การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 49 น้ำจิ้มก่อนเข้าเฝ้า 2
ตอนที่ 49 น้ำจิ้มก่อนเข้าเฝ้า 2
หลังฟังเสียงหัวเราะชอบใจของเหล่าพี่น้องได้ไม่นาน ยัยร่าน ก็เดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าเจ็บใจ เธออยู่ในอาการกัดฟันเอาแน่น
“ข้าขอโทษในความไร้มารยาทของข้าจริงๆ”
“อ่า! ท่านไม่ต้องขอโทษท่านหรอก เพราะยังไงท่านและข้าก็ต้องเจอกันอยู่ดีในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้”
ยัยร่าน ทำหน้าปั้นยิ้มทันทีหลังผมพูดออกไป คงรู้ตัวนั่นแหละว่าผมรู้แล้วว่ายัยนี่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร ข้าไม่ได้ฟ้องท่านสักหน่อย พวกที่ฟ้องท่านมีแค่กรมทหารและกรมบริหาร แล้วก็พวกตระกูลต่างๆ กันเท่านั้น ท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป”
“หึ! เช่นนั้นก็คอยดู สำหรับเรื่องในครั้งนี้ข้าจะฟ้องกลับแน่นอน”
พูดไปตอนนี้ก็เปลืองลมปากเปล่าๆ วันนี้ผมคงเอาผิดยัยนี่มากมายไม่ได้ก็จริง แต่ตามแผนของผมก็ไม่คิดจะจัดการยัยนี่ เร็วๆ นี่อยู่แล้ว การจัดการยัยนี่มันต้องค่อยๆ และจัดการแบบช้าๆ ให้ได้รู้รสถึงความทรมานของผมที่โดนเมื่อชาติก่อน เงินไม่มี! คนพึ่งไม่มี! อำนาจไม่มี! ถ้าขาดของพวกนั้นไปก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่นแหละสำหรับขุนนาง และชนชั้นสูง หึ!
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่เสียงพูดของ องค์ชาย ซิคฟรีส ก็ดังขึ้น
“ท่านแกรนด์ดยุก ข้าและพี่น้องยกเว้น!! บางคน!! ให้การสนับสนุนท่านอยู่นะครับ”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านจริงๆ และข้าต้องตอบแทนสำหรับองค์หญิงและองค์ชายที่สนับสนุนข้าแน่นอน แต่ว่า!! เรื่องเส้นทะเลลมปราณตอนนี้กำลังโดนจัดสรรพื้นที่อยู่ องค์หญิงและองค์ชายทุกท่านโปรดเข้าใจ”
การพูดถึงเรื่องสนับสนุนของตัวเองตอนนี้มันก็คิดได้อย่างเดียว แถมยังพูดถึงพี่น้องคนอื่นๆ ออกมาอีก สำหรับเหล่าองค์หญิงและองค์ชายก็เป็นแบบที่ผมบอกไปเพราะถ้าปล่อยพื้นที่ให้ครอบครองนิดหน่อยก็ควบคุมความโลภเอาไว้ได้แล้ว หึหึ!
“ฮาฮาฮา เรื่องนั้นท่านแกรนด์ดยุกไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและพี่น้องสามารถรอท่านได้แน่นอน”
“เอาละ!! คงคุยกันพอแล้วอย่าได้ให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ รอนานกว่านี้ดีกว่า”
“ครับ!!”
ผมตอบรับเสียงอัครเสนบดี ไอรอน ที่ดังขึ้นมา จากนั้นก็หันไปทางยัยร่านอีกครั้ง
“หวังว่าท่านจะหาข้อแก้ตัวในเรื่องม้า 1,000 ตัว และเรื่องยุยงในครั้งนี้ได้…”
ผมเริ่มออกเดินตามอัครเสนบดี ไอรอน ทันทีหลังพูดจบ ที่บอกออกไปก่อนแบบนั้นก็เพราะอยากให้ยัยนั่นได้ตั้งตัวก่อนจะโดนโจมตี ผมเคยบอกไปแล้วว่าการจัดการยัยนี่มันไม่ใช่การฆ่าหรือการบดขยี้ให้พลังทลายในครั้งเดียว แต่ว่า ต้องทำลายไปทีละนิด ทีละหน่อย ทำจนให้ยัยนั่นคิดว่าตายสะยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ เหมือนกับผมในอดีตที่เสียอำนาจและตำแหน่งในฐานะแกรนด์ดยุกไป หึหึ!
“เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?”
อัครเสนบดี ไอรอน พูดออกมาระหว่างกำลังเดินนำผมอยู่ รอบตัวของพวกเราทั้งสองตอนนี้ไม่มีเหล่าขุนนางอยู่แล้ว มีเพียงอัศวินองครักษ์ยืนตามผนังตามทางเดินเท่านั้น การพูดเลยกลับมาเป็นแบบปกติอย่างงี้
“ท่านกำลังหมายถึงอะไร”
“ยังจะถามอีก!! เจ้าไปเตือนให้องค์หญิง เนร่า ให้เธอเตรียมตัวเอาไว้ทำไม เจ้าไม่เห็นหรือไงขนาดเวลาคิดไม่กี่วิเธอยังคิดแผนกดดันให้องค์ชาย ชิคฟรีส ให้ผิดใจกับเจ้าได้”
รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องทั้งหมดเลยสินะ แต่เรื่องการคิดแผนแบบนั้นได้ภายในไม่กีวิมันก็สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าผมไม่พูดอะไรออกไปก่อน องค์ชายซิคฟรีสคนโดนกดดันแล้วพูดอะไรผิดใจกับผมออกมาแน่ๆ น้ำหนักระหว่างพี่น้องในราชวงศ์กับแกรนด์ดยุกเช่นผม มันไม่ต้องเอามาเทียบกันเลย
“ข้าแค่มั่นใจเท่านั้น!!”
อัครเสนบดี ไอรอน หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาผม
“มั่นใจ?”
“ถูกต้องครับ ข้าคิดว่าองค์หญิง เนร่า ยังไม่ควรมาจบง่ายๆ เช่นนี้ หลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงข้าวางแผนจะไปโจมตีประเทศ เมเบอร์ และสังหารราชวงศ์ประเทศนั้นให้สิ้นทั้งหมด”
“นี่เจ้า… เอาจริงงั้นเหรอ ถึงประเทศนั่นจะเป็นเพียงเล็กๆ แต่พวกมันก็มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งและป้อมปราการทางธรรมชาติมากมาย จักรวรรดิของเราเคยพยามโจมตีหลายครั้งในอดีตแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง เจ้าคิดว่าครั้งนี้เจ้าจะทำได้หรือไง”
ถูกต้องแล้ว! ที่ประเทศ เมเบอร์ มันกดดันและยังอยู่ได้ก็เพราะป้อมปราการทางธรรมชาติจำนวนมากของพวกมัน ภูมิประเทศทางเหนือของจักรวรรดิส่วนมากจะเป็นภูเขาสะส่วนใหญ่ และกว่าจะไปถึงกลางทวีปที่เป็นจุดราบรุมก็ไกลนับพันกิโลเมตร
ส่วนเรื่องการโจมตีประเทศ เมเบอร์ จักรวรรดิก็เคยทำมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน แต่ว่า ถึงจะยึดเมืองได้ก็โดนพวกนั้นยึดครองภายในเวลาไม่กี่เดือนอยู่ดี เพราะงั้นเลยถือว่าการบุกของจักรวรรดิไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง แล้วก็แน่นอนที่จักรวรรดิไม่ได้มีไมตรีกับประเทศ เมเบอร์ มากมายอะไรนัก ที่องค์ จักรวรรดิสวรรค์ ยอมแต่งงานกับองค์หญิงจากประเทศ เมเบอร์ จนมียัยร่านออกมาก็เพราะโดนกดดันเรื่องการขนส่ง
ตามที่ผมลองศึกษาดู เหมือนว่าพวกนั้นจะปิดเส้นทางซื้อขายประเทศทางเหนือจักรวรรดิทั้งหมด จักรวรรดิอยู่เกือบส่วนใต้สุดของทวีปมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับความเสียหายมหาศาลจากการปิดเส้นทางของพวกมัน แต่ผมคิดว่าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ทำถูกแล้ว ถ้าไม่ยอมก็ต้องทำสงครามเพื่อเปิดทางและจะชนะได้ไหมก็ต้องลุ้นอีก แต่ว่า สิ่งที่ไม่ต้องลุ้นแน่นอนก็คือ การตายของทหารจักรวรรดิจำนวนมาก
เอาทหารเข้าตีประเทศป้อมปราการเช่นประเทศ เมเบอร์ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องเสียทหารไปจำนวนมาก และถ้าทำแบบนั้นสามประเทศใหญ่คงไม่นั่งดูเชยๆ กันแน่นอน
“ในอดีตจักรวรรดิของเราบุกแบบตรงๆ เกินไปครับ”
“ตรงๆ???”
ใบหน้าอัครเสนบดี ไอรอน ยังเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นเดิม แต่จะมาให้อธิบายแผนการรบทั้งหมดผมก็ทำไม่ได้หรอกเพราะมันนานเกินไป สรุปสั้นๆให้ไปเลยแล้วกัน
“การทำลายพวกมันต้องใช้การล้อมกรอบครับ แต่ทำยังไงข้าคงอธิบายให้ท่านฟังได้ไม่หมด”
“เป็นเช่นนั้นเอง… ถ้างั้นเข้าก็วางแผนเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้วสิ?”
ไม่เลย! พึ่งคิดได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเอง เหอๆ ถ้าตอบแบบที่คิดออกไปมันคงดูไม่ดีแน่ๆ สำหรับการทำสงครามกับประเทศที่เป็นป้อมปราการเป็นการทำสงครามที่ผมชอบสุดๆ อยู่แล้ว ในยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์ พวกเผ่าเทพเผ่าปีศาจมันชอบยึดประเทศที่เป็นป้อมปราการแบบนี้เช่นกัน และสมัยนั้นคนที่ต้องคิดแผนจัดการกับพวกมันก็คือ ผมเอง!
“เป็นแบบที่ท่านคิด แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีกำลังมากพอคงต้องรอเวลาไปก่อน”
“อ่า! ถ้าเจ้าสามารถทำได้จริงๆ องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ต้องให้รางวัลเจ้าแน่นอน”
“ครับ…”
อัครเสนบดี ไอรอน เริ่มออกเดินต่อทันที แต่แล้วผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดออกไปว่า
“ข้ามีอีกเรื่องจะรายงานให้ท่านไปบอกองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้รู้เอาไว้”
“หืม~ เรื่องอะไร”
“ระหว่างสู้กับพวกโจร ข้าเจอทหารของสหราชอาณาจักรอยู่ที่นั่นด้วย”
“หึหึ! เรื่องนั้นไม่แปลก การต่อสู้ของพวกโจรเต็มไปด้วยการปล้น พวกคนคุ้มกันหรือทหารคุ้มกันขบวนพ่อค้าคงเปลี่ยนใจเป็นพวกโจรนั่นแหละ”
อัครเสนบดี ไอรอน พูดออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ สำหรับขบวนส่งสินค้าที่มีเงินจ้างก็จะสามารถจ้างทหารมาได้ด้วยเช่นกัน แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่เวลาขบวนโดนทำลายทหารที่ต้องการมีชีวิตรอดจะเข้าร่วมกับโจรพวกนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้อยู่แล้ว แต่ว่า
“เจ้านั่นระดับบ่มเพาะ จักรพรรดิ นะครับ”
“เอ่ะ!?!?!?”
หลังอุทาน สีหน้าแบบไม่ค่อยสนใจเมื่อครู่ของอัครเสนบดี ไอรอน ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ระดับจักรพรรดิ คนพลังระดับนี้อย่างน้อยก็เป็นแม่ทัพได้แล้ว ไม่มีทางมาโดนโจรจัดการได้แน่นอน ถึงแม้ว่าไนน์เดมอนจะมีพลังระดับจักรพรรดิเหมือนกัน แต่!! เรื่องเคล็ดวิชาที่ได้รับโจรไม่สามารถสู้ทหารได้แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนระดับนั้นจะมารับใช้โจรในจักรวรรดิได้ สำหรับเขาคงสามารถเข้าใจได้ทันทีว่านี่มันเป็นแผนของสหราชอาณาจักร
“เจ้ามั่นใจใช่ไหม เจ้าเห็นอะไรเป็นการยืนยัน”
มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามยืนยันแบบนี้ ถ้าทหารปกติก็ไม่ต้องสนใจอะไรพวกมันมาก แต่ถ้าเป็นคนระดับพลังจักรพรรดิก็เลยต้องสนใจและมีเครื่องยืนยัน ถ้าผมไม่ได้ย้อนเวลากลับมาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปหรอก เพราะผมก็แค่สัมผัสพลังได้เท่านั้น ไม่ได้เห็นหน้า… ไม่สิ! ตัวก็ไม่เห็นตัวด้วยซ้ำ แต่พลังปราณที่สัมผัสได้ผมสามารถยืนยันได้ 100% ว่าเป็นเจ้านั่นแน่นอน
“ข้าเห็นตราแม่ทัพและชุดเกราะของมัน”
“จะ เจ้าพูดจริงๆ ใช่ไหม รู้ใช่ไหมว่าเรื่องครั้งนี้มันอาจทำให้เกิดสงครามระหว่างจักรวรรดิและสหราชอาณาจักรได้เลย”
ผมพยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจังให้กับคำถาม พร้อมตอบไปว่า
“ข้าสามารถเอาเกียรติของแกรนด์ดยุกเป็นหลักประกันได้ ถ้าข้าไม่มั่นใจข้าคงไม่กล้าพูดออกไป”
“…หรือว่าเจ้ารู้เรื่องนั้นแล้ว”
“ครับ?”
เมื่อยืนยันไปได้สักพัก อยู่ๆ อัครเสนบดี ไอรอน ก็พูดอะไรไม่เข้าใจออกมา
“ท่านกำลังหมายถึงเรื่องอะไรครับ!!”
“เช่นนั้นแปลว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนั้น …ถ้างั้นเรื่องการปรากฏตัวของทหารระดับสูงของสหราชอาณาจักร ข้าไปรายงานต่อองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้ เจ้าไม่ต้องห่วง”
ถึงถามออกไปอีกครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบ เหมือนว่าอัครเสนบดี ไอรอน ยังไม่อยากให้ผมรู้เรื่องเลยพยามเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าไม่อยากบอกคงไปบังคับให้บอกไม่ได้หรอก ถึงจะคาใจเอยู่ก็ตามแต่ผมก็พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดออกไปว่า
“ขอบคุณท่านมากที่รับฟังข้า”
ใบหน้าอัครเสนบดี ไอรอน เปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนๆ
“อ่า! ช่างเป็นการพบเจอที่ได้ข่าวคาดไม่ถึงจริงๆ แต่เห็นแบบนี้แล้วข้าก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน”
“เสียดาย! ท่านกำลังเสียดายเรื่องอะไร???”