การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 51 สงครามการฟ้องร้อง 2
ตอนที่ 51 สงครามการฟ้องร้อง 2
“เจ้ากำลังจะทำอะไรอีก!?”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ กล่าวถามน้ำเสียงแข็ง น้ำเสียงที่กล่าวออกมาฟังแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านกำลังไม่พอใจเท่าไหร่นัก แต่ หัวหน้ากรมบริหาร ก็สมแล้วที่ได้รับตำแหน่งหัวหน้ากรมมาแบบนี้ ถ้าพูดกลับคำแบบธรรมดาอย่าง หัวหน้ากรมทหาร เมื่อครู่ มันคงรู้ตัวว่าจะทำให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ โกรธขนาดไหน
…เหลี่ยมเยอะจริงๆ ไปโดนยัยร่านชักจูงอีท่าไหนกันนะ เหอๆ
“ข้าคงไม่สามารถยืนพูดได้กับการกระทำของข้าครับ พระองค์โปรดเข้าใจด้วย!!”
“ข้าถึงได้ถามไงว่าเจ้ากำลังจะทำอะไร คุกเข่าเพื่ออะไร?”
“เกี่ยวกับเรื่องที่กรมบริหารฟ้องร้องท่าน แกรนด์ดยุก ครับ ข้าคิดว่าจำนวนเงินไม่จำเป็นอีกแล้วเพราะตามกฎหมาย หากขุนนางทำธุรกิจได้ทั้ง 4 กรม จะไม่สามารถเข้าไปยุ่งย้ามกับเงินพวกนั้น เพราะงั้นกำไรจากการขายน้ำตาลกรมบริหารก็ไม่ต้องการมันแล้วครับ”
“แล้ว!”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทำให้ครั้งนี้ หัวหน้ากรมบริหาร ไม่ได้เพียงคุกเข่าเท่านั้นแต่ยังก้มหัวลงแนบพื้นด้วย ทว่า ครั้งนี้ไม่ได้ทำไปทางองค์ จักรพรรดิสวรรค์ แต่มันกำลังหันมาทางผมอยู่ต่างหาก
“ข้าในฐานะตัวแทนกรมบริหารขอโทษ ท่านแกรนด์ดยุกจริงๆ”
เหอ! นี่มันกำลังคิดว่าตัวเองแพ้แล้วเลยเปิดการ์ดขอความเมตตาหรือไง หัวหน้ากรมทหาร ยังพอว่า แต่เจ้านี่มันไม่ไหวเลยจริงๆ ถ้าจักรวรรดิมีหัวหน้ากรมบริหารแบบนี้ต่อไปคงได้มีผลกระทบกับแผนของผมในอนาคตแน่ๆ เพื่อความอยู่รอดเลยยอมทำทุกอย่าง …คนแบบนี้ผมเกลียดที่สุด!!!
ผมไม่ได้ตอบรับอะไรกับการขอโทษแบบสุดตัวของมัน จากนั้นจึงหันหน้าไปที่ตัวแทนพระองค์อีกครั้ง พร้อมกับพูดออกไปว่า
“ท่านควรอ่านข้อกล่าวหาต่อ ข้าไม่ยอมรับการขอโทษเมื่อเริ่มการตัดสิน”
ตัวแทนพระองค์ หันไปทางองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ทันทีด้วยสีหน้าหนักใจ ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมควรพูดอะไรด้วยซ้ำ การที่มันก้มหัวขอโทษแบบนี้ก็แปลว่าต้องการถอนฟ้องนั่นแหละ แต่ผมไม่ยอมเด็ดขาด โอกาสในการจัดการพวกมันมาแล้วถ้าผมยอมเหล่าตระกูลที่เหลือคงขอยอมถอนฟ้องกันแน่ ถ้ายอมหนึ่ง ก็จะมีสอง สาม สี่ ห้า ตามกันมาเรื่อยๆ
ส่วนเหตุผลที่ตัวแทนพระองค์ทำหน้าหนักใจแบบนั้นก็เพราะอยากให้ผมยอมรับสะ ความบาดหมางระหว่างคนมีตำแหน่งภายในประเทศไม่สมควรเกิดขึ้น ยิ่ง หัวหน้ากรมบริการ คุกเข่าก้มหัวขอโทษแบบนี้มันไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก! ถ้าเอาเรื่องนี้ไปให้คนที่ไม่เห็นเหตุการณ์ได้ฟังคงไม่มีใครเชื่อแน่นอน
กรมบริหาร ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกยิ่งทระนงในตัวเอง พวกมันควบคุมเงินแทบทั้งหมดของจักรวรรดิแทนองค์ จักรพรรดิสวรรค์ เพราะงั้นเลยโดนตระกูลต่างๆ นับหน้าถือตาเวลาออกไปไหนตลอดเวลา ทว่า สำหรับผมแล้วมันไม่ได้มีความหมายอะไรขนาดนั้น หัวหน้ากรมบริหาร , หัวหน้ากรมทหาร , หัวหน้ากรมครัวเรือน , หัวหน้ากรมยุติธรรม , หัวหน้ากรมพิธีการ คนเหล่านี่ก็เป็นแค่เพียงคนงานที่ทำงานเพื่อประเทศเท่านั้น ถึงพวกนี้จะเป็นขุนนางยศสูงอย่าง ดยุคหรือมาร์ควิส แต่ก็ยังต่ำกว่าผมอยู่ดี ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น
“รออะไร!! รีบอ่านตอนตามที่แกรนด์ดยุกต้องการสะ”
“…ครับ”
หลังได้รับสั่งจากองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ตัวแทนพระองค์ก็เริ่มก้มหน้าลงอ่านอีกครั้งทันที
“ข้อฟ้องร้องสุดท้าย ตระกูล 88 ตระกูล ฟ้องร้องตระกูล วอเตอร์ ในข้อหาผูกขาดสินค้าเอาไว้ขายเองจนทำให้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหา จึงร้องขอให้แกรนด์ดยุคแห่งตระกูล วอเตอร์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการชดใช้ความเสียหายที่พวกตนได้รับทั้งหมด โดยรวมจำนวนเงินทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญทอง”
หายไปหลายตระกูลอยู่เหมือนกันสินะ ตอนแรกได้ยินว่ามีเป็นร้อยตระกูล แต่ตอนนี้เหลือเพียง 88 ตระกูลเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่ตระกูลพวกนั้นถอนตัวออกไป ไม่เช่นนั้นพวกมันคงได้เสียใจเหมือนกับอีก 88 ตระกูลที่เหลืออยู่เป็นแน่ หึหึ!
“ช้าก่อนตัวแทนพระองค์ ข้ามีเรื่องร้องเรียนเพิ่มเติม!!”
“ท่านดยุก มอแกน เชิญท่านบอกออกมาได้เลย”
ดยุก มอแกน ยิ้มมุมปากมาทางผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางองค์ จักรพรรดิสวรรค์ อีกครั้ง
“เมื่อครู่เกิดการฆ่ากันจำนวนมากหน้าคฤหาสน์ของแกรนด์ดยุก อัศวินจำนวนนับร้อยต้องจบชีวิตลงไป เหล่าขุนนางรวมถึงลูกชายของข้าต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พระองค์โปรดมอบความยุติธรรมให้กับพวกเราด้วยครับ”
สาหัส! เหอๆ เท่าที่จำได้หลังจากเกิดการโจมตีลูกของมัน เรมอน มอแกน รีบหนีออกจากการต่อสู้คนแรกเลยแท้ๆ ยังหน้าด้านมาพูดอีกนะ อีกอย่าง ก่อนออกมาผมก็ถามไคเซอร์แล้วว่ามีขุนนางบาดเจ็บไหม คำตอบที่ได้คือ ‘พวกมันหนีทันทีหลังการต่อสู้เริ่มขึ้น’ อับอาย! ขายขี้หน้า! ถ้าเป็นแบบนี้พอเกิดสงครามจริงๆ ประเทศคงได้ล่มสลายแน่ๆ ถ้าเอาพวกขยะนั่นไปนำทัพต่อสู้
“ใครมีข้อฟ้องร้องอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีข้าจะให้แกรนด์ดยุก วอเตอร์ อธิบายแก้ต่างตัวเอง”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ พูดออกมาโดยกวาดสายตามองรอบๆ
ไร้ซึ่งการตอบรับ!
บรรยากาศภายในห้อเงียบสนิทจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ การจะพูดอะไรออกไปตอนนี้บอกตามตรงต่อให้เป็นผมก็ลังเลเหมือนกัน ตัวแทน 3 แกรนด์ดยุก ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แสดงว่าตระกูลของพวกนั้นพยามทำตัวเป็นกลางกันอยู่ ก็แน่นอน ถ้าเกิดใครพูดอะไรออกมาตอนนี้จะถือว่าการตัดสินใจของตระกูลทันที ดีไม่ดีอาจจะทำให้ตระกูลล่มสลายเลยด้วยซ้ำ
การนิ่งเงียบในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเป็นการเดินเกมที่ดีที่สุด หึหึ! ถ้าเรื่องครั้งนี้ 3 ตระกูล แกรนด์ดยุกแห่งจักรวรรดิไม่สอดมือเข้ามายุ่ง ชัยชนะก็เป็นของผมไปแล้วกว่า 99%
ผ่านไปได้ไม่นานนัก เสียงขององค์ จักรพรรดิสวรรค์ ก็พูดขึ้นอีก
“เช่นนั้นแปลว่าหมดการฟ้องร้องกันแล้ว ต่อไปจะเป็นการแก้ต่างของแกรนด์ดยุก วอเตอร์ …นับต่อจากนี้ถ้าข้าไม่บอกให้พูดก็อย่าได้มีใครเอ่ยขึ้นมาอย่างเด็ดขาด!!”
พูดจบองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ก็หันมาทางผม
“เจ้าต้องการแก้ต่างฝ่ายไหนก่อน กรมทหาร! กรมบริหาร! เหล่าขุนนาง! ?”
“ข้าต้องการแก้ต่างเรื่องการกว้านซื้อน้ำตาล และขายน้ำตาลเกินราคาจากการฟ้องร้องของกรมบริหารก่อนครับ”
“เช่นนั้นก็ได้ …หัวหน้ากรมบริการก้าวออกมาด้านหน้า”
หลังจากองค์ จักรพรรดิสวรรค์ สั่งการ หัวหน้ากรมบริการ ก็ก้าวออกมาด้านหน้าทันทีแทนตำแหน่งของดยุก มอแกน ที่ยืนอยู่เมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้ด้านหน้าขององค์ จักรพรรดิสวรรค์ พวกเราทั้งสองเด่นขึ้นมาในทันที
การเลือกมันออกมาเชือด… ไม่สิ! ออกมาจัดการก่อนแบบนี้ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ หรือความแค้นส่วนตัวแต่อย่างใด แต่เพราะหัวหน้ากรมทหารและดยุก มอแกน มันทำงานร่วมกันในหลายๆ เรื่อง การจะจัดการก็ต้องจัดการกรมบริหารก่อนมันจะง่ายกว่า
อีกอย่าง หัวหน้ากรมบริหาร ตอนนี้มันไม่มีใจจะสู้กับผมแล้วการบดขยี้มันคนแรกคงง่ายกว่าเยอะ อารมณ์ของมันตอนนี้ก็คงประมาณทหารโดนสั่งถอยทัพ เพราะงั้นช่วงเวลานี่แหละที่เหมาะในการกวาดล้าง หึหึ!
“กรมบริการฟ้องร้องเรื่องการกว้านซื้อน้ำตาลและขายน้ำตาลเกินราคา ข้าเข้าใจถูกไหม?”
“ชะ ใช่ครับ! แต่-”
“ข้าไม่ได้ถามอย่าอื่น!!!”
องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ตะคอกเสียงดังพร้อมกำลมปราณมหาศาลถูกปล่อยออกมา ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่แล้วมาก ขนาดตัวผมยังแทบยืนไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ ถ้าขั้นการบ่มเพาะต่ำกว่านี้สักขั้นคงล้มลงไปแล้ว …นี่คงเป็นเวรกรรมสินะเพราะชาติก่อนเวลาเราไม่พอใจอะไรก็จะใช้พลังขู่แบบนี้บ่อยๆ เหอๆ สงสารคนเหล่านั้นขึ้นมาแล้วสิ
ผ่านไปได้ไม่นาน ลมปราณจำนวนมากก็หายไป ใบหน้าของหัวหน้ากรมบริหารเวลานี้ซีดเหมือนกับไก่พึ่งโดนต้มมาไม่มีผิด แต่ช่วยไม่ได้ เมื่อกี้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ก็เตือนไปแล้วถ้าไม่อนุญาตห้ามให้พูดเด็ดขาด การตอบเกินคำถามก็ห้ามเช่นกัน
“ข้าว่าข้าเตือนไปแล้วไม่ใช่หรือไง!!”
“ขออภัยครับ!! ข้าตกใจไปหน่อย!!”
“หึ! อย่าตกใจให้มันมากนัก เพราะข้าไม่ได้มีความอดทนให้กับคนประเภทเจ้ามาเช่นกัน”
“ขะ ขอบคุณที่เตือนครับ”
หลังจากองค์ จักรพรรดิสวรรค์ กดดัน หัวหน้ากรมบริหาร จนพอใจเขาก็หันมาทางผมต่อทันที
“สรุปคือครั้งนี้กรมบริการฟ้องร้องเจ้าสองเรื่อง หนึ่งเรื่องกว้านซื้อ! สองเรื่องขายเกินราคา! เจ้าจงแก้ต่างเรื่องของการกว้านซื้อออกมาก่อนว่าเจ้าทำแบบนั้นทำไม?”