ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 48 น้ำจิ้มก่อนการเข้าเฝ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 50 สงครามการฟ้องร้อง

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 49 น้ำจิ้มก่อนเข้าเฝ้า 2


ตอนที่ 49 น้ำจิ้มก่อนเข้าเฝ้า 2

หลังฟังเสียงหัวเราะชอบใจของเหล่าพี่น้องได้ไม่นาน ยัยร่าน ก็เดินออกมาด้านหน้าด้วยสีหน้าเจ็บใจ เธออยู่ในอาการกัดฟันเอาแน่น

“ข้าขอโทษในความไร้มารยาทของข้าจริงๆ”

“อ่า! ท่านไม่ต้องขอโทษท่านหรอก เพราะยังไงท่านและข้าก็ต้องเจอกันอยู่ดีในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้”

ยัยร่าน ทำหน้าปั้นยิ้มทันทีหลังผมพูดออกไป คงรู้ตัวนั่นแหละว่าผมรู้แล้วว่ายัยนี่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดเรื่องอะไร ข้าไม่ได้ฟ้องท่านสักหน่อย พวกที่ฟ้องท่านมีแค่กรมทหารและกรมบริหาร แล้วก็พวกตระกูลต่างๆ กันเท่านั้น ท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป”

“หึ! เช่นนั้นก็คอยดู สำหรับเรื่องในครั้งนี้ข้าจะฟ้องกลับแน่นอน”

พูดไปตอนนี้ก็เปลืองลมปากเปล่าๆ วันนี้ผมคงเอาผิดยัยนี่มากมายไม่ได้ก็จริง แต่ตามแผนของผมก็ไม่คิดจะจัดการยัยนี่ เร็วๆ นี่อยู่แล้ว การจัดการยัยนี่มันต้องค่อยๆ และจัดการแบบช้าๆ ให้ได้รู้รสถึงความทรมานของผมที่โดนเมื่อชาติก่อน เงินไม่มี! คนพึ่งไม่มี! อำนาจไม่มี! ถ้าขาดของพวกนั้นไปก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่นแหละสำหรับขุนนาง และชนชั้นสูง หึ!

ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอยู่เสียงพูดของ องค์ชาย ซิคฟรีส ก็ดังขึ้น

“ท่านแกรนด์ดยุก ข้าและพี่น้องยกเว้น!! บางคน!! ให้การสนับสนุนท่านอยู่นะครับ”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านจริงๆ และข้าต้องตอบแทนสำหรับองค์หญิงและองค์ชายที่สนับสนุนข้าแน่นอน แต่ว่า!! เรื่องเส้นทะเลลมปราณตอนนี้กำลังโดนจัดสรรพื้นที่อยู่ องค์หญิงและองค์ชายทุกท่านโปรดเข้าใจ”

การพูดถึงเรื่องสนับสนุนของตัวเองตอนนี้มันก็คิดได้อย่างเดียว แถมยังพูดถึงพี่น้องคนอื่นๆ ออกมาอีก  สำหรับเหล่าองค์หญิงและองค์ชายก็เป็นแบบที่ผมบอกไปเพราะถ้าปล่อยพื้นที่ให้ครอบครองนิดหน่อยก็ควบคุมความโลภเอาไว้ได้แล้ว หึหึ!

“ฮาฮาฮา เรื่องนั้นท่านแกรนด์ดยุกไม่ต้องเป็นห่วง ข้าและพี่น้องสามารถรอท่านได้แน่นอน”

“เอาละ!! คงคุยกันพอแล้วอย่าได้ให้องค์ จักรพรรดิสวรรค์ รอนานกว่านี้ดีกว่า”

“ครับ!!”

ผมตอบรับเสียงอัครเสนบดี ไอรอน ที่ดังขึ้นมา จากนั้นก็หันไปทางยัยร่านอีกครั้ง

“หวังว่าท่านจะหาข้อแก้ตัวในเรื่องม้า 1,000 ตัว และเรื่องยุยงในครั้งนี้ได้…”

ผมเริ่มออกเดินตามอัครเสนบดี ไอรอน ทันทีหลังพูดจบ ที่บอกออกไปก่อนแบบนั้นก็เพราะอยากให้ยัยนั่นได้ตั้งตัวก่อนจะโดนโจมตี ผมเคยบอกไปแล้วว่าการจัดการยัยนี่มันไม่ใช่การฆ่าหรือการบดขยี้ให้พลังทลายในครั้งเดียว แต่ว่า ต้องทำลายไปทีละนิด ทีละหน่อย ทำจนให้ยัยนั่นคิดว่าตายสะยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ เหมือนกับผมในอดีตที่เสียอำนาจและตำแหน่งในฐานะแกรนด์ดยุกไป หึหึ!

“เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?”

อัครเสนบดี ไอรอน พูดออกมาระหว่างกำลังเดินนำผมอยู่ รอบตัวของพวกเราทั้งสองตอนนี้ไม่มีเหล่าขุนนางอยู่แล้ว มีเพียงอัศวินองครักษ์ยืนตามผนังตามทางเดินเท่านั้น การพูดเลยกลับมาเป็นแบบปกติอย่างงี้

“ท่านกำลังหมายถึงอะไร”

“ยังจะถามอีก!! เจ้าไปเตือนให้องค์หญิง เนร่า ให้เธอเตรียมตัวเอาไว้ทำไม เจ้าไม่เห็นหรือไงขนาดเวลาคิดไม่กี่วิเธอยังคิดแผนกดดันให้องค์ชาย ชิคฟรีส ให้ผิดใจกับเจ้าได้”

รู้สึกเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องทั้งหมดเลยสินะ แต่เรื่องการคิดแผนแบบนั้นได้ภายในไม่กีวิมันก็สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ ถ้าผมไม่พูดอะไรออกไปก่อน องค์ชายซิคฟรีสคนโดนกดดันแล้วพูดอะไรผิดใจกับผมออกมาแน่ๆ น้ำหนักระหว่างพี่น้องในราชวงศ์กับแกรนด์ดยุกเช่นผม มันไม่ต้องเอามาเทียบกันเลย

“ข้าแค่มั่นใจเท่านั้น!!”

อัครเสนบดี ไอรอน หยุดเดินแล้วหันกลับมาหาผม

“มั่นใจ?”

“ถูกต้องครับ ข้าคิดว่าองค์หญิง เนร่า ยังไม่ควรมาจบง่ายๆ เช่นนี้ หลังจากเรื่องทั้งหมดจบลงข้าวางแผนจะไปโจมตีประเทศ เมเบอร์ และสังหารราชวงศ์ประเทศนั้นให้สิ้นทั้งหมด”

“นี่เจ้า… เอาจริงงั้นเหรอ ถึงประเทศนั่นจะเป็นเพียงเล็กๆ แต่พวกมันก็มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งและป้อมปราการทางธรรมชาติมากมาย จักรวรรดิของเราเคยพยามโจมตีหลายครั้งในอดีตแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง เจ้าคิดว่าครั้งนี้เจ้าจะทำได้หรือไง”

ถูกต้องแล้ว! ที่ประเทศ เมเบอร์ มันกดดันและยังอยู่ได้ก็เพราะป้อมปราการทางธรรมชาติจำนวนมากของพวกมัน ภูมิประเทศทางเหนือของจักรวรรดิส่วนมากจะเป็นภูเขาสะส่วนใหญ่ และกว่าจะไปถึงกลางทวีปที่เป็นจุดราบรุมก็ไกลนับพันกิโลเมตร

ส่วนเรื่องการโจมตีประเทศ เมเบอร์ จักรวรรดิก็เคยทำมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน แต่ว่า ถึงจะยึดเมืองได้ก็โดนพวกนั้นยึดครองภายในเวลาไม่กี่เดือนอยู่ดี เพราะงั้นเลยถือว่าการบุกของจักรวรรดิไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง แล้วก็แน่นอนที่จักรวรรดิไม่ได้มีไมตรีกับประเทศ เมเบอร์ มากมายอะไรนัก ที่องค์ จักรวรรดิสวรรค์ ยอมแต่งงานกับองค์หญิงจากประเทศ เมเบอร์ จนมียัยร่านออกมาก็เพราะโดนกดดันเรื่องการขนส่ง

ตามที่ผมลองศึกษาดู เหมือนว่าพวกนั้นจะปิดเส้นทางซื้อขายประเทศทางเหนือจักรวรรดิทั้งหมด จักรวรรดิอยู่เกือบส่วนใต้สุดของทวีปมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะได้รับความเสียหายมหาศาลจากการปิดเส้นทางของพวกมัน แต่ผมคิดว่าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ทำถูกแล้ว ถ้าไม่ยอมก็ต้องทำสงครามเพื่อเปิดทางและจะชนะได้ไหมก็ต้องลุ้นอีก แต่ว่า สิ่งที่ไม่ต้องลุ้นแน่นอนก็คือ การตายของทหารจักรวรรดิจำนวนมาก

เอาทหารเข้าตีประเทศป้อมปราการเช่นประเทศ เมเบอร์ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องเสียทหารไปจำนวนมาก และถ้าทำแบบนั้นสามประเทศใหญ่คงไม่นั่งดูเชยๆ กันแน่นอน

“ในอดีตจักรวรรดิของเราบุกแบบตรงๆ เกินไปครับ”

“ตรงๆ???”

ใบหน้าอัครเสนบดี ไอรอน ยังเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นเดิม แต่จะมาให้อธิบายแผนการรบทั้งหมดผมก็ทำไม่ได้หรอกเพราะมันนานเกินไป สรุปสั้นๆให้ไปเลยแล้วกัน

“การทำลายพวกมันต้องใช้การล้อมกรอบครับ แต่ทำยังไงข้าคงอธิบายให้ท่านฟังได้ไม่หมด”

“เป็นเช่นนั้นเอง… ถ้างั้นเข้าก็วางแผนเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้วสิ?”

ไม่เลย! พึ่งคิดได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเอง เหอๆ ถ้าตอบแบบที่คิดออกไปมันคงดูไม่ดีแน่ๆ สำหรับการทำสงครามกับประเทศที่เป็นป้อมปราการเป็นการทำสงครามที่ผมชอบสุดๆ อยู่แล้ว ในยุคสมัยหายนะแห่งมวลมนุษย์ พวกเผ่าเทพเผ่าปีศาจมันชอบยึดประเทศที่เป็นป้อมปราการแบบนี้เช่นกัน และสมัยนั้นคนที่ต้องคิดแผนจัดการกับพวกมันก็คือ ผมเอง!

“เป็นแบบที่ท่านคิด แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีกำลังมากพอคงต้องรอเวลาไปก่อน”

“อ่า! ถ้าเจ้าสามารถทำได้จริงๆ องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ต้องให้รางวัลเจ้าแน่นอน”

“ครับ…”

อัครเสนบดี ไอรอน เริ่มออกเดินต่อทันที แต่แล้วผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดออกไปว่า

“ข้ามีอีกเรื่องจะรายงานให้ท่านไปบอกองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้รู้เอาไว้”

“หืม~ เรื่องอะไร”

“ระหว่างสู้กับพวกโจร ข้าเจอทหารของสหราชอาณาจักรอยู่ที่นั่นด้วย”

“หึหึ! เรื่องนั้นไม่แปลก การต่อสู้ของพวกโจรเต็มไปด้วยการปล้น พวกคนคุ้มกันหรือทหารคุ้มกันขบวนพ่อค้าคงเปลี่ยนใจเป็นพวกโจรนั่นแหละ”

อัครเสนบดี ไอรอน พูดออกมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ สำหรับขบวนส่งสินค้าที่มีเงินจ้างก็จะสามารถจ้างทหารมาได้ด้วยเช่นกัน แล้วก็เป็นเรื่องปกติที่เวลาขบวนโดนทำลายทหารที่ต้องการมีชีวิตรอดจะเข้าร่วมกับโจรพวกนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้อยู่แล้ว แต่ว่า

“เจ้านั่นระดับบ่มเพาะ จักรพรรดิ นะครับ”

“เอ่ะ!?!?!?”

หลังอุทาน สีหน้าแบบไม่ค่อยสนใจเมื่อครู่ของอัครเสนบดี ไอรอน ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ระดับจักรพรรดิ คนพลังระดับนี้อย่างน้อยก็เป็นแม่ทัพได้แล้ว ไม่มีทางมาโดนโจรจัดการได้แน่นอน ถึงแม้ว่าไนน์เดมอนจะมีพลังระดับจักรพรรดิเหมือนกัน แต่!! เรื่องเคล็ดวิชาที่ได้รับโจรไม่สามารถสู้ทหารได้แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนระดับนั้นจะมารับใช้โจรในจักรวรรดิได้ สำหรับเขาคงสามารถเข้าใจได้ทันทีว่านี่มันเป็นแผนของสหราชอาณาจักร

“เจ้ามั่นใจใช่ไหม เจ้าเห็นอะไรเป็นการยืนยัน”

มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องถามยืนยันแบบนี้ ถ้าทหารปกติก็ไม่ต้องสนใจอะไรพวกมันมาก แต่ถ้าเป็นคนระดับพลังจักรพรรดิก็เลยต้องสนใจและมีเครื่องยืนยัน ถ้าผมไม่ได้ย้อนเวลากลับมาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปหรอก เพราะผมก็แค่สัมผัสพลังได้เท่านั้น ไม่ได้เห็นหน้า… ไม่สิ! ตัวก็ไม่เห็นตัวด้วยซ้ำ แต่พลังปราณที่สัมผัสได้ผมสามารถยืนยันได้ 100% ว่าเป็นเจ้านั่นแน่นอน

“ข้าเห็นตราแม่ทัพและชุดเกราะของมัน”

“จะ เจ้าพูดจริงๆ ใช่ไหม รู้ใช่ไหมว่าเรื่องครั้งนี้มันอาจทำให้เกิดสงครามระหว่างจักรวรรดิและสหราชอาณาจักรได้เลย”

ผมพยักหน้าด้วยใบหน้าจริงจังให้กับคำถาม พร้อมตอบไปว่า

“ข้าสามารถเอาเกียรติของแกรนด์ดยุกเป็นหลักประกันได้  ถ้าข้าไม่มั่นใจข้าคงไม่กล้าพูดออกไป”

“…หรือว่าเจ้ารู้เรื่องนั้นแล้ว”

“ครับ?”

เมื่อยืนยันไปได้สักพัก อยู่ๆ อัครเสนบดี ไอรอน ก็พูดอะไรไม่เข้าใจออกมา

“ท่านกำลังหมายถึงเรื่องอะไรครับ!!”

“เช่นนั้นแปลว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนั้น …ถ้างั้นเรื่องการปรากฏตัวของทหารระดับสูงของสหราชอาณาจักร ข้าไปรายงานต่อองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้ เจ้าไม่ต้องห่วง”

ถึงถามออกไปอีกครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบ เหมือนว่าอัครเสนบดี ไอรอน ยังไม่อยากให้ผมรู้เรื่องเลยพยามเปลี่ยนเรื่องแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าไม่อยากบอกคงไปบังคับให้บอกไม่ได้หรอก ถึงจะคาใจเอยู่ก็ตามแต่ผมก็พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดออกไปว่า

“ขอบคุณท่านมากที่รับฟังข้า”

ใบหน้าอัครเสนบดี ไอรอน เปลี่ยนเป็นยิ้มอ่อนๆ

“อ่า! ช่างเป็นการพบเจอที่ได้ข่าวคาดไม่ถึงจริงๆ แต่เห็นแบบนี้แล้วข้าก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน”

“เสียดาย! ท่านกำลังเสียดายเรื่องอะไร???”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด