จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 369
บทที่ 369: นั่งฟรี [อารามที่ถูกเผาไหม้ เปลี่ยนเป็น อารามสกาเล็ต]
เมื่อตอนที่เขาได้เห็นชายชราครั้งแรก ลูกชิ้นงาเกือบจะโจมตีออกไป
อันเดต!
ชายชราคนนี้ไร้เนื้อหนังและตาสองข้างก็เปล่งแสงประกายสีดำออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็น อันเดต
อันเดตที่นี้ไม่ได้เหมือนกับอันเดตโดยทั่วไป เพราะอันเดตที่นี้ตายจากโรคระบาด และพวกเขาก็มักจะไม่มีสติกัน แต่อันเดตตนนี้กลับมีสติสัมปชัญญะ คงเป็นเพราะพวกเขาได้ติดตามราชินะ ผู้นำของสมเด็จพระราชินีไซวานัสและเรียกตัวของพวกเขาเองว่าเป็น 'ผู้ถูกลืม'
"เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงได้เดินหลงทางในอาณาจักรแห่งความตายนี้?"ชายชราถามด้วยเสียงอันแหบแห้งของเขา เขาพูดภาษาแปลกๆออกมา ซึ่งมันเป็นภาษาที่ทุกเผ่าพันธุ์ต่างก็ใช้กัน
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลูกชิ้นงาก็ได้มาสังเกตุเห็นถึงแสงสีเหลืองๆที่ปรากฏออกมาจากร่างอันเดต หากไม่ดูดีๆคงจะไม่เห็นเลย ซึ่งนั้นหมายความว่า เขาเป็นกลาง ซึ่งแตกต่างจากอันเดตตนอื่นๆ คนๆนี้เป็นมิตร
"เราเป็นนักผจญภัยที่เหนื่อยล้า ที่ต้องการจะเดินทางผ่านดินแดนภัยพิบัติไป และต้องการไปที่อารามสกาเล็ต"ลูหลี่ตอบขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้ารถม้า
"อารามสกาเล็ต... " อันเดตแก่ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามกลับมาว่า "เจ้าคิดยังไงกับครูเซเดอร์แห่งสกาเล็ต?"
"หลังจากที่ท่านมอแกรนได้ตายลงไป พาลาดินพวกนี้ก็บ้าคลั่งสุดขีด ข้าเชื่อว่า พวกเขาไร้ซึ่งศรัทธาแล้ว "ลูหลี่ตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
รอยยิ้มอันน่าเกลียดได้คืบคลานไปทั่วใบหน้าของอันเดต เมื่อเขาได้เหวี่ยงแส้ม้าที่อยู่ในมือของเขาลง เขาก็ได้พูดว่า "มาเถอะ นักผจญภัย ข้าให้พวกเจ้าทั้งหมดเข้ามานั่งได้ "
ลูหลี่สั่งให้อีกสองคนปีนขึ้นไปบนรถม้า
ขณะที่แส้ได้พุ่งตวัดออกไป ม้าสองตัวก็เริ่มขยับเท้าและเริ่มวิ่งเหยาะๆออกไป
ลูหลี่ได้ส่งข้อความไปยังอีกสองคน แล้วบอกให้พวกเขาห้ามพูดแม้แต่คำเดียวออกมา แม้แต่ฮาชิจังก็ยังต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
หลังจากนั้นไม่นาน อันเดตแก่ก็ได้แนะนำตัวเองว่าเขาคือ "คนขับรถม้าแห่งดินแดนภัยพิบัติ" บางคนยังเรียกเขาว่า "คนเก็บขยะแห่งดินแดนภัยพิบัติ" ไม่ว่าเรื่องที่เขาจะฆ่าหรือจะให้ขึ้นรถม้าฟรี มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเอง
มีหลายคำตอบที่ลูหลี่เคยอ่านไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทุกคำตอบล้วนแต่เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ กว่าที่จะได้คำตอบที่ถูกต้อง เพื่อที่จะขึ้นรถม้าฟรีๆ ก็ได้มีผู้เล่นหลายคนต้องตายไป
แม้ว่าฮษชิจังจะสามารถทำเควสได้ดี แต่เธอคงจะเอาชีวิตไม่รอด หากเจอกับอันเดตแก่ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
แม้ว่าม้าสองตัวจะดูเหมือนม้าทั่วไป แต่พวกมันก็ไม่ใช่ม้าทั่วไป ผืนดินที่พวกมันกำลังวิ่งอยู่นั้น ต่างถูกเผาเป็นตอตะโกสีดำในทุกๆจุด หลังจากที่มันวิ่งผ่านไป มีมอนเตอร์ระดับ 40-50 มากมายที่ต้องวิ่งหนีจากม้าสองตัวนี้ไป หากวิ่งไม่เร็วพอ พวกมันก็จะตายจากการถูกม้าเหยียบในทันที คนที่
บางคนได้กล่าว่า อันเดตแก่และม้าสองตัวนี้เป็นบอส ระดับของพวกเขายังไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วย ดังนั้นแล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่พวกเขาจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา
แต่ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรจะเกิดขึ้น ลูหลี่และทีมของเขาก็แค่ต้องการผ่านทางไปเท่านั้น
การเดินทางด้วยรถม้าเร็วมาก ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งนาที พวกเขาก็ได้มาถึง ดินแดนภัยพิบัติทางตะวันตก
ดินแดนภัยพิบัติตะวันตกและดินแดนภัยพิบัติตะวันออก ถูกแยกออกจากกันโดย แม่น้ำทอลริล หลังจากที่ข้ามแม่น้ำมาแล้ว สภาพแวดล้อมรอบๆก็ได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แม้ว่าดินแดนแห่งนี้จะดูใกล้ตายแล้ว แต่มันก็ยังไม่ตาย
แม้แต่หญ้าสีเขียว ในดินแดนภัยพิบัติทางตะวันออก พวกเขาก็ยังไม่สามารถหามันพบเลย
"ภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่เคยหยุดนิ่ง ข้าสงสัยว่าดินแดนภัยพิบัติทางตะวันออกจะอยู่ได้นานเพียงใดกัน" อันเดตแก่ถอนหายใจ
แม้ว่าคำพูดของอันเดตแก่จะดูเหมือนกับภารกิจ แต่ลูหลี่ก็ต้องเงียบปากของเขาไว้ ส่วนฮาชิจังและลูกชิ้นงาก็ได้ถูกเตือนหลายครั้งมาก พวกเขาจึงยังคงนั่งนิ่งอยู่ในขณะที่มองอันเดตแก่ด้วยความกลัว
"ป่าเลอเกอนี้ ... ช่างน่ารังเกียจมากเสียจริง ในครั้งสุดท้ายที่ข้าได้มาที่นี้ ม้าของข้ากลับถูกพวกมันซุ่มโจมตีในขณะที่พวกม้ากำลังดื่มน้ำอยู่"อันเดตแก่แช่งออกมาในขณะที่เขาเห็นแมงมุมกำลังพุ่งผ่านเข้ามายังป่าใกล้ๆอย่างรวดเร็ว
ถ้าเป็นผู้เล่นคนอื่นๆ พวกเขาคงจะพูดกับอันเดตแก่นี้ว่า "ผมยินดีที่จะช่วยคุณสังหารมอนเตอร์พวกนี้เอง ขอแค่รางวัลให้ผมนิดหน่อยก็พอ"
ลูหลี่และทีมของเขาเงียบมาก พวกเขากระพริบตาถี่มาก ราวกับว่า พวกเขาไม่ได้กำลังหลับอยู่
อันเดตยังคงพร่ำบ่นต่อไป แม้จะไม่มีใครสนใจแก่เขาก็ตาม หลังจากนั้นไม่กี่นาที รถม้าก็ได้ไปหยุดอยู่ที่ฟาร์มของเดลซัน ลูหลี่ส่งมอบเหรียญทองสามเหรียญให้แก่อันเดตแก่และหนีออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่กล่าวคำลาอะไรเลย
"หยาบคายนัก"
ดวงตาสีเหลืองของอันเดตแก่วูบวาบไปมา ในขณะที่เขายังคงเดินทางต่อไปด้วยรถม้าของเขาและหายไปท่ามกลางฟาร์มอันแสนวังเวง
วิญญาณที่กำลังหลงทางอยู่ในฟาร์ม เมื่อสัมผัสตัวของเขาก็จะกลายเป็นหมอกในทันที
วิญญาณพวกนี้เป็นถึงมอนสเตอร์ระดับ 45!
การเดินทางควรจะใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เนื่องจาก พวกเขาได้นั่งรถม้าฟรี มันจึงลดระยะเวลาไปได้ โดยใช้แค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง
ฟาร์มของเดลซันอยู่ไม่ไกลนักจากผืนป่าทิริฟอลและที่นั่นก็มีมอนเตอร์น้อยมาก
ลูหลี่เดินนำไปข้างหน้า เมื่อเขาวิ่งเข้าไปหามอนเตอร์โดยไม่ตั้งใจ เขาก็จะกลายร่างเป็นเสือดาวและลากพวกมันออกไป เพื่อที่จะให้ลูกชิ้นงาเดินผ่านไปก่อน ส่วนบางครั้งฮาชิจังก็ช่วยเขาด้วยเช่นกัน เพราะตัวของเธอนั้นเร็วกว่าพ่อมดอยู่แล้ว
หลังจากที่พวกเขาได้มาถึงผืนป่าทิริสฟอล สภาพแวดล้อมก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
แม้แต่เศษเสี้ยวของภัยพิบัติธรรมชาติก็ไม่มีทางได้พบในที่นี้เลย เพราะนี่คือ ป่า ผืนป่าทิริสฟอลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มอนสเตอร์ที่นี่มีระดับอยู่ที่ 20 และไม่เป็นภัยคุกคามต่อลูหลี่และทีมของเขา ที่มีระดับอยู่ที่ 29 และ 30 อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่สามารถลดความระมัดระวังตัวของพวกเขาลงไปได้ เพราะพื้นที่แถบนี้ ยังมีผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์อยู่
ถ้าจะบอกให้ถูก ผืนป่าทิริสฟอลเป็นฐานที่มั่นของผู้เล่นอันเดต ในอนาคตมันคือเมืองหลักของเผ่าอันเดต เมืองแห่งความมืด ซึ่งในตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น แต่ยังไงมันก็คงจะโผล่มาในผืนป่าทิริฟอล สักวันหนึ่ง
ลูหลี่ได้เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับลูกชิ้นงา เพื่อที่จะเปิดประตูเทเลพอร์ต
การเปิดประตูเทเลพอร์ต หมายถึงการใช้ทักษะของพ่อมด ด้วยความช่วยเหลือของสมาชิกในทีมสองคน พ่อมดจึงสามารถที่จะเปิดประตูขึ้นมาได้ ผู้เล่นที่อยู่ในทีมเดียวกักันกับพ่อมด สามารถที่จะข้ามประตูนี้ไปมาได้ตลอดเวลา
อาเซอร์ซีบรีส พเนจร ...
สมาชิกในทีมแต่ลคนได้ก้าวออกมาจากประตูและออกมาที่ผืนป่าทิริสฟอล
"ว้าว น่าทึ่งมากเลย!"อาเซอร์ซีบรีสตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
"ไม่มีมารยาท" มันเหมือนกับสัญชาตญาณธรรมชาติของพเนจร ที่มักจะดูถูกดูแคลนเขาเสมอ
"ราวกับว่านายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน" อาเซอร์ซีบรีสกล่าวสวนกลับไป ก่อนที่จะหันศีรษะไปถามลูหลี่"ทำไมพวกนายมาได้เร็วจัง? ฉันคิดว่านายบอกว่าจะใช้เวลาถึง 40-50 นาที ไม่ใช่เหรอ?"
"นั้นเป็นเวลาที่ฉันคาดไว้จากการเดินเท้าโดยประมาณ แต่เราได้พบกับ NPC คนหนึ่งซึ่งมีรถม้า เขาได้ให้เราขึ้นไปด้วย "ลูหลี่กล่าวอธิบายสั้นๆ
ฮาชิจังได้ลากความฝันที่เหลืออยู่ตามไปกับเธอ จากนั้น เธอก็ได้เล่าถึงการเดินทางโดยละเอียด โดยได้บอกด้วยว่าอันเดตแก่นั้นน่ากลัวขนาดไหน เด็กสาวซื่อบื้อคนนี้ทำราวกับตัวเธอกล้าหาญ เธอดูเหมือนจะภาคภูมิใจมาก ที่ได้เดินทางไปในที่แปลกๆ
แต่ตามจริงแล้ว มันสยองมากจริงๆ ตอนที่พวกเขาเห็นอันเดตแก่ตนนี้ฆ่าสิ่งมีชีวิตไป
พวกเขาทั้งสิบคนได้เดินทางไปที่อารามสีแดงตามเส้นทางที่แผนที่แนะนำ ลูหลี่ยังคงสำรวจทางข้างหน้าให้เหมือนเดิม คราวนี้เขาไม่ต้องมาระวังมอนเตอร์แล้ว แต่ต้องมาระวังผู้เล่นคนอื่นแทน
เนื่องจากพวกเขากำลังอยู่ในดินแดนของฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาควรจะระมัดระวังตัวไว้ หากพบเข้ากับสมาคมใหญ่ๆ มันคงจะเป็นปัญหาสำหรับลูหลี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาคมที่ลูหลี่พึ่งไปเหยียบตาปลามา
ทั้งสิบคนต่างสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า พวกเขาลอบเข้ามาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของผืนป่าทิริสฟอล
จากจุดที่พวกเขาอยู่ พวกเขาได้เห็นสิ่งก่อสร้างบนหุบเขา นั่นคือชื่อจุดหมายปลายทางของพวกเขา อารามสีแดง!
ระหว่างทางขึ้นเขานั้นเอง ก็ได้เกิดการต่อสู้อันรุนแรงขึ้น
ด้วยความได้เปรียบทางด้านพื้นที่และจำนวน ผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์จึงเป็นฝ่ายที่ได้จัดการกับฝ่ายพันธมิตรที่พยายามจะเข้าดันเจี้ยน
ในตอนนี้ ไม่มีทางลัดอีกแล้ว สิ่งที่พวกทำได้ก็มีแค่เพียงสู้เท่านั้น!