จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 372
บทที่ 372: เวลาที่ถูกแช่แข็ง
นักเวทย์เลือดเทลนอส มาจากกลุ่มคิรินทัวร์และต้องเป็นพวกงี่เง่าอย่างแน่นอน
คิรินทัวร์ เป็นกลุ่มนักเวทย์ที่ได้อุทิศตนเพื่อค้นคว้าและวิจัยสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเวทย์มนต์ของมนุษย์ และได้มีอยู่มานานกว่าพันปีแล้ว
มันเป็นเวลานานมากเลยทีเดียว ที่พ่อมดและนักเวทย์ส่วนใหญ่ได้อาศัยอยู่ในเมืองลมพายุ อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองเมืองในช่วงเวลานั้นกลับรู้สึกกลัวเวทมนตร์และคาถามาก ดังนั้นแล้ว มันจึงได้มีกฏขึ้นมาเพื่อควบคุมพลังของเหล่านักเวทย์ ซึ่งนักเวทย์ส่วนใหญ่ก็จะหนีไปทางเหนือและสร้างเมืองแห่งดาลารันขึ้นมา ด้วยความช่วยเหลือของพวกเอลฟ์ชั้นสูง
เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยาวนานขึ้นและยาวนานขึ้นไปอีก ที่หลบภัยดาลารัน ก็จึงได้เป็นเหมือนกับสวรรค์ของนักเวทย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามีทั้งจำนวนและพลังมากขึ้น จอมเวทย์ทุกๆคนจึงเริ่มพัฒนาฝึกฝนพลังของพวกเขายิ่งขึ้นไปอีก จนมันได้ทำให้ผืนผ้าแห่งความเป็นจริงที่คอยปกป้องเมืองดาลารันนั้นอ่อนแอลงและถูกฉีกขาดจนขาดสะบั้นไป นั้นทำให้พวกปีศาจแห่งจักรวรรดิเพลิงได้เดินทางมายังโลก
จักรวรรดิเพลิงนั้นมีความแข็งแกร่งมาก จนแม้แต่เมืองดาลารันก็ยังยากที่จะต่อกร ดังนั้นแล้ว คิรินทัวร์จึงได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อจัดการกับพวกมัน
น่าเสียดายที่กลุ่มคิรินทัวร์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าจอมเวทย์ได้ ในขณะที่เจ้าชายแอลเซส มินเนล ได้นำหายนะมายังดินแดนของลอร์ดเดียรอน เคลทอซัสก็ได้เรียกอาร์คิมอนด์ออกมามา เพื่อให้ใช้หนังสือของเมดีฟ
เมื่ออาร์คิมอนด์ได้มาถึง สิ่งที่เหลือรอดจากเมืองๆนี้ ก็มีแต่เพียงเศษขี้เถ้าและความโศกเศร้าเท่านั้น
เทลนอส ซึ่งในเวลานั้นกำลังเป็นศิษย์ของเหล่าจอมเวทย์ ก็ต้องได้แต่เฝ้ามองเมืองดาลารันที่ยิ่งใหญ่ ได้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง
ไม่ได้ประหรืออะไร แต่เขานั้นไม่ได้คิดแค้นอะไรเคลทอซัสเลย หรือแม้แต่ อาร์คิมอนด์ผู้นำหายนะกับเจ้าชายแอลเซส ซึ่งเขากลับอิจฉาความแข็งแกร่งและอำนาจที่พวกเขามี
ตลอดหลายปีมานั้น เทลนอสได้ซ่อนตัวอยู่ในค่ายของพวกแซ็กซอนและได้เข้าไปสำรวจยังโลกของเหล่าเนโครแมนเซอร์
เขาได้ทรมานวิญญาณของคนอ่อนแอและคนผู้น่าสงสารไป และแม้กระทั่งวิญญาณของทหารแซ็กซอนที่ตายไปแล้วก็เช่นกัน
งานของเขาในค่ายแซ็กซอนคือการกักกันและสังหารผู้ที่ติดโรคระบาด ดังนั้นแล้ว เขาจึงสามารถหาวิญญาณและปีศาจเพื่อที่จะใช้ในเวทย์มน๖์ของเขาได้
จากประวัติของเขานั้น เทลนอสดูจะแข็งแกร่งมาก จนผู้เล่นระดับ 30 จะไม่สามารถเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้รับบาดเจ็บและติดโรคระบาดจากเหล่าอันเดต มันจึงได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงกลายเป็นโครงกระดูก ในตอนนี้ เขาอยู่ในอารามสีแดงและอ่อนแอกว่าเดิมมาก
ลูหลี่เดินเข้าไปในสุสานหินที่ใหญ่ที่สุด ก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป
มีค้างคาวสองตัวใหญ่โผล่ออกมาและเริ่มทำร้ายพวกเขา ซึ่งพวกนี้เป็นเหมือนผู้อารักขาของนักเวทย์เลือด เทลนอส และมีหน้าที่ในการจัดการกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
อาเซอร์ซีบรีสได้ดึงค่าความโกรธของพวกมันทั้งหมด ในขณะที่อีกตัวหนึ่งถูกลูหลี่ดึงไป
ทุกคนต่างมุ่งโจมตีไปที่ตัวที่ถูกอาเซอร์ซีบรีสดึงไป ค้างคาวพวกนี้มี HP สูงกว่ามอนสเตอร์ระดับหัวหน้า แต่มันก็จัดการได้ง่ายเลยทีเดียว
เมื่อผู้อารักขาทั้งสองตัวได้ตายลงไป นักเวทย์เลือดก็รู้สึกได้ในทันที ว่ามีผู้บุกรุก
เขาค่อยๆโผล่ออกมาจากสุสาน พร้อมด้วยดวงตาสีแดงที่ดูดุร้าย ราวกับโผล่มาจากนรก
นักเวทย์เลือด เทลนอส: ระดับ 30 HP 150,000 จุด เขาสวมเสื้อคลุมนักเวทย์สีเขียวเข้มและหมวกทรงสูงของพ่อมด ใบหน้าของเขาดูพร่ามัวและไม่มีใครสามารถเห็นถึงการแสดงออกทางอารมณ์ของเขาได้เลย
ในมือของเขา เขาถือไม้เท้ายาวที่ข้างบนมีกระโหลกประดับอยู่
ตาของกระโหลกนั้นกระพริบไปมาและส่องแสงสีเขียว ปากของมันบิดเบี้ยวและปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมา มันดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก
"อาเซอร์ซีบรีส อย่ายืนเฉยสิ! นายโจมตีเขาได้เลย! พเนจร นายอยู่ใกล้ๆทางเข้าด้วยและทำให้มั่นใจว่า เทลนอสจะไม่ออกไปจากห้องดันเจี้ยน ถ้าเขาพยายามหนีไป ให้นายใช้ยั่วยุเพื่อดึงเขากลับมาในห้องเลย" ลูหลี่สั่ง
นี่คือหนึ่งในกลยุทธ์ในการเอาชนะเทลนอส ถ้าเขาหนีออกจากห้องไป เขาจะปลุกซากศพและวิญญาณ เพื่อสร้างปัญหาให้กับลูหลี่และคนอื่นๆ
การต่อสู้กับเทลนอสภายในห้องแห่งนี้จะมีความยากลดลงอย่างน้อย 20% ซึ่งแม้จะมีความแตกต่างนี้มาช่วย แต่ก็มีโอกาสที่จะแพ้ได้เหมือนกัน
ทีมของคนอื่นๆก็กำลังพยายามจะเอาการเคลียร์ครั้งแรกของดันเจี้ยนนี้ไป แต่ก็ติดปัญหากับฝูงมอนเตอร์เล็กๆพวกนี้ พวกมันจัดการได้ยากมากและพวกมันก็เหมือนกับทำให้ความยากของดันเจี้ยนนี้เพิ่มขึ้น
ฝูงมอนเตอร์ที่เทลนอสเรียกออกมา มันเรียกออกมาอย่างน้อย 10 ครั้ง ซึ่งมันก็แข็งแกร่งกว่า ซอมบี้ ที่ถูกอัญเชิญมาโดย ผู้พิทักษ์สุสานเสียอีก ฝูงมอนเตอร์พวกนี้ มันอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้แล้ว พวกมันยังสามารถถูกรักษาโดยเทลนอสได้อีก
แน่นอนว่า ยังมีปัจจัยอื่นๆอีก ที่ทำให้ดันเจี้ยนนี้ยากยิ่งขึ้น
ในฐานะที่เป็นบอสตัวสุดท้ายของอารามสีแดง เทลนอสจึงต้องถูกทำให้เอาชนะได้ยากมากที่สุด
ห้องสำหรับการต่อสู้กับบอสค่อนข้างแคบและมีแต่แสงสลัวๆ มันจึงได้ทำให้การต่อสู้นั้นยากมากยิ่งขึ้นและก็ทำให้เกิดความสับสนมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะห้องนี้มีแสงเพียงเล็กน้อย แสงเวทย์มนต์และเอฟเฟคของการใช้ทักษะ จึงทำให้ผู้เล่นเสียสมาธิมาก พวกมันทำให้ลูหลี่ปวดหัวเลยทีเดียว
"ทุกๆคนยืนห่างๆกันอย่างน้อยสองหลา!"ลูหลี่ตะโกน
"แต่ทักษะของหนูอยู่นอกระยะนะ!"ความฝันที่เหลืออยู่ได้ตะโกนกลับมา
"เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ไกลขนาดนั้นก็ได้ แค่ยืนอยู่ใกล้มาสเรนก็พอ เมื่อเธอเคลื่อนที่ เธอก็เคลื่อนที่ตามมาสเรนเลย "ลูหลี่ต้องพูดออกมา เพราะความฝันที่เหลืออยู่คิดเองไม่ได้
"พี่มาสเรน พี่ช่วยแนะนำหนูได้ไหม?"ความฝันที่เหลืออยู่ตอบสนองช้าได้ช้า แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะขอความช่วยเหลือเองได้
"ได้สิ." มาสเรนยิ้มให้กับนักล่าอ่อนหัด
หลังจากที่เคลื่อนที่ไปรอบๆแล้ว ในที่สุด ทุกๆคนก็ได้มายังตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าลูหลี่กำลังทำอะไรอยู่ แต่ทุกคนก็ทำตามคำสั่งของเขาต่อไป พเนจรเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของลูหลี่ นั้นเพราะเขารู้ว่า การเคลื่อนที่แบบนั้น ก็เพื่อที่จะเพิ่มการตอบสนองของทีมทั้งหมดขึ้น [การเคลื่อนที่ไปรอบๆ จำเป็นที่จะต้องสังเกตุสิ่งรอบๆตัวด้วย ถ้าทำแบบที่ลูหลี่บอก ก็จะสามารถตอบสนองทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัวได้ทันท่วงที]
"เจ้าดูถูกพลังของข้างั้นเหรอ" เทลนอสหัวเราะขณะที่เขาชี้คทาไปทางพวกเขา
"ลูกชิ้นงา เคลื่อนที่ไปทางไหนก็ได้ 2 หลา! เดี๋ยวนี้!"ลูหลี่ตะโกน
ลูกชิ้นงาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในดันเจี้ยนและเขาก็รู้ดีว่า เขากำลังยืนอยู่ในจุดที่ไม่ดี เขารีบเคลื่อนที่ไปไปทางซ้ายของเขา โดยห่างจากดอกไม้อ้างว้างเพียงไม่กี่ก้าว
หลังจากผ่านไป 10 วินาที ลูหลี่ก็ให้เขากลับไปยังตำแหน่งเดิม
ซากุระเป็นเป้าหมายต่อไปของบอส เนื่องจากเธอเป็นอาชีพระยะใกล้ มันจึงไม่มีพื้นที่พอที่จะให้ธอเคลื่อนที่ไปได้ เช่นนี้แล้ว ลูหลี่ มูนไลท์ ซากุระและอาเซอร์ซีบรีส พวกเขาทั้งหมดต้องเปลี่ยนตำแหน่งทุกคน จากระยะสองหลาในที่เดิม
มันมีเหตุผลที่เขาต้องให้ทุกคนยืนห่างกันในระยะ 2 หลาอยู่
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของลูหลี่ที่ให้เคลื่อนที่และจัดตำแหน่งทุกคน ทุกๆคนคงจะยืนอยู่กับที่สักพัก เพราะถูกเอฟเฟคหยุดเวลา
ดีบัพนี้จะไม่สร้างความเสียหายให้ผู้เล่น แต่มันกลับมีเวลาถึงสองนาที พวกเขาจึงไม่สามารถใช้ทักษะ เคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งกระพริบตาได้
แม้ว่าการหยุดเวลาที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ผู้เล่นได้ จะดูทำไรไม่ได้มากนัก แต่เทลนอสจะใช้ทักษะนี้ทุกๆ 30 วินาที นอกจากนี้แล้ว ทักษะนี้ยังมีระยะ 2 หลาและมักจะถูกใช้สุ่มๆทั่วห้องดันเจี้ยนนี้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ลูหลี่ได้จัดทีมให้อยู่ในรูปแบบนี้
ทั้งหมดที่ลูหลี่ต้องทำคือ การเฝ้าดูรูปแบบการโจมตีของเทลนอสและคอยดูว่าคทาของเขากำลังชี้ไปทางไหน จากนั้นเอง เขาก็จะได้สั่งให้คนที่กำลังจะโดนทักษะ เคลื่อนที่หนีไป การจะทำแบบนี้ได้จำเป็นที่จะต้องมีการคาดการณ์ที่เยี่ยมยอดและการตัดสินใจที่เด็ดขาด
ซึ่งในตอนนี้เอง กลุ่มระดับสูงของสมาคมใหญ่ๆจำนวนมากกำลังทุกข์ทรมานกับทักษะของบอสนี้อยู่
แม้กระทั่งตัวของซอวโรวเลสเอง ก็ยังไม่สามารถรู้เทคนิคอะไรเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้ได้เลย สมาคมเมืองหลวงแห่งเกียรติยศได้พยายามที่จะเอาชนะเทลนอสในตลอดช่วงบ่ายของวัน แต่พวกเขากลับถูกกวาดล้างนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากที่ถูกกวาดยกตี้หลายครั้ง พวกเขาก็ได้คิดแผนจำนวนหนึ่งออกมา เพื่อที่จะจัดการการหยุดเวลานี้
อย่างไรก็ตาม เทคนิคของพวกเขามีประสิทธิภาพเพียง 50% เท่านั้น
นั่นหมายความว่าอีก 50% ที่เหลือ ก็มีโอกาสที่สมาชิกในปาร์ตี้จะโดนดีบัพนี้
ตามการคำนวณของซอวโรวเลสแล้ว เขาต้องการประสิทธิภาพถึง 80% เพื่อที่จะเอาชนะเทลนอสให้ได้