ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 369
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 371

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 370


บทที่ 370: ทางออก

"จบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่าลืมฆ่าพาลาดินสีแดง ก่อนที่เราจะไปข้างในด้วย" ลูหลี่กล่าวขณะที่เขาเข้าสู่สถานะล่องหน

เขายังคงต้องไปสำรวจข้างหน้าอีก เพราะทีมระดับสูงส่วนใหญ่มักจะมีคนที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยลาดตระเวน

กลุ่มทหารรับจ้างซินซินไม่มีคนที่ดูจะเป็นหน่วยลาดตระเวนได้เลย ดังนั้นแล้ว ลูหลี่จึงต้องรับงานนี้ไป

โจรสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็นทหารพรานได้ มันจะทำให้ค่าสถานะล่องหนของเขาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้แล้ว มันยังทำให้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับการปลดล็อคและการวางกับดักได้ แต่ลูหลี่ไม่ค่อยที่จะชอบงานพวกนี้เท่าไหร่ แม้ว่าทหารพรานจะเป็นอาชีพที่ดี แต่ในการต่อสู้ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้นัก

อารามสีแดงนั้นได้เงียบสงบเป็นอย่างมาก เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ตอนนี้ มันกลับเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งสงครามที่เหลืออยู่ ทุกระเบียบนิ้วต่างเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มีแม้แต่โพชั่นและอุปกรณ์เกลื่อนกลาดไปทั่วผืนดิน

จากนั้นเอง ลูหลี่ก็ได้กระโจนเข้าไปต่อสู้ จากกลุ่มพันธมิตรที่มีคนสิบคน มีเพียงหกคนที่รอดชีวิตมาได้ แต่กลับมีผู้เล่นฝ่ายศัตรูดักทั้งหน้าและดักหลังพวกเขาไว้ มีนักเวทย์ฝ่ายเผ่าพันธุ์สองคนยืนอยู่ที่สูงและร่ายพายุหิมะใส่พวกเขา ไม่เพียงแต่เวทย์มนต์พวกนี้จะสร้างความเสียหายแก่เป้าหมาย มันยังสามารถเปิดเผยคนที่ล่องหนได้อีกด้วย

เมื่อเสื้อคลุมของลูหลี่ได้ปรากฏประกายแสง เขาก็ได้โผล่มาข้างหลังนักเวทย์และใช้คิดล่วงหน้า เชปช็อต แทงหลัง กรีดคอ ...

ระบบ: ความสำเร็จทักษะแทงหลัง 93% สร้างความเสียหายจากทักษะ 210% มีผลเจาะเกราะระดับ 1

ระบบ: ความสำเร็จทักษะกรีดคอ 91%, สร้างความเสียหายทักษะ 160%, มีผลเลือดออกระดับ 1

ก่อนที่เอฟเฟคเลือดออกจะได้มีผล นักเวทย์คนนั้นก็ได้ร่วงลงกับพื้นซะแล้ว

ลูหลี่ไม่ต้องเสียทักษะเพื่อเข้าสู่สถานะล่องหนเลย เขาเพียงแค่ก้าวไม่กี่ก้าว เพื่อที่จะไปอยู่ข้างหลังของนักเวทย์อีกคน พร้อมกับแทงไปที่คอของเขาด้วยกริชในมืด

ระบบ: ความสำเร็จทักษะชาโดว์สไตรค์ 95%, สร้างความเสียหายจากทักษะ 300% เป้าหมายของทักษะติดสตันเป็นเวลา 2 วินาที

เพียงแค่ทักษะเดียว เลือดของนักเวทย์ก็ได้หายไปกว่าครึ่ง

นักเวทย์รู้สึกตกใจมากและเขาพยายามที่จะใช้ทักษะแฟลชอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะหลีกหนีออกไปจากฝันร้ายนี้

ช่างน่าเสียดาย ที่การสตันแค่สองวินาทีก็เพียงพอแล้วสำหรับลูหลี่

ระบบ: ความสำเร็จทักษะฉีก 75% สร้างความเสียหาย 88% ของทักษะ

ทักษะฉีก เป็นทักษะใหม่สำหรับลูหลี่ ดังนั้นแล้ว ระดับความสำเร็จของเขาจึงไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ อีกทั้ง ความเสียหายของมันก็ค่อนข้างน้อยมาก และยังไม่มีผลพิเศษอีกด้วย ลูหลี่จะใช้ทักษะนี้เพื่อเก็บคะแนนคอมโบก็เท่านั้น

ฉีก: ทักษะใช้งานทันที ระยะเวลาคูลดาวน์ 20 วินาที โจมตีในทันทีด้วยอาวุธในมือทั้งสอง อาวุธหลักจะสร้

หลังจากที่เขาได้รับคะแนนคอมโบสามจุด ลูหลี่ก็ได้ก้าวไปข้างหน้าจากทางซ้าย เขาไม่เพียงแต่หลบการพุ่งจากนักรบได้ แต่เขายังสามารถขยับตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อใช้แทงหลังด้วยหลังมือ

นักเวทย์ผู้น่าสงสารได้ถูกส่งให้ลอยขึ้นไปในอากาศและได้ตายลงไป

ในชั่วพริบตา ลูหลี่ได้ฆ่านักเวทย์ไปถึงสองคน

นอกเหนือจากนักรบแล้ว คนอื่นๆที่อยู่รอบๆก็ไม่ได้สังเกตุเห็นโจรเลย จนกระทั่งทักษะพายุหิมะได้หยุดลง

"****, ฆ่าเขาซะ!"พวกเขามีผู้เล่นนับสิบคน พวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการฆ่าโจรเพียงคนเดียวเลย แม้ว่าโจรคนนี้จะเหมือนพระเจ้าก็ตาม แต่ด้วยความแตกต่างในเรื่องจำนวน มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากเลย

แต่มีลูหลี่เพียงคนเดียวงั้นเหรอ?

แน่นอนว่าไม่!

อาเซอร์ซีบรีสและคนอื่นๆได้มาถึงพร้อมกับโอ้อวดความสามารถในทันที

มูนไลท์รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เขาเป็นคนที่ชอบ PK อย่างมาก การที่เขาได้ตามทีมของเขาไปเพิ่มระดับในช่วงสองสามวันมานี้ มันได้ทำให้เขาคิดว่ามันนานเกินไปซะด้วยซ้ำ ทันทีที่ลูหลี่ฆ่านักเวทย์ไป มูนไลท์ก็ได้พุ่งเข้าใส่กลุ่มคนและสตันพวกนั้นทั้งหมด ด้วยทักษะกระทืบ จากนั้นก็ตามด้วยทักษะลมกรด

ข้อความที่แสดงความเสียหายได้ลอยขึ้นอยู่ในอากาศเต็มไปหมด นักรบคลั่งนั้นเปรียบได้กับเครื่องจักรสังหารเลยทีเดียว!

หลังจากนั้นเอง ลูหลี่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ต่อสู้เลย มูนไลท์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็ได้กระโดดขึ้นไปและลงมาที่พื้นด้วยทักษะกระทืบ

จริงๆแล้ว ทักษะนี้ไม่ได้รุนแรง และการกระโดดก็ไม่ได้ช่วยอะไร ซึ่งแน่นอนว่า การกระโดดมันทำให้ทักษะนี้ดูน่ากลัวมากขึ้น ราวกับว่าได้มีปีศาจอยู่ในตัวของคนๆนี้ และมีเพียงการฆ่าเท่านั้น ถึงจะทำให้มันหายไป

"ตามฉันมา"

ลูหลี่พูดอะไรไม่ถูกเลย เขาได้ส่งสัญญาให้มาสเรนเพื่อตามไปและไปรักษาด้วย

เกมรุ่งอรุณไม่มีทางที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะสามารถต่อกรกับผู้เล่นหลายคนได้ มูนไลท์ที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในตอนนี้ กำลังเข้าสู่สถานการณ์อันตราย เลือดกว่าครึ่งหนึ่งของเขาได้หายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีนักบวชยืนอยู่ข้างหลังเขา ตัวของเขาก็ราวกับเป็นเทพสงครามที่ไม่มีใครเอาชนะเขาได้

คนหนึ่งดูรุนแรงและสามารถรับความเสียหายได้อย่างมหาศาล ส่วนอีกคนก็สามารถเอาตัวรอดได้และยังมีทักษะในการสนับสนุน ด้วยการรวมกันของนักบวชและนักรับคลั่ง มันจึงราวกับเป็นทีมที่ดีที่สุดในเกม

หากพูดว่าไม่มีทางเอาชนะ คงจะเป็นคำพูดเกินจริงไปหน่อย แต่มันก็ยังเป็นความจริง ที่ไม่มีใครสามารถหยุดลูหลี่และทีมของเขาได้

ด้วยการกระทำของพวกเขา มันจึงเป็นการดึงผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรคนอื่นๆมาด้วย คนพวกนี้ได้มารวมตัวกันรอบตัวพวกเขาและกวาดล้างผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์ไปตามเส้นทาง

แม้ว่าจะมีผู้เล่นที่แข็งแกร่งไม่กี่คนที่ได้โผล่ออกมาระหว่างทาง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะ ลูหลี่ มูนไลท์และมาสเรนเป็นถึงแชมป์ของการแข่งขันถ้วยเงา

ลูหลี่และมูนไลท์สามารถจัดการกับคน 5 คน ด้วยตัวพวกเขาเพียงคนเดียวได้ ส่วนมาสเรนก็สนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง แม้แต่คน 25 คนก็ยังไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ นี่ไม่ใช่สมการง่ายๆแบบ 1 + 1 = 2 พวกเขานั้นยากยิ่งกว่านั้น

"อย่าลืมเรื่องพาลาดินสีแดงล่ะ" ลูหลี่กล่าวเตือน

ทุกคนในทีมของพวกเขามักจะดูเบื่อเสมอ เมื่อพวกเขาต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ แต่พวกเขากลับรู้สึกตื่นเต้นเสมอ เมื่อได้ต่อสู้กับผู้เล่น เช่นนี้แล้ว พวกเขาจึงได้ลืมเรื่องของพาลาดินสีแดงอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องฆ่าเพียง 20 ตัวเท่านั้น แต่ก็ได้มีผู้เล่นจำนวนมากอยู่ที่นี่และมอนสเตอร์ตัวนี้ก็ได้ถูกจัดการทันที ที่มันเกิด ไม่มีอะไรรับรับประกันได้เลยว่า พวกเขาจะสามารถจัดการกับพาลาดินสีแดงได้ ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงอารามสีแดง

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์จำนวนมากกำลังพูดถึงพวกเขาในช่องแชท โดยได้บอกว่ามีผู้เล่นระดับสูงได้มาถึงอารามสีแดงแล้ว

แม้ว่าลูหลี่และคนอื่นๆจะปิดบังใบหน้า แต่ก็ยังมีคนที่รู้ว่าเป็นพวกเขาอยู่ดี

ประการแรกคือ อาชีพในทีมของเขา ผู้เล่นในกลุ่มทหารรับจ้างซินซินแต่ละคนไม่ได้ปิดบังอาชีพของตนเลย ประการที่สองคือ เสือที่เป็นสัตว์เลี้ยงของความฝันที่เหลืออยู่ อีกทั้ง เจ้าเขี้ยวเงานั้นก็เป็นสัตว์หายากอีกด้วย ประกายสุดท้ายคือ ลูหลี่ที่สวมใส่อาวุธทองระดับ 30

มีเพียงโจรไม่กี่คนเท่านั้น ที่ใช้เพียงแค่ทักษะชาโดว์สไตรค์ ก็ลด HP ของนักเวทย์ไปได้กว่าครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ มืออีกข้างของเขายังถือเขี้ยวแห่งความโกลาหลอยู่ ตัวของมันราวกับ หิ่งห้อยที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิด

เมื่อได้เห็นแบบนี้ ทุกๆคนที่มาจากสมาคมใหญ่ๆก็ตระหนักได้ทันทีว่า สมาคมกฏแห่งดาบกำลังจะเริ่มเคลียร์ดันเจี้ยนอารามสีแดงแล้ว

ไม่เพียงแต่สมาคมใหญ่ๆจากฝ่ายเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้ แม้แต่สมาคมใหญ่ๆจากฝ่ายพันธมิตรก็ได้รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ราวกับว่ามีใครบางคนได้จุดกองเพลิงขึ้นมา สมาคมแทบทั้งหมดได้เลิกสิ่งที่ตนกำลังทำและเปลี่ยนแผนไปเคลียร์ดันเจี้ยนอารามสีแดงแทน

ในตอนแรก พื้นที่รอบๆอารามมีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ พื้นที่กลับแออัดเป็นอย่างมาก

มันเป็นภาพที่จินตนาการได้ไม่ยากเลย

แม้ว่าจะมีคนเพียงหนึ่งร้อยคนจากสมาคมเท่านั้นที่ต้องการลำแสงสีแดง แต่หากรวมคนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็มีคนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าแสนคนมารวมตัวกันที่ดันเจี้ยน

นั่นหมายความว่า ทั่วทั้งผืนป่าทิริสฟอลกำลังเป็นสนามรบขนาดใหญ่ การต่อสู้เกิดขึ้นทุกๆที่ มีชีวิตนับพันได้ตายลงไปทุกๆวินาที

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับลูหลี่และสมาชิกทีมของเขาเลย พวกเขาเพียงแค่หยุดอยู่ที่ด้านนอกอารามสักพักหนึ่งเท่านั้น คนที่คิดจะมาสร้างปัญหาให้แก่เขา ก็คงจะหยุดพวกเขาไม่ได้แล้ว

อีกทั้งมันยังไร้ประโยชน์มาก หากต้องการที่จะเฝ้าหน้าดันเจี้ยน เพราะไม่มีใครรู้เลยว่า พวกเขาจะใช้เวลาในดันเจี้ยนนานเท่าไหร่ นอกจากนี้แล้ว ลูหลี่อาจจะออกมาจากดันเจี้ยนตอนไหนก็ได้ เพื่อฆ่าพาลาดินสีแดงและมาเอาลำแสงสีแดง [ออกจากดันเจี้ยนได้ตลอดเวลา ลำแสงสีแดงมีผล 1 ชั่วโมง ลูหลี่เลยต้องออกมาเอาตลอด]

มีสี่ดันเจี้ยนในดันเจี้ยนเดียว ลูหลี่ได้เลือกสุสานก่อน

ที่เขาได้เลือกสุสาน มันก็เพียงเพราะมันง่ายที่สุดจากทั้งหมดแล้ว ตราบใดที่คุณรู้ว่าดันเจี้ยนนั้นเป็นยังไง คุณก็จะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ในการเคลียร์มัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด