๆ การที่เราจะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้สำเร็จหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับมัน "ลูหลี่กล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้ว พวกเขาก็เก็บสิ่งที่เรียกว่าอาหารสุนัขไว้กับตัว
ในความเป็นจริงแล้ว อาหารสุนัขชนิดนี้ถูกผสมเข้ากับซากศพจำนวนหนึ่ง นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กลิ่นของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่จึงหลีกเลี่ยงมันอย่างสิ้นเชิง โดยไม่คิดว่ามันจะช่วยในการเอาชนะ ผู้ฝึกสุนัข โรซี่
ผู้ฝึกสุนัขโรซี่เป็นบอสตัวที่สอง ไอเท็มนี้คงจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในอนาคต
ฝูงมอนเตอร์ฝูงแรกที่พวกเขาพบคือ ยามที่อยู่กับสุนัขล่าเนื้อหิวโซสี่ตัว มีคนบางคนได้กล่าวว่า หากสุนัขล่าเนื้อหิวเล็กน้อย มันจะสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น
"ความฝัน เธอเป็นคนแรก โยนถุงอาหารสุนัขไว้บนพื้นและรีบซ่อนตัวนะ "ลูหลี่สั่ง
นี่ดูเหมือนจะเป็นงานง่ายๆ ความฝันที่เหลืออยู่ได้โยนถุงอาหารสุนัขแทบจะในทันที เพราะเธอนั้นรู้สึกอึดอัดที่ต้องเก็บครองไม่พึงประสงค์นี้ไว้ในกระเป๋าของเธอเอง
พวกเขาทั้งหมดต่างเห็นยามและเหล่าสุนัขล่าเนื้อเดินเข้ามาใกล้อาหารสุนัข
ยามได้เดินผ่านไปโดยไม่สังเกตเห็นอาหารสุนัขเลย และเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นด้วยว่า สุนัขของเขาได้หยุดกินอาหารสุนัขแล้ว นี่เป็นสูตรอาหารที่ดูมหาภัยมาก สุนัขที่บ้าคลั่งได้กระโจนใส่ยามและยามคนนั้นก็ไม่มีพลังที่จะใช้หยุดพวกมันได้เลย
เหล่าสุนัขได้หลับลงไป หลังจากที่มันฆ่ายามไป
"ฮาชิ ตอนที่ฝูงต่อไปมา เธอเป็นคนโยนนะ"
ลูหลี่รู้สึกโล่งใจขณะที่พวกเขาเดินผ่านฝูงสุนัขที่นอนหลับและยังคงเดินหน้าต่อไป
"ยามมี HP เพียง 2000 จุดและสุนัขแต่ละตัวก็มี HP ตัวละ 1000 จุด เราไม่สามารถฆ่ามันได้งั้นเหรอ? ทำไมเราถึงต้องทำแบบนี้ด้วย?"พเนจรถามออกมา ด้วยความสับสนในสิ่งที่ลูหลี่กำลังทำ
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่นั้นเป็นผู้รอบรู้ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีเหตุผลบางอย่างในการทำแบบนั้นอย่างแน่นอน
"อีกไม่นานนายก็จะรู้" ลูหลี่ตอบกลับไปโดยไม่ตรงคำถาม
ตลอดเส้นทางที่เหลืออยู่ ต่างก็เต็มไปด้วยฝูงมอนเตอร์ที่เหมือนๆกัน ยามและสุนัขล่าเนื้อทั้งสี่ตัวของมันเอง
ผู้เล่นทั้งสิบคนช่วยกันโยนอาหารใส่ในแต่ละฝูง จนเกิดศพยามสิบคนและสุนัขล่าเนื้อที่ได้หลับลงไป 40 ตัว
"สุนัขพวกนี้จะช่วยเราสู้กับบอสงั้นเหรอ?"พเนจรได้คิดบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นมาได้ ซึ่งเขาก็ได้พูดโพล่งออกมาด้วย
ว่าแต่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี้ย? ถ้าแค่เราโยนอาหารสุนัขลงบนพื้น มันจะทรยศเจ้านายของมันเลยงั้นเหรอ?
"อาหารสุนัขพวกนี้เกิดจากการทดลองที่ล้มเหลว ผลข้างเคียงของมันมากจนเกินไป มันจึงถูกปล่อยทิ้งไว้โดยครูเซเดอร์สีแดง "ลูหลี่อธิบายพอลวกๆ เพราะเขาเอง ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือทฤษฎีทางชีววิทยาที่อยู่เบื้องหลังของมันเลยสักนิด
จากนั้นเอง พวกเขาก็ได้มาถึงลานซึ่งเต็มไปด้วยนักธนูที่หุ้มเกราะ ซึ่งพวกนักธนูนั้นก็อยู่ไกลมากจนมองเห็นเพียงลิบตา
ลูหลี่ไม่ต้องการที่จะมุ่งหน้าตรงไปที่เจ้าหน้าที่ฝึกอบรมลิงตอน เพราะการทำเช่นนั้น แทบจะเป็นการรับประกันเลยว่า พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงได้นำปาร์ตี้ของเขาไปที่ห้องข้างๆลานกว้างก่อน บางห้องนั้นว่างเปล่า แต่บางห้องก็มีมอนเตอร์หัวหน้าระดับ 30
หลังจากที่กวาดล้างมอนเตอร์ในห้องไปไม่กี่ครั้ง ลูหลี่ก็พบกับไอเท็มที่เขาหาอยู่
มันคือ โล่หญ้าที่มีการผสมผสานกันระหว่างเถาองุ่นและก็มีความสูงเท่ากับคน นอกเหนือจากนี้แล้ว มันยังกว้างอีกหนึ่งเมตร แม้ว่าจะเป็นโล่หญ้า แต่ก็คงเป็นเรื่องยาก หากจะยกมันขึ้นมา
"ฉันรู้ว่าโล่นี้จะเอามาจัดการกับนักธนูใช่ไหม?" อาเซอร์ซีบรีสที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโล่ ก็รู้ในทันทีว่าลูหลี่จะให้ทำอะไร
เมื่อต้องเจอกับนักธนูหลายคน แท๊งค์หลักก็ไม่สามารถทำอะไรได้ คงจะมีเฉพาะโล่ที่มีขนาดเต็มตัวแบบนี้เท่านั้นแหละมั้ง ที่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุผลที่พวกเขาไม่ใช้โล่เหล็กขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับม้าศึก ก็เป็นเพราะว่า มันมีน้ำหนักมากจนเกินไป
"ถูกต้องแล้ว แต่แค่โล่เดียวคงจะไม่พอ เรายังต้องการเพิ่มอีก " ลูหลี่พยักหน้า
หลังจากกวาดล้างห้องไปถึงสิบสองห้อง พวกเขาก็พบเข้ากับโล่สี่อัน มันอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ แต่ลูหลี่นั้นคิดว่าจำนวนแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว และพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียเวลาเพิ่มอีก
ในตอนนี้ พวกเขากำลังยืนอยู่ที่ลานกว้างและอาเซอร์ซีบรีสก็ได้ยกโล่หญ้าของเขาขึ้นมา ในขณะที่คนอื่นๆซ่อนอยู่ข้างหลังเขา
เป็นเรื่องธรรมดาเลย ที่ลิงตอนจะพบกับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า "เจ้าผู้บุกรุก เดี๋ยวเจ้าก็รู้จักกับความตาย! เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่าเจ้ากำลังจะเจอกับอะไรอยู่! นักธนู ยิง!"