จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 371
บทที่ 371: บอสลับ
ความยากของดันเจี้ยน: "ระดับยาก"
ตลอดทางของดันเจี้ยนจะง่ายมาก หากคุณเข้าใจถึงสิ่งต่างๆที่มันซ่อนเอาไว้ ดังนั้นแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปในโหมดระดับฮีโร่เลย พวกเขาเลยเข้าไปในความยากระดับยากแทน
ส่วนในความยากระดับฝันร้าย นักเวทย์เลือดในโหมดนี้จะสามารถร่ายคาถาอันแสนน่ากลัวได้ แค่เพียงมันร่ายคาถานี้ใส่ผู้เล่น ทุกๆคนจะตายในทันที ไม่เว้นแม้แต่แท๊งค์
ซึ่งหากทักษะนี้ถูกใช้บนตัวของแท๊งค์หรือฮีลเลอร์ ทีมๆนั้นจะถูกกวาดล้างอย่างแน่นอน ถ้ามีคนอื่นที่นอกเหนือจากหน้าที่สองหน้าที่นั้นเป็นคนเสียสละ ทีมก็สามารถที่จะผ่านไปต่อได้ นั่นหมายความว่า ความยากระดับฝันร้ายจะต้องพึ่งพาโชคดี แต่สมาคมกฏแห่งดาบต้องการเคลียร์ครั้งแรกในตอนนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของพวกเขาไว้ พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องทดสอบโชคของพวกเขาเลยซักนิด
ในหลายๆดันเจี้ยนของเกมรุ่งอรุณ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ำแมงมุม เหมืองมรณะ ถ้ำโหยหวน ความมืดที่หยั่งลึก ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเหมือนๆกัน
อย่างไรก็ตาม ในสุสานนั่นเป็นข้อยกเว้นออกไป
หลังจากที่พวกเขาได้เข้าไปในดันเจี้ยน พวกเขาก็พบว่าตัวของพวกเขาเองกำลังอยู่ท่ามกลางความมืดมิดอันแสนเหน็บหนาว
ท้องฟ้าในตอนนี้ดูมืดมิดและมีดวงดาวที่สว่างไสวอยู่ข้างบน แต่ก็คงไม่มีใครมาที่นี่เพื่อชมวิว เพราะในที่นี้มีคนตายอยู่
สุสานเรียงรายไปตามทางเดินสองข้างทาง ราวกับว่าพวกเขาเป็นทหารที่กำลังลาดตระเวนอยู่
ส่วนเด็กสาวทั้งสองคน ฮาชิจังและความฝันที่เหลืออยู่ ไม่ได้มีความกลัวแม้แต่เล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของพวกเธอเลย
พวกเธอได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุข และคงจะไม่เคยมีประสบการณ์ที่จะต้องโดดเดี่ยวหรือสิ้นหวังในตอนกลางคืน
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูหลี่ถูกตีโดยคนอื่นจนบาดเจ็บรุนแรง ในตอนนั้นเขาถึงกับทนมันไม่ไหวเลยทีเดียว มันเป็นเวลาในตอนเที่ยงคืนพอดี ที่เขาสามารถลากตัวของเขาเองกลับไปยังบ้านได้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูซินก็กลัวความมืด จนกระทั่งเธออายุสิบขวบ เธอก็ต้องการที่จะให้พี่ชายของเธอนอนหลับฝันดีทุกๆวัน
"ที่แห่งนี้ดูแปลกมาก ถ้าพวกนายไม่มีอะไรคัดค้าน ฉันขอไปล่อมอนทางโน้นก่อนนะ "อาเซอร์ซีบรีสกล่าวขณะที่เขายกโล่ขึ้นมาและเดินต่อไปสองก้าว
"รอก่อน" ลูหลี่พูดหยุดเขา "เรามาลองทำแบบอื่นดูไหม"
ทุกคนหยุดลงในทันทีที่ลูหลี่พูด พวกเขาทั้งหมดต่างเชื่อฟังลูหลี่ ราวกับเป็นคนตาบอด ตราบเท่าที่ลูหลี่พูดอะไรบางอย่างออกมา แน่นอนว่ามันจะต้องมีเหตุผลที่จะใช้อธิบาย
"เราจะจัดการพวกมันทุกตัวในครั้งเดียว ซึ่งนั้นหมายความว่า นายจะต้องลากมอนสเตอร์ทั้งหมดให้มาอยู่ข้างหลังนายเพียงครั้งเดียว ต้องมั่นใจด้วย ว่าจะไม่เหลือแม้แต่เพียงตัวเดียว "ลูหลี่สั่งขณะที่ชี้ไปที่มอนสเตอร์ในดันเจี้ยน
"ทำไมล่ะ?"อาเซอร์ซีบรีสไม่เข้าใจและคนอื่นๆก็ดูสับสนเหมือนกัน
ทำไมพวกเขาถึงต้องฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในครั้งเดียวด้วย? ทำไมไม่ทำแบบที่ทำกันตามปกติ?
มีมอนสเตอร์สองชนิดที่อยู่ในสายตาของพวกเขา หนึ่งคือ วิญญาณบ้าคลั่ง ซึ่งดูคล้ายกับเงาสีขาวและศพที่เหมือนกับซอมบี้
ทั้งสุสานต่างเต็มไปด้วยมอนสเตอร์สองประเภทนี้ ซึ่งพวกมันมีเพียงไม่กี่สิบตัว
ซึ่งมอนสเตอร์ระดับหัวหน้าที่มีจำนวนแค่สิบไม่ได้ถือว่าน้อยเลย และพวกมันทั้งหมดก็มีตัวที่มีระดับอยู่ที่สาบสิมอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าระดับ 29 และระดับ 30 จะมีความแตกต่างเพียงระดับเดียว แต่ความแข็งแกร่งของมอนเตอร์จะเพิ่มเป็นอย่างมาก ทุกๆสิบระดับ
"ฮึ่ม ตามหนังสือที่ฉันอ่านมา ที่นี้มีผู้ดูแลสุสานอยู่ในสุสานแห่งนี้ แน่นอนว่าเมื่อมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ตายไป เขาก็จะโผล่ออกมา ก่อนที่จะมีการสร้างอารามสีแดงขึ้น สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่สุสานเท่านั้น "ลูหลี่กล่าว
เขาเลือกเหตุผลอันสมควรที่ควรยกขึ้้นมา ซึ่งคำอธิบายของอารามสีแดงก็คล้ายคลึงกับที่เขาพูดออกมา
"บอสลับงั้นเหรอ? มันแข็งแกร่งหรือเปล่า?"พเนจรเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจในทันทีว่าผู้ดูแลสุสานเป็นอะไร
"ควรจะไม่เป็นไรหรอก เราสามารถจัดการกับมันได้ "ลูหลี่ตอบอย่างคลุมเครือ
ผู้ดูแลสุสานไม่ได้ยากและของที่ดรอบก็ดีมาก เสื้อคลุมวิญญาณซ่อนเงาที่เป็นที่รู้จักในชื่อ เสื้อคลุมที่ดีที่สุดของอาชีพที่สร้างความเสียหายเวทย์มนต์ระดับ 30 แต่ส่วนมาก มันจะดรอบจากบอสลับ ซึ่งก็หายากมาก และโอกาสที่ผู้ดูแลสุสานจะโผล่มาก็น้อยมาก
คงจะมีแต่เพียงลูหลี่ที่รู้ว่า ถ้าคุณฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน มีโอกาสร้อยเปอร์เซนต์ที่ผู้ดูแลสุสานจะโผล่ออกมา นี่เป็นความลับที่คนอื่นๆได้ค้นพบเอง เมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ของลูหลี่
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นการค้นพบที่นานมากพอสมควร หลังจากที่เกมได้ออกมาวางขาย นอกจากนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถลากมอนสเตอร์จำนวนมากได้ในครั้งเดียว และผู้เล่นธรรมดาก็ไม่มีทางที่จะทำได้เลย
ในตอนนั้นเอง ก็คงจะมีแต่ลูหลี่ที่รู้วิธี
วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ พเนจรไปล่อทางซ้าย ส่วนลูหลี่ก็จะไปล่อทางขวา หลังจากนำมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้ามารวมกัน อาเซอร์ซีบรีสก็จะใช้ทักษะลดความเสียหายและใช้ยั่วยุ
งานนี้ง่ายมากสำหรับลูหลี่ ทันทีที่มอนสเตอร์เดินตามเขาไป เขาก็ได้วิ่งในทันที ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาเร็วมาก ดังนั้นแล้ว มอนสเตอร์จึงไม่สามารถตามเขาได้ทัน ในทางกลับกัน พเนจรดันมีปัญหาในการลากมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างหลังเขา โดยไม่มีฮีลเลอร์ โชคดีที่ลูหลี่ได้เข้าไปช่วยเขาและทั้งสองคนก็สามารถดึงมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้
อาเซอร์ซีบรีสนั้นกำลังรออยู่ เขาใช้ทักษะลดความเสียหายของเขาก่อนเลย จากนั้นแล้ว เขาก็ใช้ยั่วยุใส่มอนเตอร์ทั้งฝูง
มอนสเตอร์ทุกตัวต่างหันศีรษะไปยังคนที่กล้ายั่วยุมันในทันที ในขณะที่อาเซอร์ซีบรีสได้ใช้ทักษะยั่วยุของเขา คนอื่นๆก็พยายามสร้างความเสียหายใส่มอนเตอร์ พวกเขาต้องฆ่ามอนเตอร์ทั้งหมด ก่อนที่ทักษะลดความเสียหายของแท๊งค์จะหมดลง ไม่อย่างนั้น อาเซอร์ซีบรีสก็อาจจะตายได้
โชคดีที่พวกเขามีคนที่สร้างความเสียหายเวทย์มนต์ได้สูงถึงสองคน ดอกไม้อ้างว้างและลูกชิ้นงา ส่วนการระดมยิงของความฝันที่เหลืออยู่ก็ยังเป็นประโยชน์ในการต่อสู้แบบกลุ่ม และทุกคนก็กวาดล้างมอนเตอร์สี่สิบห้าสิบตัวไปได้
เวลาที่พวกเขาใช้ไปน้อยกว่าสามนาทีเสียอีก
"เหมือนกับว่าฉันฝันไปยังไงยังงั้น"
หลังจากถอนหายใจออกมา ผู้ดูแลสุสานก็ค่อยๆคลืบคลานออกมาจากใจกลางสุสาน
เมื่อตอนที่ครูเซเดอร์สีแดงได้มาถึงที่นี้ในครั้งแรก พวกเขาได้กล่าวอ้างว่า สุสานแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขาจึงได้ฆ่าเขาไป ผู้ชายที่สนใจแค่เรื่องศพและได้ฝังร่างของเขาไว้ที่สุสาน พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่า ผู้ดูแลสุสานคนนี้ได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว
"ไปเลย! นักบวช เธอต้องทำให้มั่นใจนะว่ากำจัดสถานะโรคระบาดได้ทันเวลา "ลูหลี่กล่าวสั้นๆในขณะที่เขาบอกให้เริ่มการต่อสู้
ผู้ดูแลสุสานมีทักษะอยู่สามอย่าง
หนึ่งในทักษะเหล่านั่นคือ ขว้างยาพิษ มันจะทำให้ผู้เล่นติดโรคระบาด ส่วนใหญ่แล้ว แท๊งค์จะเป็นคนโดน แต่ตราบเท่าที่นักบวชได้เอาดีบัพนี้ออกไปทันเวลา มันก็จะไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรมากนัก
ทักษะที่สองคือ เรียกอันเดต ซึ่งมันจะสร้างมอนสเตอร์ไม่กี่ตัวขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ด้วยการยั่วยุจากพเนจรและพายุหิมะของดอกไม้อ้างว้าง การอัญเชิญของมันจึงไม่สามารถทนกับสองทักษะนี้ไปได้
ทักษะที่สามคือ ดูดกลืน หลังจากที่ใช้ทักษะนี้ไป ผู้ดูแลสุสานจะนั่งบนพื้นและกินอันเดต ที่ผู้เล่นฆ่าไป มันจะฟื้นฟูเลือดจำนวนหนึ่ง แต่ทักษะก็แค่ยืดระยะเวลาที่เขาจะตายออกไปเท่านั้น จำนวนสูงสุดที่เขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้โดยประมาณคือ 10-20,000 จุด จากทั้งหมด 90,000 จุด ซึ่งในท้ายที่สุด ยังไงเขาก็ต้องถูกฆ่าโดยผู้เล่นอยู่ดี
ในฐานะที่เป็นบอสระดับ 30 เขาให้ค่าประสบการณ์ที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ความฝันที่เหลืออยู่เดินเข้าไปลูทไอเท็มศพ แต่เธอพบแค่อุปกรณ์ระดับเงินเท่านั้น
ทุกๆคนรู้สึกผิดหวัง นอกจากตัวลูหลี่เอง
เสื้อคลุมวิญญาณซ่อนเงา (เงิน): เกราะ 24 สติปัญญา 20 อัตราฟื้นฟูมานา + 20%, การใช้มานาลดลง 20% โอกาสเวทย์มนต์ติดคริติคอล + 10% ความต้องการระดับ 30, ความทนทาน 42/42
หลังจากที่ลูหลี่ได้แสดงสถานะของเสื้อคลุมออกมา ไม่แปลกใจเลยที่ดอกไม้อ้างว้างและลูกชิ้นงาจะตาเบิกกว้างขนาดนั้น
อุปกรณ์ใดๆที่มีโบนัสค่าคริติคอล 10% ล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นเอก นี่ไม่ต้องพูดถึงของที่มีการฟื้นฟูมานาและลดมานาที่ใช้ไป ด้วยเสื้อคลุมอันนี้ มันสามารถทำให้พวกเขาต่อสู้ระยะยาวได้เลย
นั่นหมายความว่า เวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูจะลดลงอย่างมากและมันทำให้การเพิ่มระดับง่ายขึ้นไปอีก
"ดอกไม้ นายเอามันไป ทักษะขอยนายจะได้ใช้มานาน้อยลง "ลูหลี่กล่าวขณะที่มอบเสื้อคลุมไปให้ดอกไม้อ้างว้าง
แม้ว่าลูกชิ้นงาจะต้องการมันเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้ว่าตราบใดที่เขาติดตามลูหลี่ไป ลูหลี่ก็ไม่มีทางที่จะทำกับเขาไม่ดี
อีกทั้งพวกเขายังสามารถได้รับมันมาอีกชิ้น เพราะโอกาสที่ผู้ดูแลสุสานจะโผล่มาคือ 100%
มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกว่าใครจะได้เสื้อคลุมนี้ไป
ในดันเจี้ยนนี้มีบอสเพียงตัวเดียวในสุสาน ซึ่งไม่รวมผู้ดูแลสุสาน เนื่องจากมอนสเตอร์ทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างแล้ว ทีมของพวกเขาจึงตรงดิ่งไปยังดินแดนของนักเวทย์เลือด เทลนอส ในทันที