ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 58 ยอมแลกทุกสิ่งเพื่อบรรลุเป้าหมาย (ฟรี)
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 58 ยอมแลกทุกสิ่งเพื่อบรรลุเป้าหมาย
คงหนิงไม่เชื่อความสามารถในการมองผู้คนของตนเองอีกต่อไป
ผู้คนบนโลกนี้ช่างเลวร้ายนัก เขาต้องการพลาดเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และจะไม่มีครั้งที่สองอีก
แม้ว่าหว่านเอ๋อจะดูไร้เดียงสาและน่ารักในตอนนี้ ไม่ได้ดูเหมือนมีบางสิ่งแอบแฝง แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะเสี่ยง
ถ้าแม้แต่ซูหยานยังสามารถหลอกลวงเขาได้ คนอื่นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
เมื่อมองไปที่หญิงสาวผู้ซื่อตรงเบื้องหน้า คงหนิงไม่เคยพูดความลับของเขาออกมา แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยรอยยิ้ม
“ช่วงนี้ข้าได้คลี่คลายความสัมพันธ์กับปีศาจภายในบ้านลงเล็กน้อย จึงได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับปีศาจภายในเมืองมาบ้าง”
“จำนวนปีศาจภายในเมืองนี้น่าจะมีเกือบๆ สิบตน”
“มีปีศาจทรงพลังที่นางไม่เคยพบมาก่อน เป็นผู้นำของปีศาจภายในเมือง”
“ปีศาจแมงป่องคาดเดาว่าปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะมีพลังตบะมากกว่าสามร้อยปี แต่ไม่น่าจะเกินสามร้อยห้าสิบปี”
“ยิ่งไปกว่านั้น ปีศาจตัวที่เหลือล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป”
“ตัวที่อ่อนแอที่สุดก็มีพลังตบะมากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว”
“ในบรรดาปีศาจที่ทรงพลัง มีตัวที่มีพลังตบะมากกว่าสองร้อยปี ทั้งยังมีตัวที่มีพลังตบะเกือบๆ สามร้อยปีอยู่ด้วย”
คงหนิงแบ่งปันข้อมูลที่เขาสืบหามาจากซูหยานอย่างหนักให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าฟัง
และบอกกับหญิงสาวว่าปีศาจภายในเมืองดูเหมือนกำลังวางแผนครั้งใหญ่ร่วมกัน
เขานั้นวางแผนที่จะกำจัดผีร้ายรวมถึงปีศาจทั้งหมดที่นี่ ไม่ใช่มุ่งหมายเพียงแค่เอาชีวิตรอด
คำพูดโอ่อ่าและตรงไปตรงมาของคงหนิงทำให้ดวงตาของหญิงสาวค่อยๆ เบิกกว้าง
“......ดังนั้นสถานการณ์ภายในเมืองจึงซับซ้อนมาก มีปีศาจอย่างน้อยสองตนที่มีความแข็งแกร่งในขอบเขตกลั่นนภา”
คงหนิงกล่าวต่อไปว่า “แม้แม่นางหว่านเอ๋อจะสามารถทะลวงระดับไปถึงขอบเขตกลั่นนภาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ โดนอาศัยโอสถฟ้าดินยิ่งใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความได้เปรียบเหนือปีศาจเหล่านั้น แปลว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“ไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีวิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในโลกวิญญาณอีก”
“วิญญาณร้ายตนนั้นสามารถบรรลุข้อตกลงกับปีศาจภายในเมืองได้ และสามารถดูดซับปราณหยางของผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองได้อย่างโฉ่งฉ่าง ความแข็งแกร่งจะต้องไม่เล็กน้อยอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าขอบเขตกลั่นนภา ไม่เช่นนั้นจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเจรจากับปีศาจภายในเมือง”
“มันกำลังจับตามองดูอยู่ในโลกวิญญาณ เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงกับปีศาจภายในเมือง วิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองจะไม่ยอดพลาดโอกาสดังกล่าวอย่างแน่นอน”
“และเมื่อวิญญาณเทพเจ้าประจำเมืองเดินทางมาสู่โลกมนุษย์ สถานการณ์ภายในเขตชานหลานที่ซับซ้อนอยู่แล้วก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก”
“ดังนั้น การพึ่งพาแม่นางหว่านเอ๋อเพียงคนเดียวนั้นไม่เพียงพอ พวกเราต้องคอยดูแลช่วยเหลือกัน”
“มันจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาพลังพิเศษของข้าที่สามารถยกระดับได้อย่างต่อเนื่อง ตามหาปีศาจเหล่านั้นเพื่อฆ่ามันเสียและพยายามทะลวงไปสู่ระดับที่สูงขึ้น”
“ถ้าเราสองคนสามารถไปถึงขอบเขตกลั่นนภา แล้วร่วมมือกันสร้างสถานการณ์ บางทีพวกเราอาจจะเปลี่ยนสถานการณ์ที่แสนวุ่นวายนี่แล้วกวาดล้างสิ่งชั่วร้ายออกไปจนหมด”
คงหนิงวิเคราะห์สถานการณ์ในเมืองอย่างรอบคอบ แนะให้หญิงสาวเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่นางคิด
“ดังนั้นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่ต้องรอให้แม่นางหว่านเอ๋อฝ่าฟันไปเพียงลำพัง แต่เป็นการที่เราจะต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน”
“ในขณะที่เราแอบลอบสังหารปีศาจภายในเมือง เราจะแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไปโดยที่ปีศาจเหล่านั้นไม่ทันสังเกตเห็น นั่นจึงจะพอมีความหวัง”
“และด้วยการดำรงอยู่ของซูหยาน แม้ว่าปีศาจภายในเมืองจู่ๆ จะตกตายไปอย่างกะทันหัน ตราบใดที่เราจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยสะอาดเอี่ยม ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรให้เหล่าปีศาจสงสัย ปีศาจตนอื่นๆ ก็จะคิดว่ามันเป็นฝีมือของซูหยาน และไม่ได้สังเกตว่ามีผู้ฝึกตนคอยสังหารปีศาจอยู่ในเมืองด้วย”
“ปีศาจแมงป่องซูหยานจะกลายเป็นแพะรับบาปในที่แจ้ง ได้รับความเกลียดชังจากปีศาจไปมากที่สุด นางจะช่วยพวกเราแบ่งเบาความผิดไปได้”
“พวกเราจะใช้นางดึงดูดความสนใจของปีศาจภายในเมือง แอบบุกทะลวงขอบเขตให้แข็งแกร่งขึ้น และจนกว่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะพลิกกลับสถานการณ์วุ่นวายต่างๆ นี้ได้ จึงค่อยออกมาที่ฉากหน้า”
“ด้วยวิธีนี้ พวกเราจึงจะมีหวังในการกำจัดสิ่งชั่วร้ายภายในเขตชานหลานและฟื้นฟูโลกที่สดใสให้กับที่นี่......หว่านเอ๋อ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”
คงหนิงวิเคราะห์หลายสิ่งอย่างมีเหตุผลและรอบคอบ ทำให้หญิงสาวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ในท้ายที่สุด ยังเอ่ยถามความเห็นของหญิงสาวด้วยความสุภาพ
ภายใต้แสงแดดยามเที่ยง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ
“อ่า?”
นางอยากจะยกมือขึ้นเกาหัวอย่างไม่รู้ตัว แต่เมื่อนางยกมือขึ้น ก็พบว่าพฤติกรรมนี้ไม่เหมาะสมกับตนเองที่มีฐานะเป็นผู้ฝึกตน นางไม่ใช่เด็กสาวอมมืออีกต่อไป
หญิงสาวจึงรีบเอามือลงแล้วพูดว่า “ข้าว่าสิ่งที่หัวหน้ามือปราบหนิงพูดมานั้นสมเหตุสมผลมาก ข้าจะทำตามคำแนะนำของเจ้า”
หญิงสาวกล่าวว่า “ถึงข้าจะไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ข้ารู้ว่าการตามคนฉลาดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
“อือ คืนนี้เราไปฆ่าปีศาจในคฤหาสน์ตระกูลสวีกันเถอะ หว่านเอ๋อจะรอหัวหน้ามือปราบหนิงอยู่ที่นี่”
หญิงสาวแสดงอาการอ่อนน้อมถ่อมตนมาก ไม่ได้มีเจตนาจะโต้แย้งแต่อย่างใด
คงหนิงมองนางด้วยความประหลาดใจ และยืนยันได้อีกครั้งหนึ่งว่าหญิงนางนี้ไม่ฉลาดจริงๆ ด้วย.......
คนแบบนี้กลายเป็นผู้สืบทอดคนสุดท้ายของนิกายกระบี่สวรรค์ลี้ลับ?
ทำไมจู่ๆ เขาถึงรู้สึกว่านิกายกระบี่สวรรค์ลี้ลับคงไม่มีหวังที่จะหวนกลับคืนมาเสียแล้ว......
หลังจากกระแอมไอ คงหนิงก็พูดขึ้นว่า “ดี งั้นพวกเราแยกย้ายกันก่อน ข้าจะกลับไปที่ศาลาว่าการ ไว้เจอกันคืนนี้”
คงหนิงไม่กล้ารอช้า เขาตัดสินใจร่ำลาทันทีที่คุยแผนการกันเสร็จสิ้น แล้วกลับไปศาลาว่าการเพื่อแสดงบทบาทของตนต่อไป
แต่เมื่อเขากำลังจะจากไป เด็กสาวก็ถามด้วยความสงสัย
“ว่าแต่ หัวหน้ามือปราบหนิง ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงรู้เรื่องราวมากมายขนาดนี้” ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสงสัย “ปีศาจในบ้านของเจ้าน่ากลัวมาก แต่มันกลับบอกเจ้าทุกอย่างเลยหรือ? ตอนนี้นางกลายเป็นปีศาจที่พูดคุยได้ด้วยดีไปเสียแล้ว?”
ความสงสัยของหญิงสาว ทำให้คงหนิงเข่าแทบทรุด
ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า แก่ชราขึ้นในทันที
ภายใต้แสงแดดส่องสว่างจากดวงอาทิตย์ เขาถอนหายใจออกยาวๆ แล้วพูดอย่างขมขื่น
“พูดคุยด้วยดีงั้นหรือ? เพื่อแลกกับข้อมูลเหล่านี้.......”
หลังจากที่พูดออกไป ไม่ว่าหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม คงหนิงก็ออกจากบ้านร้างตระกูลเถียนไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ขี่ม้ากลับศาลาว่าการเพียงลำพัง
แม้ว่าจะมีความสุขที่ได้พบหว่านเอ๋อ แต่การไปสังหารปีศาจในค่ำคืนนี้ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
ทว่าเมื่อคิดว่าหลังจากเลิกงานกลับบ้าน ก็ต้องไปเจอกับปีศาจภายในบ้าน......
ฮึ่ย!
ขณะที่หว่านเอ๋อจ้องมองมาด้วยความงุนงง คงหนิงก็ออกจากบ้านร้างตระกูลเถียนไปแล้ว
ในไม่ช้า เขาก็ขี่ม้ากลับมาที่ศาลาว่าการและรับประทานอาหารกลางวัน
เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีความคาดหวังว่าจะต้องไปทำอะไรสักอย่างอยู่ภายในใจ ก็ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปไวมากขึ้น
เมื่อคงหนิงกลับบ้านมาในตอนเย็น ปีศาจสาวก็มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ
“หือ? สามี วันนี้ท่านอารมณ์ดีหรือ?”
นางปีศาจที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวยื่นคอชะโงกหน้าออกมาดู แม้ว่านางจะยังทำอาหารอยู่หน้าเตา แต่ใบหน้าอันงดงามของนางเหลียวมามองคงหนิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา
นางยิ้มแล้วถามว่า “มีเรื่องน่ายินดีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?”
คงหนิงมองคอที่ยื่นออกมาจากห้องครัวด้านหน้า ใบหน้าของเขาก็พลันกระตุกเล็กน้อย
ดูภาพนี้กี่ครั้งก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเสียทุกครั้งเลย
เลวร้ายจริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงงานใหญ่ที่ต้องทำคืนนี้ คงหนิงก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ทอดมาแค่สองจานก็พอ เย็นนี้ไม่ต้องทำมาเยอะจนเกินไป”
คงหนิงถือยาสมุนไพรในมือแล้วกล่าวว่า “ข้าได้ขอยามาจากเหล่าจาง เขาบอกว่าถ้ากินเข้าไปจะผงาดดั่งมังกร ดุดันดั่งเสือ”
“งั้นคืนนี้......พวกเรามาพักผ่อนกันให้เร็วขึ้นเถอะ”
ต่อหน้าสาวงามที่กำลังประหลาดใจ คงหนิงก็นำยาไปต้มที่ลานหลังบ้าน
เพื่อให้นางปีศาจตนนี้รีบๆ ออกไปในค่ำคืนนี้ คงหนิงยอมเสียสละตนเองอย่างเต็มที่