จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 338
บทที่ 338: พเนจรเดอะแบก
นักโทษที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดอยู่ ก็ได้มีพายุหิมะมาเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก
พวกเขาเริ่มดิ้นทุรนทุรายและกรีดร้องออกมา
"เปิดกรงและปล่อยให้พวกเขาออกมา"
ลูหลี่สั่งให้ทุกคนปลดปล่อยนักโทษออกจากกรงของพวกเขา ทหารพรานทอริลรู้สึกประทับใจกับความใจดีและยกย่องพวกเขาสำหรับผลงานพวกนี้
นี้น่ะใจดี?
เป้าหมายหลักของลูหลี่ ไม่ใช่แค่คำชมเชยของทอริล แต่เพื่อเพิ่มค่าชื่อเสียงของเมืองวายุต่างหาก
เนื่องจากนี้เป็นแค่เกม นักโทษที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็จะวิ่งหนีออกไปราวกับนักวิ่งโอลิมปิก ก่อนที่ทุกๆคนจะจากไป พวกเขาก็จะขอบคุณพวกเขาและหลังจากนั้นก็ออกไปจากดันเจี้ยน
"ผู้ใดกันที่ปลดปล่อยเครื่องสังเวยของพระเจ้าโบราณ จะต้องเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของอะคูมาอิ มาเถอะ เจ้าพวกแมลงแสนอ่อนแอ! จงมาประจักษ์กับพลังอำนาจของพระเจ้าโบราณเถอะ!"
นี่คืออะคูมาอิ ที่แสนจะชั่วร้าย เขามักจะใช้พลังอำนาจของเจ้านายในการข่มขู่ผู้อื่น เขามักจะพึ่งพาอาหารจากเครื่องสังเวยของสาวกกลุ่มค้อนสนธยา
ในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีอะไรเลย แต่เขาเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของพระเจ้าโบราณตัวแรกเท่านั้น ครั้งหนึ่ยเคยมีสงครามโบราณระหว่างยักษ์หินที่มีชื่อว่า ไททัน และ พระเจ้าโบราณ ไททันได้ฆ่าพระเจ้าโบราณไปโดยใช้ดาบแห่งการปกครองที่ชายฝั่งทะเลดำ เหล่าสาวกค้อนสนธยาเชื่อว่าอะคูมาอิ เป็นหนึ่งในพระเจ้าโบราณที่เหลืออยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าข้ารับใช้
ตามความรู้ของลูหลี่แล้ว อะคูมาอิเป็นข้ารับใช้ระดับสูงของพระเจ้าโบราณ ซอกราดเดอะสลิเทอร์ หลังจากที่อาคูมาอิได้รับบาดเจ็บระหว่างสงครามยักษ์หิน เขาก็ได้หนีไปและซ่อนตัวอยู่ที่ซากปรักหักพังของอาราม
จากนั้นเขาจึงได้อาศัยอยู่ในส่วนลึกของความมืดที่หยั่งลึก นั้นจึงทำให้มันได้ปกครองดันเจี้ยนแห่งนี้ ด้วยผู้ติดตามและสาวกของมันเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ศรัทธาล้วนต้องการที่จะอัญเชิญพระเจ้าโบราณกลับมาอีกครั้ง อะคูมาอิไม่ได้สนใจในเรื่องพวกนี้นักและสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแต่เครื่องสังเวยเท่านั้น
ลูหลี่และคนอื่นๆได้ปล่อยตัวเครื่องสังเวยของอะคูมาอิไป มันจึงทำให้เขารู้สึกโกรธ ประตูหินได้เปิดออกมาจากรอยต่อของห้องเบทิเอล ซึ่งนั้นเป็นทางที่นำไปหาอะคูมาอิ
"ถ้าเราตาย จากนั้น เราก็จะกลายเป็นคนกลุ่มแรกๆที่อะคูมาอิกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..." อะคูมาอิอาจจะไม่ต้องการที่จะกินเขาเลยสักนิด หลังจากที่ได้ยินอาเซอร์ซีบรีสกล่าว
ทุกคนต่างมองไปเขาด้วยความประหลาดใจ เหมือนกับเขาเป็นบ้าเป็นบอไปแล้ว
อาเซอร์ซีบรีสหัวเราะอย่างงุ่มง่าม เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครเข้าใจมุขตลกของเขา เขาจึงทำตัวไม่สนใจอะไรและโบกโล่ในมือพร้อมกับตะโกนออกมาว่า "วีรบุรษเอ๋ย อะคูมาอิจอมหลอกลวงอยู่ต่อหน้าเราแล้ว! ถ้าเราเอาชนะเขาได้ พวกเราก็จะได้ผู้หญิงและทองตามที่เราต้องการเลย!"
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้พุ่งชารจ์ใส่มันทันที ซึ่งเขาก็ถูกโจมตีใส่ที่หน้าโดยหนวดยักษ์ จนมันส่งเขาลอยกลับมา ไม่มีใครสนใจเขาจริงๆเลยว่าเขาจะเป็นยังไง
เขาเริ่มพูดไร้สาระเกี่ยวกับผู้พัฒนาเกมและคนออกแบบเกม ว่าจะประท้วงพวกเขาและเรียกร้องค่ารักษา
ซึ่งหนวดยักษ์นั้น เป็นหนวดของอะคูมาอิที่พวกเขาพบตามทาง มันได้ตายอย่างง่ายดายและกลับไปยังผนังที่มันโผล่ออกมา
ลูหลี่สั่งให้ทุกคนโจมตีใส่หนวดยักษ์ก่อน
หนวดพวกนี้เป็นวิธีการส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับอะคูมาอิ การจัดการพวกมันก่อน จะทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับบอสได้ง่ายยิ่งขึ้น
การต่อสู้ระหว่างอะคูมาอิและเบทิเอลนั้นหากเปรียบเทียบกัน หลายคนคิดว่าการต่อสู้กับ อะคูมาอิ นั้นท้าทายกว่า
ในความเป็นจริง อะคูมาอิต่อสู้ได้ง่ายมาก ตราบเท่าที่พวกเขามีคำแนะนำและรู้วิธีการต่อสู้ของบอส
ตัวอย่างเช่น แต่ละหนวดจะมี HP อยู่ที่ 10,000 จุด การฆ่าหนวดไปหนึ่งหนวดจะลดพลังป้องกันของอะคูมาอิลงไป 1% ตามเส้นทางจากดันเจี้ยนของเบทิเอลไปยังห้องของอะคูมาอิ ก็มีหนวดอย่างน้อย 15 หนวด ซึ่งนั้นหมายความว่า พวกเขาได้ลดพลังป้องกันของเขาไปถึง 15%
นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกหลายเทคนิคที่ทำให้การเอาชนะอะคูมาอิ ง่ายดายกว่าเบทิเอลมาก
"อะคูมาอิดูน่าเกลียดจัง"
นี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของนักล่าตัวน้อย เพราะโดยรวมแล้ว เธอมักจะชอบสัตว์ตัวเล็กๆที่คล้ายๆกับสุนัขและกระตายมากกว่า
"เธอสิน่าขยะแขยง ฉันพนันได้เลยว่าเธอจะต้องไม่มีแฟนอย่างแน่นอน เพราะคงไม่มีใครรักเธอเลย "พเนจรได้ยืมคำพูดที่เคยออกมาจากปากของลูหลี่ แต่เขากลับทำให้มันดูต่ำตมยิ่งขึ้น
ร่างของอะคูมาอิถูกฝังอยู่กับผืนดิน ทำให้เห็นแค่คอและศรีษะของเขาเท่านั้น ราวกับว่าเขาเป็น ปีศาจล็อคเนส [ตัวที่มักจะอยูในทะเลทราบเนลส์ในต่างประเทศ]
ลูหลี่รู้ดีว่าทำไมมันจึงซ่อนตัวอยู่ในผืนดิน เมื่ออะคูมาอิได้พ่ายแพ้ไป เขาก็จะฟื้นตัวอีกครั้งพร้อมกับหัวสองหัว เพราะเขาเป็นไฮดราสามหัว
"โอเค ฉันจะอธิบายวิธีเอาชนะบอสตัวนี้เอง ระวังตัวด้วยนะทุกคน เราจะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ภายในครั้งเดียวให้ได้ "ลูหลี่ตบมือของเขา เพื่อเรียกความสนใจของทุกคน
ทุกๆคนรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้กับบอสและมองไปที่ลูหลี่เพื่อรอฟังคำแนะนำ ด้วยการแสดงออกที่แสนจะจริงจังของเขา นั้นก็หมายความว่า เขาจะต้องมีอะไรสักอย่างบอกกับทีมของเขาอย่างแน่นอน
"ตั้งแต่เริ่มจนจบการต่อสู้ อะคูมิจะสามารถใช้ทักษะฉีกกระชากความว่างเปล่า ซึ่งนั้นทำให้มันเรียกหนวดมาได้ 4 หนวด เราไม่สามารถฆ่าหนวดพวกนี้ได้ เพราะมันจะเรียกเพิ่มขึ้นมาอีกถึง 15 ตัว "
ทุกคนรู้สึกท้อแท้มาก เพราะดูเหมือนว่าจะไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย
พวกเขาจะเอาชนะมันได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่โจมตีมัน?
"หนวดสี่หนวดสามารถสร้างความเสียหายได้ แต่ก็แค่ทำให้น่ารำคาญเล็กน้อยเพียงเท่านั้น มันมีเอฟเฟคติดสตัน 2 วินาทีและมีระยะเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที"
ถ้ามีหนวดอยู่สี่หนวด มันจะทำให้ทุกคนติดสตันเป็นเวลา 2 วินาทีทุกๆ 10 วินาที ซึ่งนั้นแทบจะทำให้พวกเขาติดสตันตลอดช่วงการต่อสู้
"อาเซอร์ซีบรีส นายต้องเป็นคนที่รับผิดชอบในเรื่องดึงความสนใจจากบอส เมื่อมันเปิดปากของมันขึ้นมา นายต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทักษะน้ำลายพิษของมันจะสร้างความเสียหายน้อยลงเมื่อมีระยะห่างออกไป "
อาเซอร์ซีบรีสพยักหน้าอย่างมั่นใจ
"พเนจร ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของการต่อสู้ขึ้นอยู่กับนายแล้ว" ลูหลี่กล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียดในขณะที่จ้องมองเข้าไปในสายตาของพเนจร
"ฉันเหรอ?!"พเนจรรู้สึกประหลาดใจที่ว่าจะต้องเขาเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้
เขาไม่เคยสงสัยในตัวเองเลยสักนิด เพราะในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นคนที่หลงในตัวเองมากที่สุดในทีม อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเลย ว่าวันนี้จะมาถึง ในจุดที่เขาจะเป็นปัจจัยชี้ขาดของการต่อสู้มากกว่า อาเซอร์ซีบรีสและมาสเรน
เพราะเขาเป็นแค่ตัวแท๊งค์รอง
กล่าวได้ว่า เขาเป็นแค่เพียงตัวประกอบ ซึ่งเป็นตัวแทนของอาเซอร์ซีบรีส เมื่อถึงเวลาจำเป็น
"ใช่แล้ว งานของนายคือต้องทำให้หนวดพวกนั้นสตันนายตลอดการต่อสู้"ลูหลี่กล่าวอธิบาย" คูลดาวน์ของทักษะพวกมันประมาณ 10 วินาทีและระยะเวลาของการสตันก็มีประมาณ 2 วินาที ซึ่งหมายความว่านายมีเวลาเพียง 2 วินาที ในการดึงความสนใจของมันอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ... "
"อะไรอีกงั้นเหรอ? แค่พูดมันออกมาเถอะ "พเเนจรเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแล้ว
เขารู้ว่าภารกิจครั้งนี้หนักหนาแค่ไหนและเขาก็ต้องออกไปพิสูจน์ตัวเอง
"นายทำได้เพียงแต่กำหนดทิศทางของหนวดพวกนั้น แต่นายจะไม่สามารถขยับได้ เพราะหนวดพวกนั้นมันอยู่กับที่"
"บ้าอะไรนะ?!"พเนจรสบถออกมา
"นายค่อยสบถออกมาภายหลังก็ได้ ฉันยังพูดไม่จบเลย" ลูหลี่ยังคงสงบอยู่ "ทักษะสตันของมันเป็นเส้นตรง ดังนั้นแล้ว นายต้องทำให้แน่ใจว่า เพื่อนร่วมทีมไม่ได้อยู่ในระยะของทักษะของมัน"
"ฉันทำไม่ได้" พเนจรกล่าวออกมาตามตรง