จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 368
บทที่ 368: อารามที่ถูกเผาไหม้
อารามที่ถูกเผาไหม้!
มันนับว่าเป็นของหนึ่งในดันเจี้ยนที่ยากมากที่สุดในเกมรุ่งอรุณ
ดันเจี้ยนนี้ประกอบไปด้วย สุสาน วัง คลังแสงและห้องสมุด ซึ่งปกติแล้ว ดันเจี้ยนจะมีเพียงแค่ชื่อ แต่อารามที่ถูกเผาไหม้กลับมีหลายๆอย่างในตัวของดันเจี้ยนเดียว
ระดับที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนนี้ได้คือ 25 และมีข้อจำกัดของระดับอยู่ที่ LV 35 ฝูงมอนเตอร์ส่วนใหญ่มีระดับ 30 ขึ้นไปและบอสก็มีระดับอย่างน้อย 30 ฝูงมอนเตอร์ส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงมีค่า HP และให้ค่า EXP ที่ต่ำ แต่พวกเขาก็ยังดรอบไอเท็มที่ดีๆอยู่บ้าง ...
มีกลุ่มผู้เล่นมืออาชีพระดับล่างบางคนได้ใช้ดันเจี้ยนอารามที่ถูกเผาไหม้ ไว้ฟาร์มเป็นหลัก
การเข้ามาในดันเจี้ยนอารามที่ถูกเผาไหม้ จะสามารถสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างน้อย 10 เหรียญทอง บางทีก็จะได้อุปกรณ์สวมใส่หรือไม่ก็เป็นอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย
เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีระดับต่ำกว่า 35 พวกเขาจึงได้คิดค้นวิธีการฆ่าตัวตายทุกรูปแบบออกมา บางคนตัดสินใจไปอยู่กลางฝูงมอนเตอร์และให้พวกมันฆ่าเขา บางคนก็เลือกที่จะกระโดดจากที่สูง
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ลูหลี่ก็เคยทำแบบนั้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งเหมือนกัน เขาและคนอีกคนหนึ่งได้ฟาร์มด้วยกัน จนมีเงินจำนวนมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เขาได้ลองมานึกคิดดูและรู้ได้เลยว่า รายได้นี้มันไม่มั่นคงอย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งที่แท้จริงที่ต้องมีอยู่ มันก็คือระดับของผู้เล่น ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่ได้ทำธุรกิจที่จะต้องลดระดับเลยสักครั้ง
อารามที่ถูกเผาไหม้จะไม่ดูท้าทายไปเลยสักนิด หากคุณรู้เทคนิคในการเคลียร์
หากคุณรู้เทคนิคนี้ แม้แต่ทีมระดับ 30 สิบคนก็สามารถไปเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย
ส่วนความยากระดับฮีโร่และความยากระดับฝันร้าย พวกมันก็จะมีข้อกำหนดอะไรพิเศษมาให้
เหมือนกับ ถ้ำโหยหวนและดันเจี้ยนความมืดที่หยั่งลึก มีวิธีการเสริมที่จะช่วยคุณเคลียร์ดันเจี้ยนอารามที่ถูกเผาไหม้ได้ วิธีการพวกนี้หาได้ง่ายมาก สิ่งที่พวกคุณต้องทำคือการฆ่าพาลาดินที่ถูกเผาไหม้ ซึ่งอยู่นอกดันเจี้ยน หลังจากฆ่าพวกเขาไป 20 คน พวกมันก็จะดรอบลำแสงที่ถูกเผาไหม้ลงมา ซึ่งจะมีผลเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
ลำแสงที่ถูกเผาไหม้: ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับครูเซเดอร์ผู้ถูกเผาไหม้เพิ่มขึ้น 5% อัตราฟื้นฟู HP เพิ่มขึ้น 5% และอัตราฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 5% มีผลเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง
แม้ลำแสงนี้จะดูไม่แข็งแกร่งนัก แต่มันก็มีความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างมีมันและไม่มีมัน
ผู้เล่นฝ่ายเผ่าพันธุ์ สามารถวารป์ไปยังป่าไทริสฟอลและเดินทางไปยังดันเจี้ยนอย่างสบายๆ พวกเขาเพียงแค่ต้องฆ่ามอนเตอร์ไม่กี่ตัวที่อยู่ข้างนอกดันเจี้ยน เพื่อเอาลำแสงพวกนี้มา มันจึงเป็นยากมากสำหรับผู้เล่นฝ่ายพันธมิตร เนื่องจากจุดเทเลพอร์ตนั้นก็ค่อนข้างที่จะอยู่ไกลมากเลยทีเดียว
เส้นทางที่พวกเขาจะต้องใช้เดินทางคือ เทเลพอร์ตไปที่ทะเลทางใต้ และเดินทางไปทางเหนือผ่านป่าต้นสนเงิน จากนั้นคุณจะต้องผ่านไปยังเมืองเบื้องล่าง เพื่อไปยังป่าไทริสฟอล ซึ่งมันก็จะนำทางคุณไปยังอารามที่ถูกเผาไหม้
การเดินทางนี้ค่อนข้างไกลเลยทีเดียว อย่างน้อยมันก็ต้องใช้เวลาราวสองชั่วโมงในการเดินทาง
ในบรรดาสมาคมที่คิดจะเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ ส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจจะใช้เส้นทางนี้คือ สมาคมธงสงครามสีเลือดและสมาคมสวรรค์ชั้นเจ็ด นี่เป็นเพราะเส้นทางนี้ค่อนข้างปลอดภัย มอนสเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางก็ไม่ได้มีระดับสูงมากนัก
แน่นอนว่าคุณสามารถวารป์จากเมืองไปยังดันเจี้ยนได้เลย แต่คุณจะไม่ได้รับลำแสงที่ถูกเผาไหม้แทน
เช่นนี้แล้ว เห็นชัดเลยว่าอารามที่ถูกเผาไหม้ลำเอียงต่อฝ่ายเผ่าพันธุ์มากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ไม่ได้ใช้เส้นทางนั้น เพราะเขารู้ทางลัด
นอกจากเส้นทางพวกนี้แล้ว คุณยังสามารถเทเลพอร์ตไปที่ดินแดนภัยพิบัติทางตะวันออกและเดินผ่านดินแดนภัยพิบัติทางตะวันตก จนไปถึงดันเจี้ยนได้เลย มันเป็นเส้นทางที่ใกล้และพวกเขาก็สามารถเดินทางได้โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้ไม่รู้เส้นทางนี้ ส่วนหนึ่งของแผนที่นี้ได้ถูกสำรวจแล้ว และก็ได้ตีพิมพ์ขายออกมาเป็นเหรียญเงินได้
ปัญหาไม่ใช่มอนเตอร์ที่อยู่ตามทางนั้นมีมากไป แต่เป็นเพราะมอนเตอร์ที่อยู่ตามทางมีระดับ 40-50 ต่างหาก
ด้วยระดับปัจจุบันของผู้เล่น ฝูงมอนเตอร์ที่มีระดับ 40-50 ก็ไม่ต่างอะไรไปจากบอส พวกเขาจะต้องใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้น ด้วยการกำจัดมอนเตอร์เหล่านี้ไปตามทาง
ลูหลี่กล้าพอที่จะใช้เส้นทางนี้ เพราะเขาคุ้นเคยกับแผนที่และฝูงมอนเตอร์ในบริเวณนี้มาก นี่คือเหตุผลที่เขามั่นใจว่า เขาและเพื่อนร่วมทีมของเขาจะผ่านทางนี้ไปได้
การเดินทางกลับนั้นจะต้องใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมง ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะกลับมาเติมเสบียงได้อีก ทุกๆคนจึงจำเป็นที่จะต้องเอาของต่างๆมาด้วยมากมาย เช่นทหาร ซึ่งลูหลี่ก็ได้นำแม้แต่หุ่นยนต์บำรุงรักษาขั้นพื้นฐานมาด้วย
หุ่นยนต์พวกนี้สามารถซ่อมแซมอุปกรณ์ได้โดยตรง
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเสร็จแล้ว ลูหลี่ก็ได้นำฮาชิจังและลูกชิ้นงาไปที่ดินแดนภัยพิบัติทางตะวันออก ซึ่งเป็นที่อยู่ของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ก่อน ส่วนคนที่เหลือจะฟาร์มไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง พ่อมดได้ใช้ทักษะเรียกกำลังเสริม พวกเขาจึงไม่ต้องไปกันหลายคนเลย นั้นจึงทำให้การเดินทางของพวกเขาจึงสะดวกกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ
"โง่ โง่ ... นายสิเป็นกระตาย" ฮาชิจังกล่าวอย่างดูถูก เธอต้องการที่จะฟาร์มพร้อมเพื่อนๆและค่อยเทเลพอร์ตมาที่นี้
แต่ลูหลี่ได้บอกกับเธอว่าเธอสามารถ "วิ่งเร็วเหมือนกระต่าย" นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอได้มา ส่วนเรื่องของลูกชิ้นงา ที่เขาได้มาที่นี้ เพราะเขาจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะเรียกกำลังเสริม
การเทเลพอร์ตนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก มันสามารถพาพวกเขาไปได้ทุกที่
ในจุดที่ๆพวกเขาได้อยู่นั้น มันเหมือนกับเป็นด้านตรงข้ามของแอสทาน่า ท้องฟ้าของดินแดนภัยพิบัติดูไม่สดใสและพื้นดินก็เป็นสีดำ ราวกับว่าเงาแห่งความชั่วร้ายกำลังกัดกินเหนือท้องฟ้าอยู่
สิ่งมีชีวิตที่ได้ตายไปแล้วหลายตัวกำลังเดินอยู่รอบดินแดนแห่งนี้ ซึ่งโรคระบาดก็ได้ฆ่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไปแทบทั้งหมด
คนเริ่มค่อยๆลืมไปว่า ครั้งหนึ่ง ที่นี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการเกษตรของลอร์ดแดรอน ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญของทวีป
หลังจากที่พวกเขาได้ออกจากเขตปลอดภัย โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้ว ฝูงมอนเตอร์ระดับ 50 ก็ได้อยู่ต่อหน้าพวกเขาและนั้นทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมากเลยทีเดียว ในตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องเตือนอะไรกันอีกแล้ว พวกเขาเดินหนีพวกมันไปและพยายามที่จะตื่นตัวอยู่เสมอ
ลูหลี่เข้าสู่สถานะล่องหนและไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าก่อน ฮาชิจังกลายร่างเป็นเสือดาวและอยู่ด้านหลังของเขา เพื่อปกป้องลูกชิ้นงา
ถ้ามีมอนเตอร์อยู่ข้างหน้า ลูหลี่ก็จะพบกับมันก่อน
การสำรวจบริเวณแถบนี้ค่อนข้างอันตราย เขามีระดับเพียง 30 ดังนั้นแล้ว ด้วยช่องว่างของระดับที่มากกว่า 10 ระดับ จึงทำให้การล่องหนของเขาแทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย แม้ว่าอุปกรณ์ของเขาจะเพิ่มค่าสถานะล่องหนก็ตาม
ลูหลี่ต้องใช้ทักษะก้าววายุและทักษะเพิ่มความเร็วออกมาในทันที เพื่อหลบหนี เมื่ออยู่ในอันตราย
ระบบระยะของเกมรุ่งอรุณมีอยู่กับทุกๆมอนสเตอร์ ดังนั้นแล้ว สำหรับโจรอย่างลูหลี่ การหลบหนีมอนเตอร์ที่แข็งแกร่ง คือวิธีที่สุดแล้ว
โชคดีที่ภูมิประเทศแถบนี้ไม่ได้ซับซ้อนเท่าไรนัก นั้นทำให้ไม่มีทางที่พวกเขาจะวิ่งอยู่ดีๆไปพบกับมอนเตอร์อย่างแน่นอน
เส้นทางที่ลูหลี่เลือกไม่ได้เป็นเส้นทางที่คนทั่วไปใช้กัน เขานั้นเบี่ยงออกมาจากเส้นทางสายหลักเล็กน้อย ซึ่งลูกชิ้นงาก็รู้ในเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ส่วนตัวของฮาชิจังเอง เธอแทบจะไม่รู้เรื่องทิศใต้ทิศเหนือในแผนที่เลย ดังนั้นแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะสังเกตุอะไรแบบนี้ได้
หลังจากผ่านไปสักสิบนาที ก็ได้มีเสียงเหมือนคนควบม้าอยู่ข้างหลังเขา
ท่าทางของลูกชิ้นงาดูหวาดกลัวมากเลยทีเดียว มอนเตอร์ธรรมดาไม่มีทางที่จะมีม้าได้อยู่แล้ว และส่วนมาก มอนเตอร์ที่มีพาหนะอยู่ ล้วนจัดการยากทุกตัว
ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นและเขาก็ต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อพยายามที่จะไม่กรีดร้องออกมา
ทำไมลูหลี่ต้องเลือกเส้นทางนี้กัน!
ลูหลี่หยุดเดินและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงจุดหมายแล้ว
เขาเดินไปหาเพื่อนร่วมทีมสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา เมื่อเขาได้ยินเสียงกีบม้า
ในหมอกควัน จู่ๆ ก็ได้ปรากฏม้าสองตัวบนสนามหญ้า ไม่ใช่แค่ม้าสองตัว แต่เป็นม้าสองตัวที่กำลังลากรถ
คนจรจัดผอมแห้งกำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนรถม้า และมองไปที่คนทั้งสามคนที่ยืนอยู่ริมถนน