ตอนที่แล้วการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 42 การตอนรับหน้าประตูเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 44 การฆ่าแบบถูกกฎหมาย

การหวนคืนของจอมพลคนสุดท้าย ตอนที่ 43 แผนการ การเชือดไก่ให้ลิงดู


ตอนที่ 43  แผนการ การเชือดไก่ให้ลิงดู

“ถ้าท่านหัวหน้ากรมบริการพูดออกมาแบบนี้ ข้าก็ขอบคุณ …ท่านเองก็น่าจะขอโทษและหลบทางให้ข้าเข้าไปในเมืองดีๆ ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้เราคงต้องคุยกันอีกยาว ท่านหัวหน้ากรมทหาร!!”

ใบหน้าหัวหน้ากรมทหาร บิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วยังไง ถ้ามันยังพอมีสมองอยู่คงเข้าใจดีว่าทางเลือกที่มันต้องทำตอนนี้คือ การก้มหัวขอโทษ! ถ้าไม่อย่างงั้นทางผมก็คงไม่หยุด

ผ่านไปได้ไม่กี่วิหัวหน้ากรมทหาร ก็เหมือนจะสงบสติของตัวเองได้ มันก้มหัวลงเล็กน้อย

“ข้าผิดไปแล้วท่านแกนด์ดยุค เชิญท่านผ่านไปได้…!”

“ขอบคุณ แต่…”

เมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการได้ยิน ผมก็หันไปทางหัวหน้าทหารเฝ้าประตูที่กล้าเข้ามาหาเรื่องผมเมื่อครู่ ตอนนี้ใบหน้าของมมันขาวซีดเพราะความหวาดกลัว ต่อให้เป็นคนไม่มีสมองยังไงก็คงเข้าใจว่าการหาเรื่องขุนนางยศ แกนด์ดยุค และไม่มีคนคอยสนับสนุนมันจะมีอะไรตามมา หึ! คงต้องย้ำเตือนพวกขุนนางที่ดูอยู่สักหน่อย ว่ามดที่มันหาญกล้าเข้ามาในการต่อสู้ของช้างและสิงโต มันจะเป็นยังไงกัน!!

และการจะทำแบบนั้น วิธีเชือดไก่ให้ลิงดูมันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

เมื่อคิดได้ผมก็ชี้นิ้วไปที่ตำแหน่ง หัวหน้าทหารเฝ้าประตู แล้วพูดเสียงแข็งออกไปว่า

“ข้าสามารถยกโทษให้ หัวหน้ากรมทหารและหัวหน้ากรมบริหาร ในการทำให้ข้าเสียเวลาเช่นนี้ได้ เพราะยังไงพวกเราก็ต้องไปเข้าเฝ้าองค์ จักรพรรดิสวรรค์ ด้วยกันอยู่แล้ว ในเรื่องที่พวกท่านฟ้องร้องข้า แต่ว่า หัวหน้าทหารเฝ้าประตูข้าไม่สามารถยกโทษให้กับมันได้ พวกท่านทั้งสองคงได้ยินเรื่องที่มันพยามใส่ร้ายข้าแล้วใช่หรือไม่?”

“คือ….”

“นี่มันก็…”

หัวหน้ากรมทหาร และ หัวหน้ากรมบริหาร ตอบรับทันทีด้วยท่าทางอึกอัก ก็แน่นอนอยู่แล้วคนที่ผมกำลังจะลงโทษตอนนี้เป็นคนที่พวกมันสั่งให้มาหาเรื่องผมเอง ถ้าไม่ช่วยมันก็ดูไม่ดีและในอนาคตคงไม่มีใครอยากทำงานให้พวกมันทั้งสอง สายตาขุนนางหลายคนที่ดูหลังกำแพงเป็นตัวกดดันพวกมันทั้งสองอย่างดี ทว่า ถ้ามันมีความคิดที่จะช่วยขึ้นมา วันนี้พวกมันทั้งสองคนก็คงไม่ได้กลับกันแบบดีๆ กันหรอก หึ! ขอข้าดูหน่อยเถอะว่าพวกเจ้าจะมีสมองคิดอะไรมากอีกไหม

หลังเงียบสักพัก หัวหน้ากรมบริหาร ก็เหมือนจะคิดอะไรออกเลยหันมาสู้ตาผมอีกครั้ง

“ท่านแกนด์ดยุค ข้าคิดว่าครั้งนี้เป็นการเข้าใจผิด”

“เข้าใจผิด?”

“ใช่! เรื่องครั้งนี้ข้าว่าท่านอย่าไปถือโทษเจ้านั้นละ-”

“เหอ! ถ้าพวกท่านทั้งสองตัดสินความเป็นธรรมให้ข้าไม่ได้เรื่องครั้งนี้คงต้องถึงกรมยุติธรรม แต่เป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน ถ้าเรื่องไปถึงกรมยุติธรรมข้าจะได้มให้สืบไปด้วยว่าใครที่มันกล้าสนับสนุนมันจนกล้ามาขวางทางข้าเช่นนี้”

ใบหน้า หัวหน้ามกรมบริการ และ หัวหน้ากรมทหาร บิดเบี้ยวกันอย่างชัดเจน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันสองคนก็ไม่กล้าสู้ตาของผมและพูดอะไรออกมาเพื่อช่วยเหลืออะไรอีก ก็ต้องแบบนี้แหละ จากการปรากฏตัวของพวกมันเพียงสองกรมที่เห็นตอนนี้ ซึ่งมันก็แปลว่า

กรมครัวเรือน!

กรมยุติธรรม!

กรมพิธีการ!

ทั้งสามกรมยังไม่เข้าร่วมกับพวกมันและยังพยามเป็นการในสงครามการฟ้องร้องครั้งนี้อยู่ หมายความว่าถ้าเกิดผมให้กรมยุติธรรมเข้ามายุ่งเรื่องนี้พวกมันทั้งสองคนก็อาจจะโดนเอาความผิดไปด้วยก็ได้ เป็นปกติอยูแล้วที่จะต้องทิ้งของที่ไร้ค่าหรือคนที่หมดประโยชน์ …นี่แหละสงครามการเมือง ไม่มีมิตรแท้! ไม่มีศัตรูแท้จริง!

“ข้าก็ว่าเช่นนั้นครับ…”

หัวหน้ากรมบริหาร พูดออกมาด้วยน้ำเสียงกัดฟันแน่น ถึงตอนนี้มันจะรู้ว่าอำนาจและชื่อเสียงของมันจะลดลงในการลงโทษของผมกับ หัวหน้าเฝ้าประตู แต่มันเลือกสนับสนุนผมแบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง  หลังจากคนที่หนึ่งเรียบร้อยผมก็หันไปมองอีกคน แล้วถามออกไปว่า

“หัวหน้ากรมทหารก็เห็นด้วยกับข้าหรือไม่”

“คือ…”

“ข้าไม่ได้มีเวลามากมายอะไรขนาดนั้น ถ้ายังช้าอยู่แบบนี้ข้าคงต้องเรียกคนจาก กรมยุติธรรม มาตัดสินเรื่องที่เกิดขึ้น!!”

“…ขะ ข้าว่าอย่าให้เรื่องไปถึงที่นั่นเลย นี่เป็นเพียงหัวหน้าทหารเฝ้าประตูเท่านั้น …ข้าในฐานะหัวหน้ากรมทหารจะทำการลงโทษตามกฎเอง”

หึ! ลงโทษตามกฎ ถ้าปล่อยเรื่องนี้ให้แกจัดการคงไม่มีการลงโทษอะไรหรอก ก็มันเป็นคนของแกไม่ใช่หรือไง เหอๆ นี่มันคิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง ทว่า การที่มันพูดออกมาแบบนี้ก็แปลว่ายอมรับความผิดของหัวหน้าทหารเฝ้าประตูแล้วเช่นกัน …กำลังรออยู่เลย

“ขอยคุณในความหวังดรของท่านจริงๆ แต่เรื่องนี้คงปล่อยผ่านไปไม่ได้”

ระหว่างพูดผมก็ชี้ไปทางประตูเมือง แต่ที่ผมกำลังชี้ไปไม่ใช่เหล่าทหารที่ถือโล่กันหน้าประตูเมืองเอาไว้ แต่มันเป็นเหล่าขุนนางที่กำลังสังเกตการณ์หน้าประตูเมืองอยู่ต่างหาก การเชือดไก่ให้ลิงดูครั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการทำให้กราทหารและกรมบริหารดู แต่ผมต้องการแสดงให้เหล่าตระกูลที่ฟ้องผมร่วมกับตระกูล มอแกน ได้เห็นกันต่างหาก ว่าอนาคตของพวกมันหลังจากนี้จะเป็นยังไงกัน หึหึ!

ตอนนี้ทุกคนคงจะเห็นแล้วว่าถ้าหมดประโยชน์ กรมบริหาร หรือ กรมทหาร ก็ไม่ได้ยืนมือเข้ามาช่วย เรื่องครั้งนี้คงสร้างความหวาดกลัวในหมู่ขุนนางพอสมควร และคงมีตระกูลที่พยามยกเลิกฟ้องผมแน่ ถ้าจำนวนการฟ้องน้อยลงอำนาจการฟ้องก็จะลดลงไปด้วย แต่ว่า ถึงพวกมันจะเลิกฟ้องตอนนี้ก็ต้องได้รับโทษจากผมกันอยู่ดี

“ท่านจะให้ข้ายอมขายหน้าต่อขุนนางจำนวนมากขนาดนั้นได้หรือไง ถ้าท่านต้องการลงโทษเองข้าก็ไม่ขัด แต่ท่านต้องลงโทษให้ข้าได้เห็นด้วยเช่นกัน แล้วก็ต้องลงโทษตอนนี้!! เวลานี้!!”

พูดจบ หัวหน้าทหารเฝ้าประตู ก็คุกเข่าลงสองข้าง

“ท่านแกนด์ดยุค ข้าไม่ได้ตั้งใจยกโทษให้ข้าด้วย!!!”

“เหอ! ยกโทษ!! ถ้าข้าปล่อยเจ้าไปเพราะแค่พูดแบบนั้นต่อไปใครๆ ก็กล้าเข้ามาทำแบบนี้นะสิ”

“ข้าโดนสั่งมาครับ!!! ข้าโดนหัวหน้ากะ-”

ฉวบ!

มันยังพูดไม่ทันจบ ดาบจากมือของหัวหน้ากรมทหารก็แวกอากาศเข้าไปที่คอของมัน ถึงหน้าหน้ากรมทหารจะไม่ได้แข็งแกร่งมากแต่มันก็เป็นผู้บ่มเพาะระดับจักรพรรดิ การปลิดชีพของหัวหน้าทหารเฝ้าประตูก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร …เฮ้อ~ เมื่อกี้มันกำลังจะหลุดข้อมูลออกมาอีกแล้วแท้ๆ ช่างลงมือเร็วสะจริงๆ ระหว่างกำลังคิดผมก็หลี่ตาลงเล็กน้อยมองไปยังหัวหน้กรมทหาร

“แบบนี้ท่านพอใจหรือไม่?”

ผมเงียบกับคำถามที่ได้ยินสักพัก แล้วตอบออกไปว่า

“ทำไมข้าจะไม่พอใจ ท่านหัวหน้ากรมทหารลงมือเด็ดขาดจริงๆ”

“เช่นนั้นข้าก็สบายใจ หวังว่าท่านจะให้อภัยกับเหล่าทหารที่เหลือได้”

ระหว่างกล่าวออกมา หัวหน้ากรมทหาร ก็มองไปยังเหล่าทหารที่ถือโล่กันประตูเอาไว้อยู่ จะให้ไปถือโทษพวกนั้นก็ไม่ได้หรอก ทหารเหล่านั้นก็แค่ทำตามคำสั่งของหัวหน้าตัวเอง เอาตรงๆ ผมก็ไม่ได้อยากฆ่าทหารจักรวรรดิเพื่อลดความแข็งแกร่งของประเทศอยู่แล้วด้วย ถ้าหัวหน้ากรมทหารมันไม่พูดอะไรออกมาผมก็จะปล่อยพวกนี้ไปอยู่ดี อีกอย่าง ถ้าพูดอะไรนิดหน่อยระหว่างการปล่อยตัวพวกนนั้นไป มันก็จะเป็นประโยชน์ในแผนของผมอีกด้วย หึหึ!

ผมส่ายหน้าไปมาให้กับคำถาม พร้อมพูดออกไปว่า

“ข้าไม่คิดลงโทษทหารเหล่านั้นหรอก ถ้าตระกูลไหน… ไม่สิ! ตอนนี้ต้องพูดว่าใครที่ต่อต้านข้าแล้วกลับตัวข้าก็ละเว้นโทษสูงสุดอย่างการตายให้ได้อยู่ เพียงแต่ว่า!! ข้าไม่ใช่คนที่จะรออะไรได้มากมายขนาดนั้น ถ้าถอนตัวก่อนเรื่องเกิดขึ้นข้าก็ยินดีลดโทษให้”

ผมพูดออกไปเสียงดังเพื่อให้เหล่าขุนนางที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ได้ยินกันด้วย และช่วงท้ายของประโยคก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อให้พวกนั้นได้เข้าใจกันด้วย สำหรับเหล่าขุนนางแล้วคงเข้าใจกันเองแหละว่าผมต้องการจะสื่ออะไรให้พวกมันเข้าใจ [ ถ้ายกเลิกการฟ้องก่อนเริ่มตัดสิน ข้าก็ยินดีที่จะลดโทษให้ ] นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อออกไป แล้วผมก็เชื่อว่าขุนนางทุกคนคงเข้าใจความหมายมันดี …แต่ถ้าตระกูลไหนไม่มีสมองพอเข้าใจได้ก็ต้องโทษพวกมันเองแล้วละ

“พวกเจ้ามัวรออะไรกันอีก เปิดท่านให้ท่านแกนด์ดยุคสะสิ!!!”

“ครับ!!!”

ด้วยคำสั่งของหัวหน้ากรมทหารทำให้ทหารถือโล่เปิดทางออกทันที จากนั้นผมและทหารของผมก็เดินเข้าเมืองแบบว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างกำลังเดินเข้าเมืองอยู่นั้นสายตาเหล่าขุนนางที่ยืนดูเรื่องเมื่อครู่อยู่ก็มองมาทางผมแบบไม่กระพริบ เชื่อว่าคงมีหลายคนแหละที่อยากเข้ามาคุยกับผมเรื่องคำพูดเมื่อกี้ ทว่า มันคงไม่มีใครกล้าออกตัวมาหรอก หลังจากที่พวกมันได้เห็นสภาพของหัวหน้าทหารเฝ้าประตูไป หึ! ได้เห็นพวกมันรู้สึกกดดันแบบนี้ช่างรู้สึกดีจริงๆ ถ้าพวกแกไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก

…..

หลังจาก ไคล์ วอเตอน์ และเหล่าอัศวินหายไปจากสายตา หัวหน้ากรมทหารก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งใจ มันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกหลังจาก ไคล์ วอเตอร์ ออกไปจากสายตาของมัน ตอนแรกมันคิดว่าข่าวเรื่องที่แกนด์ดยุค วอเตอร์ เปลี่ยนไปเป็นเพียงข่าวลือที่ตระกูล วอเตอร์ สร้างขึ้นมาเพื่อจะได้มีอำนาจเพิ่มเพียงเท่านั้น ทว่า หลังจากเห็นด้วยตาตัวเองมันก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ข่าว แต่มันเป็นเรื่องจริง!!!

“เจ้าคิดว่ายังไง พวกเราตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่ร่วมมือกับตระกูล มอแกน และองค์หญิง เนร่า ในการฟ้องร้องครั้งนี้?”

หัวหน้ากรมทหาร กล่าวถาม หัวหน้ากรมบริหาร ด้วยน้ำเสียค่อยๆ

“เฮ้อ~ นี่เจ้ายังคิดว่าพวกเราตัดสินใจถูกอยู่อีกหรือไง เรื่องน้ำตาลที่ข้าฟ้องไปมันมีข้อเสียหลายอย่างที่ตระกูล วอเตอร์ เอามาแก้ต่างได้ ถ้ารู้ว่าแกนด์ดยุค วอเตอร์ มีความสามารถขนาดนี้ข้าคงไม่ฟ้องหรอก”

“แปลว่าเจ้าคิดเหมือนกันกับข้า…”

หัวหน้ากรมทหาร กล่าวตามความจริงที่ตัวเองคิด ตัวมันเองก็รู้แก่ใจว่าตัวเองทำผิดแล้วที่ยืนฟ้องคนแบบ ไคล์ วอเตอร์ ไปแบบนั้น เรื่องข้อเสียการฟ้องไม่ได้มีเพียงน้ำตาลเท่านั้น แต่เรื่องการถอนกำลังทหารกลับมาจากอาณาเขตทางเหนือก็มีข้อเสียมากมายที่ตระกูล วอเตอร์ จะเอามาอ้างได้เช่นกัน

ขนาดจัดการโจรเพียงแค่ 1000 คน ไคล์ วอเตอร์ ยังกดดันกรมทหารของมันได้ขนาดนี้ มันไม่อยากคิดเลยว่าถ้า ไคล์ วอเตอร์ เอาเรื่องดินแดนทางเหนือว่าเกี่ยวด้วยกรมทหารจะโดนอะไรบ้าง

เวลานี้ หัวหน้ากรมทหารและหัวหน้ากรมบริหาร ต่างก็มีความคิดเหมือนกัน ซึ่งความคิดที่ทั้งสองคิดอยู่ตอนนี้ก็คือ ไม่น่าเอาตัวเอามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย่งครั้งนี้! ทว่า ถึงจะอยากยกเลิกการฟ้องพวกมันก็ทำกันไม่ได้ เพราะถ้าทำอย่างงั้นกรมทหารและกรมบริหารก็มีแต่มีแต่จะได้รับความอับอาย และคงได้กลายตัวตลกในสังคมของจักรวรรดิไปอีกนาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด