การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 50 สงครามการฟ้องร้อง
ตอนที่ 50 สงครามการฟ้องร้อง
“หึหึ! ก็เห็นเจ้าเตรียมตัวมาแบบนี้ข้าก็เสียดายเวลาที่ข้าและองค์จักรพรรดิเป็นห่วงเจ้านะสิ ตั้งแต่ที่พวกเราได้รับการฟ้องก็เตรียมเรื่องผลงาน กำแพงภาษี! และ ภาษีฟุ่มเฟือย! ที่เจ้าเสนอทำประโยชน์ให้กับประเทศเป็นข้ออ้างในการลดโทษให้แล้ว แต่จากที่ฟังเรื่องราวของเจ้ากับองค์หญิง เนร่า ข้าคิดว่าเรื่องนั้นคงไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว เจ้าคงไม่ต้องการแค่พ้นผิด…”
“ออ! ต้องขอบคุณท่านมากที่เตรียมเรื่องนั้นเอาไว้ให้ แต่ข้าขอรับไว้เพียงความหวังดีเท่านั้น ถ้าใช้เรื่องพวกนั้นก็เท่ากับว่าข้ายอมรับว่าข้าเป็นคนผิด เช่นนั้นก็ไม่อาจโต้ตอบกลับคืนไปได้”
หลังจากการเสนอเรื่องในวันนั้นก็ดูเหมือนว่า ภาษีฟุ่มเฟือยและกำแพงภาษีจะถูกเอาไปใช้งานทันที การตอบรับแบบนี้แปลว่ามันคงมีประโยชน์อย่างมากในการบริหารประเทศแน่ๆ ส่วนเรื่องที่ผมพูดออกไปก็เป็นความจริง ถ้าเอาเรื่องพวกนั้นมาใช้เพื่อลดโทษ มันก็เท่ากับว่าผมเป็นคนผิดและไม่สามารถเอาคืนพวกที่ยืนฟ้องผมได้ …ใครจะไปยอมให้มันเป็นแบบนั้นกันละ โอกาสดีแบบนี้ผมไม่ยอมทิ้งมันหรอก!!
“เฮ้อ~ ยังไงก็ช่วยอ่อนข้อให้หกรมทหารและกรมบริหารหน่อยแล้วกัน ถ้าเกิดมีปัญหาในขั้วอำนาจพวกนั้นอาจทำให้จักรวรรดิสั่นคลอนได้ อีกอย่าง สองกรมนั้นก็แค่โดนหลอกใช้ให้เข้ามามีส่วนร่วมเท่านั้น”
“ครับ”
…….
ณ ห้องโถงพระราชวัง
เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบกับภาพที่ชินชาที่เคยเห็นบ่อยๆ ทหารองครักษ์ตามผนังกำแพง เหล่าขุนนางจำนวนมากที่กำลังจับกลุ่มเป็นกลุ่มเดียวกัน ด้านหน้ากลุ่มก้อนเหล่านั้นก็คือ ดยุก มอแกน!!! มันแสดงออกมาชัดเจนว่าตัวเองเป็นตัวตั้งตัวตีในการฟ้องครั้งนี้ ให้เดาในหัวของมันคงคิดว่ายังมีโอกาสขึ้นเป็นตระกูล แกรนด์ดยุก แห่งจักรวรรดิอยู่แน่ๆ ถึงได้วางตัวเป็นศัตรูกับผมขนาดนั้น จะขยี้ให้เละเลยวันนี้ เหอ!
กลับกัน ขุนนางด้านหลังของมันส่วนมากมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ถึงตระกูล มอแกน จะยิ่งใหญ่ในเรื่องการทหารและด้านธุรกิจ แต่ว่า ตระกูลเหล่านั้นไม่ใช่ ผมสามารถทำลายตระกูลของพวกมันได้ตลอดเวลาถ้าผมต้องการให้จะทำ และเรื่องที่หน้าประตูเมืองและหน้าคฤหาสน์คงทำให้พวกนั้นเข้าใจอะไรมากขึ้นกันแล้ว
…แผนเชือดไก่ให้ลิงดูถือว่าประสบผลสำเร็จ!!
แต่ว่า เรื่องพวกนี้ปล่อยไปก่อน ที่ผมสนใจตอนนี้คือที่นั่งด้านข้างองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ตรงนั้นเป็นตำแหน่งของสี่แกรนด์ดยุก เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้น และที่ตรงนั้นก็มีคนสามกำลังนั่งอยู่ แต่พวกนั้นไม่ใช่ผู้นำของตระกูล แกรนด์ดยุก พวกนั้นคงเป็นตัวแทนที่เดินทางมาฟังการตัดสินครั้งนี้ สถานะของพวกนั้นน่าจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไป หรือไม่ก็อะไรทำนองนั้น ถึงตัวผู้นำตระกูลไม่มาก็ไม่เป็นอะไร เพราะยังไงสะผมก็สามารถแสดงอำนาจให้พวกนี้ได้เห็น ซึ่งในอนาคตพวกนี้อาจจะได้กลายเป็นผู้นำตระกูล แกรนด์ดยุก ทั้งสามก็ได้ การกดดันพวกนี้มันง่ายกว่าพวกผู้นำตระกูลเป็นไหนๆ หึหึ! พวกเจ้าพลาดแล้วที่ส่งลูกไก่ออกมาเช่นนี้
ที่นั่งอยู่ชาย 2 คน หญิง 1 คน
คนที่ 1 เป็นผู้ชายตัวใหญ่ อายุประมาณ 30 ปี ท่าทางเหมือนกับทหารผ่านศึกมาเป็นจำนวนมาก ระดับพลัง จักรพรรดิ ขั้นที่ 5 – 8 เพราะยังไม่ได้ใช้พลังออกมาผมเลยตรวจแน่ชัดไม่ได้ แต่เป็นคนที่พลังบ่มเพาะอยู่ในระดับจักรพรรดิแน่นอน นั่งอยู่ตรงที่นั่งตระกูล เจสเปอร์
คนที่ 2 เป็นผู้ชายตัวใหญ่อีกคน อายุประมาณยี่สิบปลายๆ แต่ไม่สวมเกราะ ร่างกายถูกประดับไปด้วยเนื้อผ้าดูดี ให้ความรู้สึกเหมือนพ่อค้าที่มากประสบการณ์ แต่ด้วยร่างกายขนาดใหญ่แบบอัศวินเลยดูไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่นัก ระดับพลังบ่มเพาะ จักรพรรดิ ระดับ 3 – 5 นั่งอยู่ตรงที่นั่งตระกูล ลาเชีย
คนที่ 3 เป็นผู้หญิงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสวยงาม ผู้สีทองทำให้เธอดูเหมาะกับเสื้อผ้าสีทองของเธอมาก ความสวยงามก็คงต้องบอกว่าไม่ได้เป็นรองยัยร่านเลยแม้แต่น้อย อายุตอนนี้ของเธอน่าจะประมาณ 24 ปี และเธอคนนี้ก็เป็นคนที่ผมรู้จักเพราะเธอเคยอยู่ใต้การควบคุมผมในชาติก่อน ในช่วยยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์มาถึง อิเลน่า กริฟฟอน ระดับพลังบ่มเพาะ ราชาแท้จริง ขั้นที่ 5 – 6 นั่งอยู่ตรงที่นั่งตระกูล กริฟฟอน
อิเลน่า กริฟฟอน !
ในอนาคตถึงเธอจะเป็นผู้หญิงแต่ก็สามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูล กริฟฟอน เอาไว้ได้ ไม่เพียงแค่เท่านั้น ระดับพลังของเธอในช่วง ยุคหายนะแห่งมวลมนุษย์ ยังไปถึงระดับ พระเจ้า ขั้นที่ 4 น้อยกว่าผมเพียง 1 ระดับเท่านั้น แต่ว่า ในสงครามที่ชายแดนราชอาณาจักร เธอก็ตายเพราะโดนแม่ทัพเผ่าปีศาจสังหาร ทันทีที่รู้ว่าเธอตายทั้งกองทัพจักรวรรดิต่างร่ำไห้กับการจากไปของเธอ ผมเองก็เสียใจที่เสียคนมีความสามารถแบบเธอไปเช่นกัน
ระดับ ราชาแท้จริง!! กว่าจะกลายเป็น อิเลน่า กริฟฟอน ที่ผมรู้จักคงอีกนาน ในเวลานั้นเธอสวมเกราะแบบผู้ชายแถมตัดผมสั้นอีก เห็นเธอในสภาพนี้ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ แต่!! ถ้าเกิดผมช่วยให้เธอระดับพลังเพิ่มขึ้นตอนนี้ เมื่อสงครามมาถึงฝ่ายมนุษย์ก็จะได้เปรียบขึ้นไม่มากก็น้อย หึหึ! สงสัยคงต้องไปเจรจากับผู้นำตระกูล กริฟฟอน สักหน่อยแล้ว
เข้าห้องมาได้ไม่นาน ชายสวมผ้าคลุมสีทองก็เดินออกมายังที่ด้านหน้าที่นั่งบัลลังก์องค์ จักรพรรดิสวรรค์
ตัวแทนพระองค์!
คนที่เดินออกมามีชื่อว่าแบบนั้น เนื้องจากการพูดในเรื่องต่างๆ มันมากเกินไป พวกนี้เลยมีหน้าที่การพูดแทนองค์ จักรพรรดิสวรรค์ คนเหล่านี้ทำหน้าที่คล้ายขันทีนั่นแหละ แต่อำนาจไม่ได้มีมากมายอะไรขนาดนั้นเพราะนี้ไม่ใช่ระบบแบบประเทศจีน อำนาจส่วนมากจะกระจายตัวอยู่กับขุนนางแต่ละอาณาเขตมากกว่า
“ทุกคนทำความเคารพ!!! องค์ จักรพรรดิสวรรค์ เสด็จแล้ว!!!”
สิ้นเสียงตัวแทนพระองค์ ทุกคนในห้องต่างก้มหน้าลงเล็กน้อย ตัวแทนแกรนด์ดยุกทั้งสามเองก็ลุกขึ้นยืนขึ้นแล้วอยู่ในท่าทางเดียวกัน เหมือนกับทุกคนในห้อง ไม่นานนักองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ก็เดินออกมาแล้วตรงไปยังบัลลังก์ของตน เมื่อนั่งลงแล้วเสียงก็ดังขึ้นทันทีว่า
“เงยหน้าได้!!!”
เสียงที่ออกมาขององค์ จักรพรรดิสวรรค์ ออกมาพร้อมกับไอพลังปราณมหาศาล อย่างที่คิดเอาไว้ระดับพลังของเขาอยู่เหนือระดับ พระเจ้า แน่นอน ซึ่ง!! อยู่ระดับไหนผมก็ไม่สามารถเดาได้เพราะมันเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจไปแล้ว บรรยากาศเงียบสงบภายในห้องเมื่อครู่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ถ้าเป็นคนปกติมาเจอแรงกดดันแบบนี้คงหมดสติหรือไม่ก็เป็นลมไปแล้วแน่ๆ
ผ่านไปได้ไม่นาน แรงกดดันจำนวนมากก็หายไป
“ตัวแทนพระองค์ อธิบายข้อกล่าวหาทั้งหมดออกมา”
“ครับท่าน!!”
มีทหารหนึ่งคนเดินเข้าไปหาผู้แทนพระองค์ พร้อมกระดาษหนึ่งม้วนในมือ ตัวแทนพระองค์ เปิดอ่านทันทีแบบไม่รอช้า
“กรมทหาร ฟ้องร้องข้อหาถอนกำลังทหารออกมาโดยไม่คิดถึงผลตามมา ส่งผลให้หมู่บ้านกว่า 100 แห่ง โดนเผ่าขนาดเล็กและประเทศอื่นๆ ยึดไป จำนวนการเสียชีวิตไม่สามารถประมาณการได้เพราะชาวบ้านส่วนมากโดนจับไปเป็นเชลย ขุนนางกว่า 177 คน ในอาณาเขตทางเหนือของจักรวรรดิฟ้องร้องให้แกรนด์ดยุก วอเตอร์ ออกจากตำแหน่งเพราะทำหน้าที่ดูแลดินแดนไม่ได้”
ระหว่างพูด ตัวแทนพระองค์ ก็หันไปทาง หัวหน้ากรมทหาร ที่ยืนในกลุ่มก้อนขุนนางด้านข้างของผม
“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ หัวหน้ากรมทหาร?”
“ท่านพูดถูกต้องแล้ว แต่ข้าได้ข่าวมาว่าชาวบ้านส่วนมาโดยนำออกมาพร้อมกับกำลังทหารของท่านแกรนด์ดยุกแล้ว เพราะงั้นเชลยคงมีไม่มากเท่าไหร่”
หึหึ! ดูเหมือนว่าหัวหน้ากรมทหารมันจะไม่ใจกล้าเหมือนเดิมแล้วสินะ พูดออกมาแบบนี้แปลว่าเริ่มเข้าข้างผมแล้ว
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตรวจให้มันดีๆ ก่อนรายงานข้าไม่ได้หรือไง!!!”
“ขออภัยครับ…”
หัวหน้ากรมทหาร พูดพร้อมก้มหัวให้กับองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ที่ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโมโห การยื่นฟ้องปกติสามารถแก้ไขตอนไหนก็ได้ แต่การฟ้องต่อหน้าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ แบบนี้ เรื่องข้อมูลไม่ครบมันไม่สมควรเกิดขึ้น ท่านจะอารมณ์เสียแบบนั้นก็ไม่แปลก
“อ่านต่อได้!! ข้าหวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีก”
“ครับองค์ จักรพรรดิสวรรค์”
ตัวแทนพระองค์เริ่มก้มหน้าอีกครั้งตามคำสั่ง การฟ้องร้องแต่ละครั้งต้องฟังข้อกล่าวหาทั้งหมดก่อนแล้วผู้ที่โดนฟ้องถึงพูดออกไปได้ ตอนนี้ผมเลยยังไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
“กรมบริหาร ฟ้องร้องเรื่องการกว้านซื้อน้ำตาลแล้วการขายน้ำตาลเกินราคา ด้วยการกระทำของแกรนด์ดยุค วอเตอร์ ทำให้ราคาน้ำตาลสูงเกินจริงไปถึง 10 เท่า กรมบริหารเลยขอให้เอาเงินที่แกรนด์ดยุกทำกำไรได้ส่งคืนให้กรมบริหารทั้งหมด เพื่อบริหารประเทศต่อไป”
หลังพูดจบ ตัวแทนพระองค์ ก็หันไปทาง หัวหน้ากรมบริหาร แบบที่ทำเมื่อกี้
“ข้าพูดอะไรผิดไปหรือไม่ หัวหน้ากรมบริหาร?”
ฟุบ!
เข่าทั้งสองข้าของ หัวหน้ากรมบริหาร สัมผัสลงพื้นทันทีหลังคำถามของตัวแทนพระองค์จบลง ทุกสายตาภายในห้องต่างมองไปที่มันเป็นตาเดียวกันเพราะความสงสัย ไม่เว้นแม้แต่องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็เช่นกัน ….เจ้านี่เองก็คงมีสมองอีกคนแล้วสินะ หึหึ!