จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 356
บทที่ 356: เมล็ดพันธุ์โบราณ
บาธรานยังคงเป็นวิญญาณอยู่ เขารออยู่กับที่ๆลูหลี่ทิ้งเขาไป เทรนต์ตนนี้ดูเศร้ามาก ความปราณนาเดียวของเขาคืออยากให้ตัวเองถูกปลดปล่อยไป
เมื่อได้เห็นลูหลี่ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมความคาดหวัง
"นักผจญภัย เจ้าได้รับไฟป่ามาหรือเปล่า?"
"บาธราน ข้าเกือบจะตายเพราะท่าน" ลูหลี่กล่าวออกมาอย่างไม่สุภาพ "ท่านจงใจปกปิดความจริงที่ว่า ขวดไฟป่ามันสามารถทำร้ายข้างั้นเหรอ? มันเกือบจะทำให้ข้าออกจากแคมป์ของพวกมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ""
เขาต้องแสดงให้ต้นไม้ต้นนี้รู้ถึงค่าของชีวิตของเขาด้วย มิฉะนั้นแล้ว เขาคงจะไม่สามารถมั่นใจได้ว่า รางวัลที่เขาจะได้รับนั้นจะเป็นของดีจริง
"มันเจ็บแค่นิดหน่อยเองในตอนแรก หลังจากที่เจ้าคุ้นเคยกับมันแล้ว มันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว" บาธรานพูดออกมาอย่างกระอักกระอ่วน"แต่การที่ได้เห็นเจ้ากลับมาอย่างไม่เป็นอันตรายอะไร ข้าก็คิดว่าข้าได้เลือกคนที่เหมาะสมแล้ว"
"... " ลูหลี่แทบจะอกแตกตาย ความเสียหายเพียงเล็กน้อยที่เขาพูดถึง มันทำให้เขาได้เปิดเผยตัวต่อผู้ขี่หมาป่าถึงสามตน จนมันไล่ตามเขา
"ร่างกายของข้านั้นอยู่ทางเหนือ นักผจญภัยเอ๋ย ช่วยทำให้ร่างของข้ากลับไปสู่ความสงบที เพื่อที่จะไม่ให้พวกสัตว์ร้ายทำลายเส้นผมของข้า และยิ่งไปกว่านั้น ในที่สุด ข้าก็จะสามารถไปเกิดใหม่ได้สักที "บาธรานกล่าวขณะที่ใบหน้าของเขายิ้มออกมาอย่างสดใส
"อะไระนะ ท่านชุบชีวิตตัวเองได้งั้นเหรอ?"ลูหลี่รู้สึกประหลาดใจ
"มันไม่ใช่การชุบชีวิต มันไม่เหมือนกันเลยสักนิด" บาธรานอธิบายขณะที่เขาโบกมือแขน "ข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่และข้าจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ข้าจะได้สัมผัสถึงความแข็งแรงและความน่าประหลาดของโลกใบนี้อีกครั้งหนึ่ง"
"แต่" ลูหลี่กล่าวขัดจังหวะ "แล้วนั่นจะยังเป็นท่านอยู่งั้นเหรอ?"
"เด็กน้อยเอ๋ย " ต้นไม้แห่งความรู้โบราณได้กล่าวในขณะที่เขายิ้มอย่างข่มขื่นกับเขาว่า "เจ้ารู้หรือเปล่า ว่ามีกฎที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ ชีวิตและความตายล้วนไม่ควรที่จะยุ่งเกี่ยวกับมัน ข้าไม่สามารถที่จะขออะไรเพิ่มเติมได้อีกแล้ว "
ลูหลี่ไม่อาจที่จะไม่สนใจในเรื่องนี้ได้ เพราะเขารู้ว่าเอกวินได้ชุบชีวิตตัวลูกชายของเธอ เมดีฟ ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หากคิดอีกทีหนึ่ง คำถามที่ยังคงเหลืออยู่ นั่นคือเมดีฟที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นตัวของเขาจริงหรือเปล่านะ
จากการนำของวิญญาณ ลูหลี่ก็ได้พบกับร่างของต้นไม้แห่งความรู้อย่างรวดเร็ว มันเป็นต้นไม้เก่าแก่ที่ยังคงฝังอยู่ในผืนดิน แม้ว่ามันจะร่วงหล่นลงมาก็ตาม แต่สิ่งที่แปลกคือ ต้นไม้ยังคงเขียวขจีอยู่ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ามันตายไปแล้วเลย
"ท่านแน่ใจหรือว่า ท่านต้องการที่จะจะเผามัน?"ลูหลี่ถาม
"ใช่ ลูกหลานของข้า บั้นปลายชีวิตได้มาถึงตัวข้าแล้ว "
บาธรานมองผ่านไปที่ต้นไม้ที่มีชีวิตอยู่นับพันปีพวกนี้ เขาโบกมือและเมล็ดสีเขียวก็ได้บินจากต้นไม้เข้ามาในมือของเขา
"เมล็ดพันธุ์นี้เป็นสิ่งเดียวที่ข้าได้สร้างมันขึ้นมาโดยใช้เวลานับพันปี ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าควรจะทำอย่างไรกับมัน "บาธรานส่งมันไปให้ลูหลี่และกล่าวต่อว่า" ข้าจะมอบสิ่งนี้ให้กับเจ้าและเจ้าก็ควรที่จะหาสถานที่บางแห่งในป่าแสงจันทร์เพื่อปลูกมัน ข้าไม่รู้ได้หรอกว่า สิ่งใดจะเกิดขึ้นมา เพราะทุกๆเมล็ดพันธุ์แต่ละเมล็ดล้วนมีความลับของมันอยู่แล้ว "
นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพ่อแม่หรือไง?
ลูหลี่หยิบเมล็ดและเก็บมันลงในกระเป๋าของเขา
ไม่มีใครรู้ว่านี่คืออะไร แต่เขากลับนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมา
เขาเป็นคนที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ลูหลี่จึงไม่มีทางที่จะลืมตำนานของเปียเรสซิตี้ลงไปได้
ขณะที่กองกำลังเมืองหลวงแห่งเกียรติยศนับพันได้บุกเข้าไปยังฐานของเปียเรสซิตี้ มันก็เหมือนกับว่าพวกเขาได้จบสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม แตรแห่งสนามรบได้ดังขึ้นมาอีกครั้งและเทรนต์จำนวนมากได้เข้ามายังสนามรบ พวกมันต่างต่อสู้อย่างกล้าหาญและซื้อเวลามากพอ จนกำลังเสริมของสมาคมเปียเรสซิตี้ได้มาถึง
หลังจากคิดคำนึงบางอย่างแล้ว พวกเขาก็ได้ตระหนักว่าสมาคมเปียเรสซิตี้ ต้องมีต้นไม้แห่งความรู้ข้างกายอย่างแน่นอน
มีแต่เพียงต้นไม้แห่งความรู้เท่านั้น จึงจะสามารถเรียกต้นไม้ทั้งหมดออกมาช่วยสู้โดยตรงได้
พวกมันทั้งหมดโจมตีเหมือนกับที่ต้นไม้โบราณด้วยการโยนก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆตัวของพวกมันเอง พวกมันนั้นยอมสละชีวิตของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ให้ศัตรูได้ย่างกรายเข้ามา ความแข็งแกร่งของการป้องกันนี้ สามารถเทียบเท่ากับเมืองพายุลมได้เลยทีเดียว
โชคดี ที่ต้นไม้โบราณชนิดนี้หายากมาก หุบเขาสีเทานั้นมีต้นไม้อยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ต้นไม้โบราณ
"บางทีในวันหนึ่ง เมื่อเจ้าได้เดินผ่านที่นี่ เจ้าอาจจะได้ยินทักทายจากข้าก็เป็นได้" บาธรานกล่าวขณะที่เขายิ้ม
"ข้าหวังว่าจะมีวันๆนั้น ท่านบาธราน ข้าชื่อว่าลูหลี่ "
ลูหลี่หยิบขวดไฟป่าออกมา ก่อนที่จะโยนใส่ต้นไม้โบราณ
เปลวไฟแพร่กระจายไปทั่วต้นไม้
ขณะที่เปลวเพลิงได้ลุกโชนขึ้นมา บาธรานก็เริ่มที่จะสลายไป ลูหลี่ไม่รู้เลยว่า เขาจะกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้งหรือไม่ เพราะมันไม่มีอะไรบอกได้จริงๆ นอกจากนี้แล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อว่า ต้นไม้ที่มีชีวิตอยู่นับพันปีจะตายได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
จากนั้นแลว้ เขาก็ได้กลับมายังแอสทาน่า
ลูหลี่เข้าไปในบ้านของเพลทอรัสในขณะที่อีวีน่า สติววิสเปอร์ก็ได้กล่าวทักทายเขาพอดี เขาพูดอย่างกังวลออกมาว่า "เจ้าได้รับเส้นผมของบาธรานมาหรือเปล่า? สุขภาพของเด็กเริ่มแย่ลงแล้วในแต่ละวัน ... อ่า เจ้าได้ผมมาด้วยงั้นเหรอ! นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่เรายังต้องใช้สิ่งอื่นๆอีก เส้นผมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าออร์คกำลังจะพยายามทำอะไรกับมันก็ตาม ข้าได้แค่หวังว่ามันจะไม่เอาเส้นผมนี้ไปเป็นอาวุธ... "
"มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ต้นไม้โบราณได้กลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว" ลูหลี่ส่ายหัวและกล่าวเบาๆ
อีวีน่ารู้สึกทึ่งในขณะที่เขาฟังเรื่องราวของลูหลี่ เขานั้นเป็นคนขี้สงสัย แต่นี้ก็ถือว่าเป็นข่าวดี เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ว่าพวกออร์คกำลังจะทำอะไรกับเส้นผมของบาธรานอีก
"มาสเตอร์! ลูกสาวของข้า ลูกสาวของข้า! ได้โปรดช่วยเธอด้วย ดูเหมือนว่าเธอจะเจ็บปวดมากขึ้น "
เพลทอรัสไม่สนใจแล้วว่าพวกออร์คกำลังจะทำอะไร ความกังวลเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือ อาการของลูกสาว
อีวีน่าเอาเส้นผมของบาธรานไปยังห้องเล่นแร่แปรธาตุในขณะที่ลูหลี่ได้แต่ยืนรอ เ
ถ้าเขาคิดได้ถูก เควสนี้ต้องไม่จบเพียงแค่นี้แน่
เพียงไม่นานนัก โพชันจากอีวีน่าก็ได้สำเร็จ เขาเอามันไปให้ไลล่าตัวน้อย
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง ยาก็เริ่มได้ผลและเด็กหญิงตัวเล็กๆก็ไม่ได้เจ็บปวดมากดั่งเดิมอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เธอยังคงไม่ตื่นขึ้นมา
อีวีน่ารู้สึกอายเล็กน้อย เพราะเขาอ้างว่าจะช่วยรักษาเด็กผู้หญิงคนนี้ได้
เขาคิดสักครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า "ยามันได้ผลแล้ว แต่ข้าได้ดูถูกพลังของความชั่วร้ายนี้และความอ่อนแอของร่างกายเธอน้อยเกินไป ดังนั้นแล้ว เธอจะยังคงทรมานอยู่ "
เพลทอรัสผู้น่าสงสารได้แต่ก้มคุกเข่าต่อหน้าอีวีน่าอีกครั้ง
อีวีน่าคิดถึงอาการของเด็กสาวอย่างรอบคอบอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะมีไอเดียหนึ่งโผล่ขึ้นมา
"ถ้าเจ้าสามารถนำโพชันขวดนี้ไปให้เทพธิดาแห่งดวงจันทร์อวยพร ข้าคิดว่าพลังของพวกปีศาจคงไม่อาจต้านมันได้ "
ฟังดูแล้ว มันก็คล้ายกับความคิดที่ดี แต่การที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ อาจเป็นเรื่องที่ยากจนเกินไป
"มันไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นหรอก ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือนักรบผู้กล้าหาญอีกครั้ง"
อีวีน่าหมายถึง ตัวของลูหลี่
"มีสถานที่สถานที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ไปยังทะเลสาบฟาราทิม ที่นั้นจะมีเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ฉายแสงตลอดทุกๆวัน ได้โปรดเวทนาตัวของเด็กสาวผู้นี้และนำโพชันไปอาบแสงนั้นด้วย แต่จงพึงระวังให้ดี ข้าได้ยินมาว่า สถานที่แห่งนั้นไม่สงบเท่าไหร่นัก "
ลูหลี่ถอนหายใจในใจ แน่นอนว่ามันต้องไม่สงบ เพราะมันอยู่ใกล้กับหุบเขาวอซอง มันคือเขตสนามรบ
"เอาล่ะ ข้าจะเป็นคนทำมันเอง" ลูหลี่กล่างยอมรับขณะที่เขาเอาโพชั่นมา
"ไลล่าตัวน้อยกำลังตกอยู่ในอันตราย ไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว นักผจญภัยหนุ่ม เจ้ามีเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้นและเจ้าจะต้องแช่โพชั่นนี้ถึง 5 นาที" อีวีน่ากล่าวเสริม
บ้าเอ้ย มันกลายเป็นเควสจำกัดเวลาไปแล้ว...