ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 47 ฝันร้ายแห่งมวลมนุษย์กำลังจะเริ่มขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 49 น้ำจิ้มก่อนเข้าเฝ้า 2

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 48 น้ำจิ้มก่อนการเข้าเฝ้า


ตอนที่ 48 น้ำจิ้มก่อนการเข้าเฝ้า

“ท่านแกรนด์ดยุก พวกเราเดินทางมาถึงแล้วครับ”

เสียงอัศวินดังขึ้นด้านนอกรถม้าของผม หลังจากออกเดินทางมาได้ไม่นานรถม้าที่พุ่งตรงมายังพระราชวังก็หยุดลง ไม่นานผมก็เปิดประตูออก ภาพที่เห็นหลังเปิดประตูคือเหล่าอัศวินองครักษ์ในพระราชวังยืนเรียงแถวกันตั้งแต่หน้ารถม้าไปยันทางเข้าพระราชวัง รอบๆ อัศวินเหล่านั้นก็มีขุนนางมากมายยืนมองผมด้วยสายตาแตกต่างกันออกไป

บ้างก็มีด้วยความโกรธ

บ้างก็มองด้วยความสงสัย

บ้างก็มองด้วยสายตาเย็นชา

แววตาเหล่านั้นสำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องปกติ สมัยก่อน ก่อนที่จะย้อนเวลามาแววตาจำนวนมากก็มองแบบทิ่มแทงผมแบบนี้แหละ ถึงจะได้รับเคารพในหมู่ชั้นชนล่างและชนชั้นกลาง แต่เหล่าชนชั้นสูงของมนุษย์ไม่ได้ชอบคออะไรผมขนาดนั้น ถึงจะต้อนรับพอเป็นอย่างดีแต่นั่นมันก็เป็นเพียงมารยาทที่ของมันต้องทำเท่านั้น แววตาเช่นนี้มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก ถ้าเป็นเด็กอายุ 18 ปี ปกติคงกังวลกันไปแล้ว แต่ผมตอนนี้ไม่ใช่ 18 แต่มีอายุมากกว่านั้นเยอะ หึหึ!

ผมเดินผ่านสายตาจำนวนมากโดยไม่ได้สนใจอะไรพวกมัน หลังเดินเข้ามาในพระราชวัง อัครเสนบดี ไอรอน ก็มายืนรอผมอยู่ ข้างๆ ชายคนนั้นก็คือเหล่าองค์ชายและองค์หญิงจำนวนมาก แล้วก็แน่นอน ในหมู่องค์ชายและองค์หญิงเหล่านั้นก็มียัยร่านก็ยืนอยู่ด้วย แถมยังยืนอยู่ข้างอัครเสนบดี ไอรอน แบบไม่ดูสถานะของตัวเองอีก ที่ข้างๆ อัครเสนบดี ไอรอน มันต้องเป็นคนมีอำนาจในราชวงศ์แท้ๆ ไม่เหลืออะไรแล้วยังหน้าด้านมายืนตรงนั้นอีกนะ!!

จากสภาพการณ์ องค์ จักรพรรดิสวรรค์ คงสั่งให้อัครเสนบดี ไอรอน มาต้อนรับผมและให้นำทางเพื่อเข้าเฝ้า และการที่เหล่าองค์หญิงและองค์ชายปรากฏตัวออกมาแทบทั้งหมดแบบนี้ ก็คงอยากมาแสดงสถานะของตัวเองต่อหน้าของผม เส้นทะเลลมปราณ! เพียงแค่ผมมีมันอยู่ก็ทำให้เชื้อพระวงศ์แทบทั้งหมดสนับสนุนผมแล้ว

แต่ว่า ไม่เข้าใจเลยจริงๆ จะว่าใจกล้าหรือหน้าด้านดีละ ยัยร่าน!!! องค์หญิง เน่ร่า น่าจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการฟ้องผมในครั้งนี้แท้ๆ แต่ดันมาเสนอหน้าเจอกันแบบนี้อีก เฮ้อ~ ‘ ยอมใจกับคนอย่างเธอ ‘

“ขอบคุณท่านอัครเสรบดี”

ผมก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ เมื่อเดินถึงด้านหน้าอัครเสนบดี ไอรอน

“ข้าก็เช่นกันท่านแกรน์ดยุก ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือนท่านเปลี่ยนไปมากจริงๆ”

“ขอบคุณที่ชมครับ”

ตอนนี้พวกเราอยู่ต่อหน้าขุนนางและผู้คนจำนวนมาก อัครเสนบดี ไอรอน เลยเลือกใช้คำที่ฟังแล้วไม่สนิทสนมมากไปแทน การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ฉลาดเพราะถ้าพูดสนิทกันเกินไปเหล่าขุนนางอาจไม่พอใจ ในการตัดสินในครั้งนี้ได้ เรื่องที่พ่อของผมเป็นเพื่อนกับอัครเสนบดี ไอรอน ขุนนางทุกคนต่างก็รู้ทั่วจักรวรรดิ แต่ว่า เรื่องที่ในสมัยก่อนอัครเสนบดี ไอรอน ไม่ชอบผมก็รู้กันทั่วเช่นกัน

สมัยก่อนผมทำตัวเละเทะ อัครเสนบดี ไอรอน ก็แสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่ชอบและไม่สนับสนุน การที่องค์ จักรพรรดิสวรรค์ ให้ชายคนนี้มาต้อนรับผมคงสร้างความพอใจให้กับฝ่ายฟ้องร้องผมพอสมควร …ช่างเป็นคนที่วางแผนได้ดีจริงๆ

“ท่านแกรน์ดยุก!!! ท่านอยู่ระดับราชานักรบ ขั้นที่ 9!!!”

องค์ชายรัชทายาท องค์ชาย ซิคฟรีส พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าตกใจ เมื่อหลายเดือนก่อนในครั้งที่เจอกันพลังของผมมันยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่ในระยะเวลาไม่กี่เดือนระดับพลังของผมกลับเข้าสู้ ราชานักรบ ขั้นที่ 9 การบ่มเพาะที่รวดเร็วขนาดนี้ต่อให้เป็นเหล่าอัจฉริยะแห่งทวีปที่มีไม่ถึง 20 คน ก็ไม่สามารถทำได้

“นี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!! ไหนบอกว่าแกรน์ดยุกแห่งตระกูล วอเตอร์ เส้นลมปราณพิการ??”

“จริงด้วย!! องค์ชายซิคฟรีสพูดเรื่องจริง!!”

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ระดับบ่มเพาะทำไมถึงได้เพิ่มขึ้นขนาดนี้!!”

เสียงซุบซิบแบบตื่นตกใจจากเหล่าขุนนางดังขึ้นมาอย่างต่อเนื้อง ภายในเวลาไม่นานบรรยากาศห้องจากเงียบสงบก็เต็มไปด้วยเสียงตื่นตกใจ อีกอย่าง ถือว่าครั้งนี้ผมกำไรแล้วที่ปิดความลับเรื่องระดับพลังของตัวเอาไว้จนถึงเวลานี้ ยัยร่าน! ตอนนี้ใบหน้าของยัยนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ ยัยนั่นอ้าปากค้างเล็กน้อยมองมาที่ผมแบบไม่พูดอะไรออกมา …คุ้มค่าแล้วแบบนี้ หึหึ!

“องค์รัชทายาทท่านเป็นคนที่ช่างสังเกตจริงๆ เมื่อไม่นานมานี่ข้าได้โอสถที่สามารถรักษาเส้นลมปราณของข้าได้ และพอหลังจากรักษาหายระดับพลังของข้าก็เพิ่มขึ้นมาแบบที่เห็น พอถามคนที่เอาโอสถมาให้ชายคนนั้นก็บอกว่าที่ระดับพลังของข้าเพิ่มขึ้นมาขนาดนี้เป็นเพราะโอสถจำนวนมากในอดีตที่เคยกินเข้าไป”

แน่นอนว่าเรื่องที่ผมพูดออกไปมันแต่งออกมาทั้งนั้น ในนิยายเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ  เพราะงั้นการหาข้อแก้ตัวเรื่องระดับพลังเพิ่มขึ้นมาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมหรอก ถ้าอยู่ๆ พลังเพิ่มขึ้นมาโดยไม่ทราบเหตุผลแบบนี้มันจะแปลกเกินไปเพราะงั้นเลยเตรียมข้อแก้ตัวเอาไว้แล้ว หึหึ!

“เป็นเช่นนั้นเอง”

“ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี สมัยก่อนตระกูล วอเตอร์ หมดทรัพยากรไปกับท่านเยอะมาก”

อัครเสนบดี ไอรอน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง การพูดออกมาแบบนี้ไม่ใช่การก่อกวนแต่เป็นการยืนยันเรื่องที่ผมพูดออกไปด้วย การบอกว่าใช้ทรัพยากรจำนวนมากจะทำให้ทุกคนที่ได้ยินคิดว่าคำพูดของผมมีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก

“สุดยอดเลยไคล์!!! เจ้าช่วยแนะนำให้พวกเราเหล่าเชื้อพระวงศ์รู้จักได้ไหม คนที่มีความสามารถขนาดนั้นถ้าได้มาทำงานให้จักรวรรดิ ต้องสามารถช่วยเหลือคนได้อีกมากแน่ๆ”

เสียงยัยร่านดังขึ้นมาหลังจากผมพูดออกไปได้ไม่นาน

“ท่านพี่ซิคฟรีสก็คิดเหมือนกับข้าใช่ไหม?”

ไม่ใช่เพียงการออกตัวมาถามเท่านั้น แต่ยังดึงเอาองค์ชาย ชิคฟรีส เข้ามากดดันผมด้วย นับว่าเป็นการเดินเกมที่ฉลาดหลักแหลม บางทีก็แอบคิดเหมือนกันถ้าเอาสมองยัยนี่มาใช้ในสงครามมันจะเป็นยังไง แต่คิดไปคิดมาว่าก็อย่าดีกว่า ถ้าเอางูเห่าแบบนี้มาใกล้ตัวมันจะหันมากัดตัวผมเองตอนไหนก็ไม่รู้ เหอๆ

“เรื่องนั้น…”

องค์ชาย ซิคฟรีส ลับตาไปมาระหว่างผมกับยัยร่าน คำตอบขององค์ชาย ซิคฟรีส ตอนนี้มันไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก ถ้าเลือกตอบว่าไม่องค์หญิงและองค์ชายคนอื่นๆ ก็จะไม่พอใจ การได้นักปรุงโอสถฝีมือดีมารับใช้ราชวงศ์เป็นเรื่องที่คนในราชวงศ์ต้องการกันอยู่แล้ว แต่ว่า ถ้าตอบว่าเห็นด้วย ก็เท่ากับว่าจะทำให้ผมที่เป็นถึงแกรนด์ดยุกที่มีเส้นทะเลลมปราณขนาดใหญ่ไม่พอใจ

น้ำหนักคำตอบครั้งนี้กดองค์ชาย ซิคฟรีส มากจริงๆ

“หรือท่านพี่ไม่เห็นด้วยกับข้า ท่านพ่อก็คงดีใจแน่ถ้าได้นักปรุงโอสถระดับนั้นมารับชะ-”

“องค์หญิง!! ท่านกำลังล้อเล่นอะไรอยู่กันครับ”

ยัยร่านที่กำลังกดดันองค์ชาย ซิคฟรีส อยู่หันมาทางผมทันที

“…พวกเราสองคนยกเลิกการหมั้นไปแล้วนะครับ ตอนนี้ท่านเรียกข้าด้วยชื่อข้าคิดว่ามันไร้มารยาทไปหน่อย”

“เรื่องนั้นข้าลืมตัวไป…”

“เช่นนั้นก็ขอโทษที่ต้องกล่าวว่าท่านไร้มารยาท!! แต่ข้าหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก”

“ระ เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง”

การตอบของยัยร่านช่วงท้ายฟังแล้วไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ก็แน่นอนละ ตามแผนของยัยนี่คงคิดว่าผมหาคำพูดอะไรมาพูดตอนนี้ไม่ได้ แล้วก็พยามกดดันองค์ชาย ซิคฟรีส เพื่อให้ผิดใจกับผม หึหึ! เจอกี่ครั้งก็ทำให้สนุกได้ตลอดจริงๆ ทำลายอำนาจศัตรูเรื่องราชบัลลังก์! ยึดเอานักปรุงโอสถจากผมโดยอ้างองค์จักรพรรดิ! ต่อให้เป็นคนระดับสูงในตำแหน่งแม่ทัพก็คงวางแผนพวกนี้ได้ภายในไม่กี่วิแบบเธอไม่ได้หรอก ... นี่คงเป็นน้ำจิ้มก่อนเราเข้าไปปะทะกันต่อหน้าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ สินะ!

ในระหว่างที่ผมกำลังกดดันยัยร่านให้หยุดพูด ทางด้านองค์ชาย ซิคฟรีส ก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย ตอนนี้เขาคงเข้าใจแล้วว่าที่ผมทำแบบนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ …สมแล้วที่เป็นองค์รัชทายาท ถ้าแค่นี้สู้ไม่ได้ ก็เขาไม่สมควรรับตำแหน่งจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิคนต่อไปหรอก

“ข้าต้องขอโทษแทนความไร้มารยาทของน้องสาวข้าด้วยท่านแกรน์ดยุค หวังว่าท่านจะเห็นแก่หน้าของข้าและปล่อยเรื่องครั้งนี้ผ่านไป”

“ถ้าองค์ชายพูดขนาดนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่ครั้งหน้าข้าหวังว่าจะไม่ได้ยินอะไรแบบนี้”

“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะอบรมเรื่องมารยาทกับน้องข้าให้เอง”

พูดจบองค์ชาย ซิคฟรีส ก็หันไปทางยัยร่านด้านหลัง

“เนร่า เจ้าก็ควรขอโทษท่านแกรน์ดยุกด้วย ถึงเจ้าจะยังเด็กแต่เรื่องการห้ามเอาข้ารับใช้ของคนอื่นมาก็น่าจะเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือไง หรือต้องให้ข้าหาคนสอนมารยาทให้เจ้าใหม่ทั้งหมด”

คิ! คิ! คิ!

เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากเหล่าองค์หญิงและองค์ชายที่ยืนอยู่ ยัยร่านเป็นคนที่สร้างศัตรูไปทั่วอยู่แล้วในยุคที่มีตระกูล วอเตอร์ คุ้มครองอยู่ และการพูดขององค์ชาย ซิคฟรีส เมื่อครู่ มันก็ไม่ใช่การเตือนแต่ถ้าฟังดีๆ มันเป็นการด่าอยู่ต่างหาก คงกำลังจะพยามเอาคืนเรื่องเมื่อกี้นั่นแหละ หึหึ! …ตอนนี้มันก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นแหละ ยัยร่าน!!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด